คู่ชะตาบันดาลรัก - บทที่ 592 รางวัลและบทลงโทษ
พระราชโองการถูกประกาศอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่มีส่วนร่วมในการปราบปรามกบฏจะได้รับรางวัล และเลื่อนตำแหน่ง
ในหมู่พวกเขาเจี่ยงเหวินเฟิงได้รับพระราชโองการแยกออกมาส่วนตัวฉบับหนึ่ง เมื่อพิจารณาจากเครื่องแบบที่ประทานให้ลำดับขั้นของเขาไม่ได้ขึ้น
ภายในหออวี้เป่า ฟู่จินดื่มสุราอย่างมีความสุข และพูดว่า “เข้าราชสำนักได้อย่างมั่นคง”
หยางชูพูด “ท่านแน่ใจเพียงนั้นเลยหรือ”
ฟู่จินพูด “หลู่เซียงจะเกษียณออกในปีนี้ขาของเขาไม่สามารถเดินได้อีกต่อไปแล้ว”
หยางชูตระหนักได้ในทันที “ไม่น่าแปลกใจที่หลายครั้งที่ข้าเห็นผู้อาวุโสนั่งเกี้ยว” พูดแล้วก็ถอนหายใจ “น่าเสียดาย เขาเป็นเสาหลักของแคว้นจริงๆ”
“เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คนรุ่นใหม่จะมาแทนที่คนเก่า”
อย่างไรก็ตามผลลัพธ์นี้คือสิ่งที่พวกเขาต้องการเห็น เบื้องหลังการหายตัวไปของหยางชู เจี่ยงเหวินเฟิงออกหน้า และกลายเป็นขุนนางใหญ่ในคราวเดียว ตี๋ฝาน และคนอื่นๆ ได้รับการเลื่อนตำ ำแหน่งซึ่งหมายความว่าพลังของพวกเขาได้ขยายตัวอีกครั้ง
ก่อนแยกย้ายฟู่จินพูดขึ้นว่า “แม้ว่าสถานการณ์จะดีมาก แต่ตอนนี้ฝ่าบาทเกิดวิกฤติครั้งใหญ่ พวกเราต้องระวังตัวให้มาก”
“อะไรนะ”
“คนผู้นั้นไม่สามารถว่าราชกิจได้อีก ครั้งนี้อันอ๋องทำได้ดีมากเขาจะต้องรีบให้อันอ๋องรับช่วงต่อแน่ อีกนัยหนึ่งก็คือเรื่องที่เร่งด่วนที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้คือการขจัดอุปส สรรคในการขึ้นครองบัลลังก์ของอันอ๋อง ท่านอ๋อง…ไม่ว่าท่านจะเข้าไปยุ่งเรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม ท่านคือภัยที่ซ่อนเร้นสำหรับเขาระวังเขาจะกลายเป็นสุนัขจนตรอก”
“…” หยางชูพูด “ท่านคิดว่าคำนี้เหมาะสมที่จะใช้ที่นี่หรือ”
ฟู่จินกลอกตา “อย่างไรก็เถอะเข้าใจแล้วก็พอ ไปได้แล้ว!”
หยางชูมองแผ่นหลังของเขาแล้วพึมพำกับตัวเอง “ท่านคงไม่คิดจะฆ่าข้าหรอกนะ”
………….
คุกหลวง
หลังจากได้ยินพระราชโองการ องค์ชายรองก็ร้องตะโกน “เป็นไปไม่ได้ๆ! เสด็จพ่อไม่มีทางโหดร้ายเช่นนี้ เปิ่นหวางต้องพบเสด็จพ่อ!”
