คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 590 พ่อลูก
หลังพ้นปีใหม่ อาการเจ็บป่วยของฮ่องเต้ก็ดีขึ้นในที่สุด แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถลุกจากเตียงได้ แต่ก็สามารถพูดได้ด้วยจิตใจที่แจ่มใส คนแรกที่เขาเรียกพบคืออันอ๋อง
อันอ๋องเข้าไปในวังด้วยความปีติยินดี ฮ่องเต้รู้สึกโล่งใจมากเมื่อได้เห็นท่าทางคารวะด้วยความเคารพของเขา
เมื่อข่าวการก่อกบฏของบุตรชายคนรองมาถึงฮ่องเต้โกรธมาก ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่าองค์ชายรองเป็นบุตรชายที่มีความสามารถมากที่สุด และถึงกับคิดที่จะส่งต่อบัลลังก์ให้เขา แต่น่าเส สียดายที่บุคลิกของเขาโหดเหี้ยมเกินไป ถ้าเขาขึ้นครองบัลลังก์จริงๆ ฮ่องเต้กลัวว่าจะเกิดการนองเลือดในที่สุด
ตั้งแต่ปลดจากตำแหน่งอ๋องเขาก็ไม่ทำตัวชั่วร้ายอีก หลังจากนั้นเข้าวังมาก็มีความประพฤติที่ดีคิดว่าหากบุตรชายเปลี่ยนไปได้จริงๆ อีกสักสองปีคงปล่อยเขาออกมา
ผู้ใดจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องปล่อยเขาเด็กคนนี้ก็ก่อเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ขึ้นมา!
เมื่อฮ่องเต้ล้มป่วยนอกจากความเจ็บที่เกิดจากการล้มจนโรคเก่ากำเริบแล้ว ยังมีความโกรธที่เพิ่มเข้ามาด้วย
สังหารบิดา! บุตรชายของเขาเสียสติจนถึงเพียงนี้! บุตรชายคนโตคิดแต่เรื่องตำแหน่งไท่จื่อ บุตรชายคนรองคิดจะลอบสังหาร นี่เขาล้มเหลวในฐานะบิดาเพียงนี้เลยหรือ
ตอนนี้เมื่อเห็นท่าทีของอันอ๋องหัวใจของเขาที่ได้รับบาดเจ็บจากบุตรชายสองคนแรกก็ได้รับการปลอบโยนในที่สุด ดูเด็กคนนี้สิรู้ว่าเขาป่วยเช่นนี้ แต่กลับปราบปรามกลุ่มกบฏจนประสบ บความสำเร็จทั้งๆ ที่กลัว
เมื่อก่อนเขาคิดเสมอว่าบุตรชายคนที่สามไร้ประโยชน์ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าลูกคนนี้คือคนที่จริงใจ แล้วยังมีเผยกุ้ยเฟย…
เมื่อตกที่นั่งลำบากจะมองเห็นถึงจิตใจผู้คน!
“ลุกขึ้นเถอะ” ฮ่องเต้กวักมือเรียกเขา “มาหยุดตรงหน้าเจิ้น”
อันอ๋องลังเล และมองเขาอย่างไม่แน่ใจ “เสด็จพ่อ…”
ฮ่องเต้กวักมืออีกครั้งพร้อมยิ้มให้กำลังใจ อันอ๋องลุกขึ้น และเดินไปหาฮ่องเต้อย่างระมัดระวัง
“เจ้านั่งตรงนี้” ฮ่องเต้ชี้ไปที่ข้างเตียง
อันอ๋องไม่เคยใกล้ชิดกับบิดาเช่นนี้มาก่อน อดรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ได้รับความสำคัญอย่างไม่คาดฝัน จนกระทั่งฮ่องเต้พูดอีกครั้งจึงค่อยๆ นั่งหลังตรง เขาดูประหม่ามาก
ยิ่งเขาเป็นเช่นนี้ฮ่องเต้ก็ยิ่งมีความสุข “ตกลงเรื่องของลูกรองเป็นอย่างไร เจ้าเล่ามาหน่อย”
“พ่ะย่ะค่ะ” อันอ๋องกลืนน้ำลายแล้วพูดช้าๆ “เสด็จพ่อเดินทางไปพระราชวังนอกเมืองหลวงเพื่อหนีความหนาวเย็น ลูกได้ทำตามความประสงค์ของท่าน ศึกษางานราชการทุกวัน ลูกรู้สึกโง่เขลา ก่อน นหน้านี้เถลไถลไปมากจึงตั้งใจฟังสิ่งที่เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายชี้แนะ หลังจากที่ยุ่งมาเป็นเวลาหนึ่งเดือน จู่ๆ จิงจ้าวอิ่น ใต้เท้าเจี่ยงมาขอพบลูก โดยบอกว่ามีคดีในวังอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งดูไม่ค่อยปกติ ลูกถามความเห็นจากเขาเพราะเรื่องเหล่านี้ดูไม่ชัดเจนจึงไม่กล้าพูดออกมาทำได้เพียงให้เขาจับตาดู…”
