คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 33 คนโง่ที่ไม่มีอดีต / ตอนที่ 34 กินเนื้อสัตว์
ตอนที่ 33 คนโง่ที่ไม่มีอดีต
“จริงหรือ” เขาลอบยิ้ม ช่างเป็นคนที่ปากแข็งเสียจริง ทว่าเพิ่งเข้ามาในภูเขาลั่วอิงลูกนี้ หลังจากนี้ยังมี ‘ความตื่นตกใจ’ อีกมากมายรอนางอยู่
ทั้งสองเดินเข้าไปด้านในต่อ ระหว่างทางนอกจากสมุนไพรทั่วๆ ไปหลายชนิดแล้ว ก็ไม่ได้อะไรเพิ่มเติมเลย นางเริ่มเซื่องซึมอยู่บ้าง ไม่ได้มีความสนใจมากเช่นตอนแรก
“เป็นอย่างไร ผิดหวังหรือ” หูเฟิงกำง่ามไม้ปลายแหลมไว้ในมือ มองทั้งสี่ทิศด้วยความระแวดระวัง ไม่ว่าจะมาที่นี่กี่ครั้ง เขาก็ไม่กล้าวางใจลงเลยสักครั้ง ในป่าที่ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวเช่นนี้ สัตว์ดุร้ายที่ปกติจะไม่มาเดินเตร่รอบนอกป่า ก็ไม่ได้หมายความว่าวันนี้จะไม่มา
ต้นไม้ในป่าแข็งแรงและสูงใหญ่อย่างยิ่ง กิ่งก้านสาขาก็อุดมสมบูรณ์เป็นพิเศษ ทั้งยังบดบังท้องฟ้าในยามกลางวัน ส่งผลให้อากาศในป่าหนาวเย็นเป็นอย่างยิ่ง ทว่าแสงอาทิตย์อันอบอุ่นก็ยังคงหาช่องส่องเข้ามาได้ เพิ่มแสงสว่างและความอบอุ่นในกับป่าที่มืดทึบได้บ้าง
ตอนไป๋จื่ออยู่ในศตวรรษที่ยี่สิบสาม นางมีห้องที่รับแสงแดดได้มากเป็นของตนเองห้องหนึ่ง ใช้สำหรับปลูกพืชและสมุนไพรหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ นางแน่ใจมากว่าของเพียงมีสถานที่ที่แสงอาทิตย์ส่องถึง สมุนไพรระดับสูงเหล่านั้นถึงจะมีอยู่ได้
แต่เพียงเห็นว่ามีพื้นที่ที่แสงแดดส่องป่านจากช่องใบไม้ นางก็จะพุ่งเข้าไปตรวจดู และพบสมุนไพรจำนวนหนึ่งเช่นกัน ส่วนมากเป็นสมุนไพรทั่วไปที่รักษาบาดแผลภายนอกได้ แม้จะมีคุณภาพไม่เลว ทว่ายังคงไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ สมุนไพรชนิดนี้ธรรมดายิ่งนัก ถึงแม้ขุดออกมาได้จนเต็มตะกร้า ก็ขายไม่ได้ราคาเท่าไร
“พวกนี้ล้วนไม่ใช่สมุนไพรหรือ” หูเฟิงเห็นท่าทางเดี๋ยวตื่นเต้น เดี๋ยวผิดหวังของนาง จึงอดไม่ได้ที่จะถาม
นางส่ายหน้า “เป็นสมุนไพร ทว่าไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ มันธรรมดาเกินไป ขายไม่ค่อยได้ราคาหรอก”
หูเฟิงเลิกคิ้ว “พูดเช่นนี้ แสดงว่าเจ้ารู้จักสมุนไพรหลายชนิดหรือ”