หลิวกงกงมองเขาด้วยรอยยิ้ม แต่แววตานั้นดูเฉยเมย “องค์ชาย คนที่โหดร้ายคือท่าน! ฝ่าบาทเป็นทั้งฮ่องเต้ และบิดา ท่านตั้งใจที่จะสังหารฮ่องเต้ และบิดา ของตนเรื่องเป็นเช่นนี้ ท่านยังคิดว่าฝ่าบาทโหดร้ายอยู่หรือ”
องค์ชายรองอยู่ในอารมณ์สับสน และสูญเสียเหตุผลไปนานแล้ว เขาได้แต่ตะโกนว่า “ไม่ ข้าไม่ได้ทำ! ข้าแค่อยากเปลี่ยนพระทัยเสด็จพ่อไม่คิดที่จะแย่งบัลลังก์เลย! ใช่ เป็นอาจารย์หง เรื่องนี้เป็นแผนของอาจารย์หงทั้งหมด! กงกง ท่านช่วยไปบอกเสด็จพ่อว่าข้าหลงผิดไปชั่วขณะ…”
เขาร้องไห้เสียงดังน้ำมูกน้ำตาไหลออกมาไม่มีบุคลิกของผู้ที่เป็นถึงองค์ชายอีกต่อไป น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดเห็นใจเขา
“ได้โปรดท่านช่วยไปบอกเสด็จพ่อให้ไปตรวจสอบอาจารย์หงที เป็นเขาจริงๆ…”
หลิวกงกงปล่อยให้เขาจับชายเสื้อแล้วพูดเบาๆ ว่า “ท่านหงฆ่าตัวตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายรองเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงหลิวกงกงฉวยโอกาสถอยตัวออกห่างจากคุก จากนั้นผู้คุมคนหนึ่งก็ก้าวไปข้างหน้า และจับตัวองค์ชายรอง
“ไม่…”
ท่ามกลางเสียงร้องจากนั้นผู้คุมคนหนึ่งก็ก้าวไปข้างหน้าสุราพิษก็ถูกกรอกลงไป หลิวกงกงรออยู่ข้างนอกครู่หนึ่งฟังเสียงกรีดร้องอันบ้าคลั่งของเขาแล้วค่อยๆ เงียบลง
“กงกง สิ้นใจแล้วขอรับ”
หลิวกงกงถอนหายใจ “อย่างไรท่านก็เป็นองค์ชายดังนั้นจงให้เกียรติเขาด้วย”
“ขอรับ” หลิวกงกงออกจากคุก และกลับไปรายงาน
ฮ่องเต้เสียคนในครอบครัวไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าจึงได้แต่โบกมือให้เขาออกไป
เขานอนลงครู่หนึ่งหันหน้ามองห้องบรรทมที่ว่างเปล่า จู่ๆ ก็พูดเสียงกระซิบขึ้นว่า “ข้าได้เดินบนเส้นทางสายนี้แล้ว! เสด็จพ่อ”
……………
หลิวกงกงเปลี่ยนเสื้อผ้า และออกไปทำธุระนอกวัง เมื่อไปถึงจวนอันอ๋องไม่สามารถเลี่ยงที่จะไม่พบหยางชูได้
อันอ๋องคิดว่ามันลำบากที่จะปีนกำแพงจึงเปิดสวนหลังจวนของทั้งสอง เมื่อเขาไปถึงก็เห็นอันอ๋องกำลังเล่นอยู่กับหยางชู เมื่อหลิวกงกงส่งข้อความเสร็จอันอ๋องก็รีบไปทำธุระทิ้ง ให้เขาอยู่ในจวนเยวี่ยอ๋อง
หยางชูหัวเราะ “อากาศหนาวเช่นนี้ หลิวกงกงดื่มสักหน่อยแล้วค่อยกลับไปดีหรือไม่”
หลิวกงกงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ขอบพระทัยเยวี่ยอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
หยางชูกวาดตามอง เสี่ยวถงเข้าใจจึงถอยออกไป
“กงกงมาที่นี่เพื่อพบเปิ่นหวางหรือ”
หลิวกงกงพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องให้บ่าวจับตาดูคนแซ่หงเป็นพิเศษ แต่บ่าวทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่สำเร็จขอรับ”
“ว่าอย่างไรบ้าง”
“เขาฆ่าตัวตายขอรับ”
หยางชูตกใจ “ฆ่าตัวตายในคุกได้นี่ไม่ธรรมดาเลยนะ!”
หลิวกงกงพูดว่า “เขาเด็ดขาดมากพวกเรายึดอาวุธมีคมไว้หมดแล้ว แต่เขาลับเล็บตน และเจาะคอของตัวเอง”
“ตัวตนของเขามีปัญหาจริงๆ” หยางชูพูด
หลิวกงกงถาม “ท่านอ๋องสงสัยว่าเขาเป็นผู้ใดหรือขอรับ”
หยางชูพูด “คนจากแคว้นฉู่”
หลิวกงกง “แคว้นฉู่หรือขอรับ”
“อืม” หยางชูเหลือบมองเขา “พวกเราสงบสุขมาหลายปีแล้วจนลืมไปว่าพวกเรายังมีแคว้นศัตรูอยู่ทางใต้!”
