ข้าแค่อยาก "กิน" อย่างเงียบๆ - บทที่ 7 ขยะที่แท้
“เจ้าคงจะเบื่อที่จะใช้ชีวิตบัดซบของเจ้าแล้วสินะถึงได้กล้าที่จะมาพูดกับข้าแบบนี้”
เจียงหมิงไม่อาจอดทนต่อไปได้อีก
เจียงหยวนที่อยู่ตรงหน้าของเฉียวเว่ยได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง “เฮ้อออ ถ้าพูดถึงขยะแล้ว ข้าว่าเจ้าเหมาะสมกับคำนี้มากกว่าน้า”
“รน หา ที่ ตาย”
เจียงหมิงพูดออกมาพร้อมร่างกายที่พุ่งตรงเข้าใส่เจียงหยวนจากในระยะหลายเมตรโดยมีหมัดขวาของเขานำพาร่างให้ทะยานออกไป หมายจะใช้หมัดของตนเข้าต่อยใส่เจียงหยวน
อย่างไรก็ตาม เจียงหยวนไม่ได้ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย เขาได้ลอบขับเคลื่อนลมปราณไปตามเคล็ดวิชาร่างทองคำ
หลังจากแสงสีทองได้ปรากฎ เมื่อเห็นเจียงหมิงที่พุ่งตรงเข้ามาหาอยู่ตรงหน้า เจียงหยวนก็ได้ยิ้มกว้างออกมา
“แค่เศษขยะแต่กล้ามาทำตัวโอหัง เจ้าสมควรตายแล้ว”
“ลูกพี่ ฆ่ามันให้ตายซะ”
“ไอ้ขยะนี่ก็แค่ทำตัววางท่าไปอย่างนั้น ดูมันสิ กลัวจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว”
เมื่อเห็นว่าเจียงหยวนไม่ได้ตั้งท่าตอบโต้ คนของเจียงหมิงต่างก็พูดดูถูกออกมา
*ตูมมมม*
ภายใต้การตระโกนโหวกเหวกของคนของเจียงหมิง หมัดของเขาก็ได้จรดลงบนตัวของเจียงหยวน
“อ๊าคคคค”
เมื่อเห็นฉากนี้ ไม่ว่าใครที่เห็นต่างก็ต้องนิ่งแข็งข้างไป
นั่นก็เพราะคนที่กำลังกรีดร้องราวกับหมูที่ถูกเฉือด กลับกลายเป็นเจียงหมิง
ส่วนเจียงหยวนนั้น เขายังคงยืนอยู่นิ่งไม่ไหวติง อย่าว่าแต่จะขยับตัวเลย ร่างกายของเขายังไม่เขยื้อนเพราะแรงต่อยเลยแม้แต่น้อย
เจียงหมิงได้ชี้นิ้วไปที่จางหยวนในขณะที่กุมมือของตัวเองเอาไว้ “ไอ้เศษขยะ นี่เจ้ากล้าใส่แผ่นเหล็กไว้กลางอกของเจ้าอย่างนั้นเหรอ”
“เฮ้อออ ข้าละแปลกใจนักว่าใครกันหน้าที่เป็นเศษขยะที่แท้จริงน่ะ”
*กรุ๊บ*
อีกเสียงกรีดร้องที่ไม่ได้ต่างไปจากหมูถูกเฉือดได้ดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง
ในตอนนี้ นิ้วของเจียงหมิงที่ชี้ไปยังเจียงหยวนได้อยู่ในมุมที่แปลกประหลาด จะบอกว่าหักไปแล้วก็ยังไม่มีใครแปลกใจ
เจียงหยวนได้สบถออกมาทีหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ก็ข้าบอกไปแล้วว่าถ้าเจ้าไม่ต้องการนิ้วนั่น ข้าจะหักมันซะ”
“ไอ้ตัวระยำ รนหาที่ตาย เจ้ากล้าทำข้า”
หลังจากความเจ็บปวดจำนวนมหาศาลได้แลบลั่นมาที่หัวสมองจากนิ้วของตน เจียงหมิงได้คำรามลั่นอย่างโกรธเคือง การที่ผู้บ่มเพาะระดับเริ่มต้นเจ็ดดาวคนหนึ่งถูกเล่นงานโดยคนธรรมดาเช่นนี้มันน่าอดสูอย่างที่สุด
*เพี๊ยะ*
*เพี๊ยะ*
โดยไม่รอให้เจียงหมิงได้ทำอะไรออกมา เจียงหยวนก็ได้ตบไปบนหน้าของเจียงหมิงสองฉาด