เด็กสาวเหล่มองเขา ใบหน้าหล่อเหลาดูเลือนรางภายใต้แสงเงาอยู่บ้าง ทว่าดวงตาคู่นั้นยังคงกระจ่างชัด “เจ้าไม่เชื่อข้า”
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไร
นางยักไหล่ “จะเชื่อหรือไม่ก็ช่าง แต่ในเมื่อเจ้าไม่เชื่อข้า เหตุใดข้าต้องรักษาโรคให้เจ้าด้วย”
หูเฟิงหันหน้ามองไปยังทิศทางที่มืดสลัว ดวงตาของเขาค่อยๆ เหม่อลอย “เพราะข้าไม่มีทางเลือกอื่น”
เขาไม่เคยรู้ว่าตนเองเคยเป็นใคร ชื่อว่าอะไร และไม่รู้เช่นกันว่าเพราะเหตุใดตนเองถึงได้สูญเสียความทรงจำ เขากลายเป็นคนโง่ที่ไม่มีอดีต ที่เขาอยากตามหาความทรงจำที่หายไปเหล่านั้นกลับมา ก็เพื่อให้ตนเองกลายเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่เหมือนๆ กับทุกคน
ครั้นเมื่อวานเห็นไป๋จื่อใช้วิธีที่พิเศษเช่นนั้น ช่วยชีวิตอิงจื่อที่ขาดอากาศหายใจไปแล้วอย่างเห็นได้ชัด ไฟแห่งความหวังในใจของเขาที่แทบจะดับมอดไปแล้ว ก็ค่อยๆ ลุกโชนขึ้นมาใหม่
ไป๋จื่อคิดถึงอดีตของตนเอง คิดถึงความสิ้นหวังและเจ็บปวดที่ตนเคยประสบครั้นพ่อและแม่แท้ๆ ทิ้งนางไป หากเป็นเช่นนั้น นางย่อมไม่ต้องการอดีตเช่นนั้น และหวังมากกว่าว่าความทรงจำเช่นนั้นจะถูกลบทิ้งไปจากสมองของนาง ทว่าทุกครั้งที่นึกถึง นางก็จะรู้สึกเจ็บปวดใจเสียรอบหนึ่ง
“บางครั้งสูญเสียควาทรงจำไปบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ตามหาความทรงจำเหล่านั้นกลับมาได้แล้ว ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีเสมอไป” นางยิ้มอย่างขมขื่น ในใจรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมารางๆ ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไร ความทรงจำที่ซ่อนอยู่ในความมืดมิดพวกนั้น ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของนางเสมอ
เธอร่ำเรียนอย่างหนัก ผลการเรียนเป็นที่หนึ่งเสมอ ที่หนึ่งของอำเภอ ที่หนึ่งของมณฑล
แม้กระทั่งเป็นนักศึกษาปริญญาเอกควบสาขาแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนปัจจุบัน ที่อายุเพียงยี่สิบเอ็ดปีคนแรกในประเทศ ตอนที่นางอายุยี่สิบสองปี ก็ได้หลายเป็นหมอดาวเด่นอายุน้อยที่สุด และรอบรู้ศาสตร์ต่างๆ ดีที่สุดเช่นกัน
……….