คำพูดเหล่านี้หยางชูได้เตรียมการกับอันอ๋องมาก่อนแล้ว
อันอ๋องไม่ได้ใกล้ชิดกับฮ่องเต้จึงรู้สึกกลัวมากกว่าเคารพ เขากังวลว่าตนเองจะเล่าในเรื่องที่ตนเองก็ไม่รู้แล้วฮ่องเต้จะไม่พอพระทัย หยางชูจึงคิดคำพูดแทนเขา แล้วยังช่วยเขาผูก กสัมพันธ์กับเจี่ยงเหวินเฟิงเพื่อไม่ให้ความจริงรั่วไหลออกมา
แน่นอนว่าอันอ๋องที่ขอเพียงแค่ให้เขาผ่านพ้นไปได้ต้องรับปากอยู่แล้ว
“วันก่อนเนื่องจากภัยพิบัติหิมะ กองทหารรักษาพระองค์ต้องทำการย้ายผู้คนจำนวนมาก ใต้เท้าเจี่ยงเริ่มสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ และบอกให้ลูกให้ความสนใจกับความปลอดภัยของตนเอง ลูกคิดว่าการ เพิ่มองค์รักษ์ดูชัดเจนเกินไป เหตุใดไม่ให้อาเหยี่ยนติดตามแทนล่ะ วรยุทธ์เขาสูง และปกติเขาก็มาเล่นกับลูกอยู่แล้วคงไม่มีผู้ใดสงสัย…”
ส่วนเรื่องที่เหลือก็พูดไปตามความจริงแค่เปลี่ยนคนที่ทำการตัดสินใจเป็นตนเอง จริงสิ…ส่วนเรื่องเส้นทางลับนั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะหากเสด็จพ่อรู้เข้าหลังจากนี้คงไม่สามารถเข้าไปเล ล่นได้แล้ว
ฮ่องเต้ฟังเสร็จก็ทวนเรื่องนี้อีกรอบหนึ่ง
“สรุปแล้วเป็นเจี่ยงชิงที่ค้นพบจุดที่น่าสงสัยจากหลายๆ จุด และให้เจ้าเตรียมการล่วงหน้า ทันทีที่ลูกรองเผยร่องรอยเขาก็ส่งทหารออกไปด้านนอกให้ค่ายจูเชว่มาช่วยเจ้า และเชิญกองทัพ ซิ่งโจวมาที่เมืองพาคนไปสกัดกั้นเส้นทางหลบหนีของลูกรองงั้นหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ” อันอ๋องเองก็รู้ว่าภาพลักษณ์ของตนเป็นอย่างไรในสายตาของฮ่องเต้ จู่ๆ ก็กลายเป็นคนกล้าหาญปราดเปรื่องย่อมไม่มีผู้ใดเชื่ออยู่แล้ว การยกความดีความชอบทั้งหมดไปไว้ที่ต ตัวเจี่ยงเหวินเฟิง ส่วนตนได้รับเพียงส่วนเล็กๆ ก็พอ
“ลูกจึงรับมืออยู่ในวัง และฟังคำแนะนำของใต้เท้าเจี่ยงแล้วให้อาเหยี่ยนแต่งตัวเป็นลูกเพื่อหลอกให้พี่รองเข้ามา ทหารกบฏของเขามีไม่มากตราบใดที่จับตัวผู้เป็นหัวหน้าได้ก็สามาร รถเอาชนะพวกเขาได้ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้พยักหน้า “เจ้าสามารถทำเช่นนั้นได้ถือว่ากล้าหาญมีไหวพริบ ไม่เพียงแต่มีความคิดดี แต่มีความกล้าที่จะทำด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่ยากที่สุด เจ้าไม่เคยคิดว่าอาเหยี่ยนจะไม่สามารถหย ยุดพวกเขาได้แล้วทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตรายหรือ”
ด้วยความที่ไม่เคยได้รับคำชมจากฮ่องเต้เพียงนี้อันอ๋องที่ได้รับความโปรดปรานจนน่าแปลกใจก็ตอบกลับอย่างจริงใจไปว่า “ในตอนนั้นท้องพระโรงถูกล้อมลูกเลยไม่ได้คิดมากเพียงนั้น”