แรงตบนี้ทำให้ปากของเจียงหมิงบิดเบี้ยว พร้อมกับดวงตาที่ราวกับจะหลุดจากเบ้า จนทำให้ใบหน้าที่แต่เดิมน่าเกลียดอยู่แล้วน่าเกลียดขึ้นไปอีก
เจียงหยวนยังไม่หยุดเพียงแค่นี้ เขาได้ใช้มือจับไปที่หูของเจียงหมิงยกขึ้นมาก่อนจะตะคอกออกไป “เงียบ ใครกันแน่ที่เป็นขยะ”
“เจ้า…รอก่อนเถอะ”
แม้ปากของเจียงหมิงจะผิดรูปไปแล้ว แต่เขาก็ยังคงปากดีอยู่ได้
“ไปตายซะ”
เจียงหยวนได้ยักไหล่ให้เจียงหมิงไปทีหนึ่ง ก่อนจะใช้ขาขวาเตะไปที่บั้นเอวของเจียงหมิงอย่างรุนแรง
เพียงชั่วพริบตา เจียงหมิงได้ลอยออกไปหลายเมตร และได้หล่นเข้าใส่บนร่างของคนที่อยู่ด้านหลัง จนทุกคนล้มระเนระนาดราวกับพินโบว์ลิ่งที่วิ่งพุ่งชนจนกระจัดกระจายไปจนหมด
-ขยะที่ไหนจะทรงพลังได้ถึงขนาดนี้ จะบอกว่าตำนานได้กลับมาแล้วรึ-
เจียงหมิงที่เลือดกำลังกบปากในตอนนี้ได้นิ่งอึ้งไปอย่างสมบูรณ์ ความเจ็บปวดที่แลบลั่นไปทั่วร่างราวกับสายฟ้าที่วิ่งผ่านไม่ขาดนี้กลายเป็นน้ำเย็นที่ดับไฟแห่งความโอหังของเขาไป
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว คนของเจียงหมิงก็ได้พูดออกมา “ลูกพี่ พวกเรารีบหนีไม่ดีกว่าเหรอ”
“หยุดเดี๋ยวนี้ พวกเราอยู่นี่ รอให้ผู้อาวุโสเป็นผู้ตัดสินว่าจะให้ทำยังไงกับมัน”
เจียงหมิงส่ายหน้าไปมาอย่างเจ็บปวด แต่กระนั้นก็ยังคิดวิธีการนี้ขึ้นมาได้
เมื่อเห็นว่าเจียงหมิงยังคงไม่เลิกลา สายตาของเจียงหยวนก็ยิ่งเย็นยะเยียบยิ่งกว่าเดิม ในตอนนี้เขาได้กำหมัดแน่น พร้อมส่งจิตสังหารออกมาจนสัมผัสได้ แม้ใบหน้าของเขาจะยังคงนิ่งเรียบ แต่น้ำเสียงของเขากลับเย็นชาอย่างที่สุด “รน หา ที่ ตาย”
-อัจฉริยะผู้ราวกับสวรรค์ได้ประทานพรกลับมาแล้ว-
นี่คือสิ่งที่ทุกคนในที่นี้คิด
“ละ..ลูกพี่…”
คนของเจียงหมิงรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาจับใจ
เจียงหมิงที่ร่างกายสั่นระรัวราวกับได้เห็นปีศาจ เขาในตอนนี้กำลังพยายามที่จะลุกขึ้นมาให้ได้ พร้อมกับใจที่เต็มไปด้วยความเสียใจในสิ่งที่ตนทำเอาไว้ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา
เจียงหยวนค่อยๆก้าวตรงไปหาเจียงหมิงและพวกอย่างช้าๆ ราวกับยมฑูตที่ก้าวเดินเข้าไปอยู่ห้วงจิตสำนึกของเจียงหมิงและคนของเขา
“แม่งเอ๊ย”
เจียงหมิงที่ทนไม่ได้อีกต่อไปได้รีบวิ่งออกไปพร้อมคนของมัน
“นายน้อย..ท่าน…กลับมาแล้ว”
น้ำตาแห่งความยินดีได้ไหลอาบออกมาจากดวงตาของเฉียวเว่ยที่กำลังมองเจียงหยวนด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง
เจียงหยวนได้เดินเข้าไปหาเฉียวเว่ยอย่างแนบชิด พร้อมมือที่ลูบของนางอย่างทะนุถนอมและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก
“ใช่ ข้ากลับมาแล้ว นับจากวันนี้ จะไม่มีใครที่กล้ารังเจ้าเจ้าอีก ไม่มีใครจะสั่นคลอนเส้นทางของข้าได้อีกแล้ว”