หลิวกงกงรู้สึกละอายใจ “ขอรับ บ่าวไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาสักพักแล้ว”
“แต่ตอนนี้เบาะแสทั้งหมดไม่มีแล้วตรวจสอบไม่พบแล้ว” หยางชูเอนหลังด้วยสีหน้าน่าสงสาร
การปรากฏตัวของอาจารย์หงนั้นน่าแปลกมาก เฝิงเซวียนหรือ หยางชูไม่เชื่อว่าปัจจุบันยังมีคนเช่น เฝิงเซวียนอยู่ หรือหากมีคงไม่ไปอยู่กับองค์ชายรองได้
เรื่องใหญ่โตอย่างการก่อกบฏ ผู้อยู่ในเหตุการณ์อย่างองค์ชายรองรู้เพียงผิวเผิน ทุกอย่างถูกวางแผนโดยอาจารย์ซึ่งมันน่าแปลกเกินไป นอกจากนี้หมิงเวยบอกว่าเวินซิ่วอี๋มาจากทางใต้ ซึ่งเรื่องนี้ก็อธิบายได้ดีเลย
สำหรับแคว้นฉู่แล้วการยุยงองค์ชายรองให้ก่อกบฏจะทำให้สถานการณ์ในแคว้นฉีปั่นป่วน ดังนั้นไม่ว่าองค์ชายรองจะทำสำเร็จหรือไม่ก็ตาม การลอบสังหารทางฝั่งของเวินซิ่วอี๋นั้นสำคัญกว่า า หลังจากนั้นเงื่อนงำทั้งหมดก็ถูกตัดออกไปอย่างเรียบร้อยซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเบื้องหลังของเรื่องนี้นั้นไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“ท่านคิดหาวิธีเตือนเถอะ” หยางชูพูด “ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับบ้านเมืองฝ่าบาทควรทราบ”
หลิวกงกงลังเล “ท่านอ๋อง…”
“หากเป็นเช่นนี้ท่านจะสามารถสืบสวนต่อได้” หยางชูพูด “ไม่ว่าข้าจะทำอะไร แคว้นฉีจะต้องไม่เกิดความวุ่นวายเข้าใจหรือไม่”
“ขอรับ” หลิวกงกงเลื่อมใสอย่างสุดจิตสุดใจเขาโค้งคำนับให้
หลังจากพูดคุยเรื่องสำคัญกันเสร็จแล้วหยางชูก็ถามว่า “ตอนนี้เหนียงเหนียงเป็นอย่างไรบ้าง”
หลิวกงกงตอบว่า “ตอนนี้เหนียงเหนียงคอยดูแลอยู่ข้างกายฝ่าบาท นางดูแลเองหมดทุกอย่าง สีหน้าสดชื่นดี เรื่องอาหาร และการพักผ่อนไม่มีปัญหาขอรับ”
หยางชูพูดเสียงเบา “มันเป็นเรื่องยากสำหรับนาง”
“ท่านอ๋องวางใจได้ขอรับบ่าวจะคอยระมัดระวังเป็นอย่างดี”
หยางชูยิ้ม “รบกวนเจ้าแล้ว”
เขารู้ว่าคำพูดของหลิวกงกงไม่ใช่พูดเพียงผิวเผิน แต่เป็นคำสัญญาว่าเขาจะปกป้องความปลอดภัยของเผยกุ้ยเฟยในวังให้
……………
เผยกุ้ยเฟยเดินทางไปเยี่ยมฮุ่ยเฟย สองสามวันก่อนบ้านเรือนต่างๆ ดูคึกคัก ส่วนที่บรรยากาศร้างวังเวงมีเพียงตำหนักของฮุ่ยเฟยซึ่งมีนางในเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
เมื่อเห็นนางมา พวกนางก็ตกใจราวกับนกหวาดกลัวเกาทัณฑ์ และรีบเข้าไปทำความเคารพ
เผยกุ้ยเฟยโบกมือแล้วถามว่า “ฮุ่ยเฟยล่ะ”
นางในชี้ไปที่ห้องนอน เผยกุ้ยเฟยเดินเข้าไป
ฮุ่ยเฟยสวมเพียงเสื้อตัวใน และไม่ได้หวีผม นางนั่งเฉยๆ อยู่หน้ากระจกแต่งตัว
ภายในห้องนี้หนาวมาก เผยกุ้ยเฟยหันศีรษะแล้วสั่งการ “เหตุใดถึงหนาวเช่นนี้ รีบไปเอาเตาถ่านมา”
ฮุ่ยเฟยยังคงนิ่งเฉย