ฮ่องเต้มองเขาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา “คนข้างกายเจ้ามีน้อยเกินไป อีกสักพักเจิ้นจะเรียกทหารสองสามคนไปที่จวนของเจ้า หลังจากนี้ให้ติดตามเจ้าเท่านั้น”
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!” อันอ๋องทั้งตกใจทั้งยินดี แต่ก็ยังพูดอย่างละอายไปว่า “เสด็จพ่อ เรื่องนี้ลูกไม่ได้ทำอะไรเลยเป็นเพราะความดีความชอบของใต้เท้าเจี่ยง…”
ฮ่องเต้พูดตัดบทเขา “เจ้าวางใจเถอะ เจิ้นไม่ทำอะไรไม่ดีต่อขุนนางผู้ซื่อสัตย์หรอก เขามีจิตใจสูงส่งในอนาคตเจ้าต้องติดต่อกับเขามากขึ้น หากมีปัญหาอะไรก็ให้ถามเขา บางทีเขาอาจเป็น นกำลังให้เจ้าได้” อันอ๋องตอบรับ
ฮ่องเต้พูดชื่อขุนนางอีกสองสามคน “…คนพวกนี้ไม่เลว ถึงตำแหน่งพวกเขาไม่สูง แต่พวกเขามีความสามารถ เจ้ามีโอกาสก็ทำความรู้จักพวกเขาเอาไว้แล้วค่อยๆ เลื่อนตำแหน่งให้”
จากนั้นก็แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับขุนนางมีบางคนยอมติดต่อกับเขามากขึ้น บางคนไม่ยอมให้เขาพูดคุยด้วย ตำแหน่งขุนนางยิ่งพูดยิ่งสูงขึ้นสุดท้ายก็เป็นเรื่องราชสำนัก
ฮ่องเต้หยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “หลู่เซียงเจิ้นพูดถึงไปแล้ว สุขภาพของเขาแย่ลงเรื่อยๆ อาจไม่สามารถจัดการกับงานราชการได้ เขาจะเกษียณในครึ่งปีหลัง เมื่อถึงตอนนั้นเจิ้นจะเลื่อ อนตำแหน่งจางถานให้สูงขึ้น ในอนาคตเจ้าต้องพึ่งพาเขามาก”
โส่วเซี่ยงเกษียณออกเลื่อนตำแหน่งซื่อเซียงให้สูงขึ้นถือเป็นเรื่องปกติ อันอ๋องตอบรับด้วยความเคารพ
ฮ่องเต้พูดอีกว่า “เจ้าสามารถไว้ใจจางถานได้หากมีเรื่องที่สงสัยก็ถามเขาไป เขาน่าเชื่อถือมากกว่าเจี่ยงชิง เข้าใจหรือไม่”
อันที่จริงอันอ๋องไม่เข้าใจ แต่เขารู้ว่าฮ่องเต้พูดเช่นนั้นทางที่ดีที่สุดคือต้องไม่คัดค้านจึงพูดตอบรับไป
ฮ่องเต้พูดทีละเรื่อง สุดท้ายพูดถึงกัวสวี่ “คนผู้นี้เจ้าปล่อยให้เขาจัดการงานราชการให้มากหน่อย เขามีความสามารถมาก และเป็นผู้ช่วยที่ดีมาก แต่เห็นแก่ผลประโยชน์มากไปหน่อยไม่ค ควรเปิดอกคุยกับเขาอย่างหมดเปลือก อย่าปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวตามลำพังมันจะยิ่งกระตุ้นความทะเยอทะยานของเขา” อันอ๋องตอบรับ
ฮ่องเต้มองอันอ๋องก็ยิ่งรู้สึกพอใจ ลูกสามผู้นี้ผอมลงกว่าเดิม และดูมีชีวิตชีวามากขึ้น หากตั้งใจมองอย่างละเอียดอันที่จริงก็รูปงามอยู่ ใบหน้าน่ามอง ตอนนี้ผอมลงแล้วเลยดูรา าวกับคุณชายผู้สง่างามซึ่งไม่ได้แย่ไปกว่าคนอื่นๆ เลย
ฮ่องเต้อารมณ์ดี น้ำเสียงก็ดีขึ้น เขาตรัสสั่งไปว่า “จากนี้ไปเจ้าก็ดูแลจัดการงานราชกิจกับเหล่าผู้อาวุโสต่อไปหากมีข้อสงสัยใดให้ถามพ่อ”
อันอ๋องตอบรับด้วยความเคารพ และสุดท้ายฮ่องเต้พูดว่า “ส่วนอาเหยี่ยน เจ้าอย่าไปใกล้ชิดกับเขามาก เขาเป็นหลานของลุงเจ้าด้วยสถานะของเขาไม่สามารถพูดในสิ่งที่เจ้ากำลังคิดอยู่ได้ อย่าไปพูดความในใจกับเขาจนหมด”
อันอ๋องตกตะลึง “เสด็จพ่อ…”