ตอนที่ 34 กินเนื้อสัตว์
เธออยากใช้ความพยายามของตนเองพิสูจน์ให้คนทั้งโลกเห็น ว่าเธอเก่งกาจเพียงใด และอยากให้พ่อแม่ที่ทอดทิ้งเธอด้วยความอำมหิตเสียดายที่ตัดสินใจไปเช่นนั้น
หลังจากพยายามอยู่นานมาก ในที่สุดก็พบข่าวคราวของพ่อแม่แท้ๆ เดิมทีเธอคิดว่าหลังจากจบการเดินทางด้วยจิตในครั้งนี้แล้ว เธอจะไปหาพวกเขาพร้อมความภาคภูมิใจและความสำเร็จ ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขาอย่างผึ่งผาย เพื่อบอกกับพวกเขาว่า ถึงแม้จะไม่มีพวกเขา เธอก็มีชีวิตที่ดีมากเช่นกัน
แต่น่าเสียดาย ความตั้งใจของมนุษย์สู้ลิขิตสวรรค์ไม่ได้ ยังไม่ทันที่เธอจะทำให้ความปรารถนาเป็นจริง เธอก็เปลี่ยนจากหมอผู้โด่งดังในศตวรรษที่ยี่สิบสาม กลายเป็นเด็กสาวชาวบ้านในยุคสมัยที่แปลกประหลาดนี้เสียแล้ว
หูเฟิงจับตามองเด็กสาวตรงหน้าอยู่ตลอด บนใบหน้าเล็กที่ดูอ่อนเยาว์ ดวงตางดงามคู่นั้นทอประกายสดใส ขณะเดียวกันก็มีความลังเลและสับสนที่ขัดกับอายุเจืออยู่ลึกๆ
“คำพูดนี้แย่นัก ความทรงจำคืออดีตของคน อดีตของคนคนหนึ่งจะถูกลบเพราะความชอบพวกนั้นได้อย่างไร คนที่ไม่มีอดีตแม้สักนิด ยังเป็นคนธรรมดาได้อีกหรือ”
ชายหนุ่มพูดประโยคยาวๆ เช่นนี้น้อยมาก แม้กระทั่งพูดน้อยอย่างยิ่ง ทว่าวันนี้เขาเหมือนจะชอบพูดเสียเหลือเกิน เมื่ออยู่กับเด็กสาวผู้นี้แล้ว เขามักจะพูดอยู่เสมอ และเมื่ออยู่ต่อหน้านาง เขาคล้ายกับกลายเป็นคนธรรมดายิ่งขึ้น เหมือนกับคนทั่วไปในหมู่บ้านพวกนั้น
ไป๋จื่อถอนหายใจเสียงหนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าพูดถูก สถานการณ์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ข้าไม่อาจคิดว่าสูญเสียความทรงจำไปบ้างก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแย่ เพราะตนเองมีความทรงจำที่ไม่ดีอยู่ บางทีในความทรงจำของเจ้า อาจจะมีสิ่งที่สวยงามมากมายที่เจ้าไม่อยากลืม หรือเจ้าไม่อาจลืมได้เช่นกัน”
นางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาจนทำให้คนสายตาพร่าเลือนภายใต้แสงเงานั้น สีหน้าของนางดูจริงจังขึ้นมากทีเดียว “หูเฟิง เจ้าวางใจเถิด ข้าจะต้องรักษาเจ้าให้หาย ให้เจ้าฟื้นคืนความทรงจำกลับมาโดยเร็ว”
แม้จะไม่รู้ว่าคำสัญญาของนางมีน้ำหนักมากเพียงใด ทั้งยังมีโอกาสสำเร็จมากเพียงใด ทว่าในใจของเขาก็ยังคงรู้สึกสบายใจนัก รู้สึกว่าชีวิตนี้มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง มีเป้าหมายให้ต่อสู้แล้ว
ขณะที่เขาคิดจะกล่าวขอบคุณ สุ้มเสียงรางๆ สายหนึ่งก็ดังมาจากด้านหลังของไป๋จื่อ สายตาของเขามองผ่านช่วงคอของนางไปยังลำต้นไม้ด้านหลัง งูลายสาบคอเขียวตัวหนึ่งกำลังแลบลิ้นยาวสีแดง พลางพุ่งเข้าใส่เด็กสาว
ชายหนุ่มยื่นมือไปคว้างูพิษตัวนั้นโดยไม่คิด ส่วนอีกมือหนึ่งดันไป๋จื่อออกอย่างรวดเร็ว
หูเฟิงออกแรงดันรุนแรงนัก ไป๋จื่อล้มคะมำลงกับพื้น ปากจูบกับเลนกลิ่นเหม็นเสียครั้งหนึ่ง ครั้นกำลังตะกียกตะกายลุกขึ้นคิดจะจัดการเขา กลับเห็นงูลายตัวใหญ่ในกำมือของเขาเสียก่อน มันตัวใหญ่เท่ากับลำแขนของเด็กคนหนึ่งเลยทีเดียว บัดนี้มันกำลังอ้าปากเผยเขี้ยวแหลมเล็ก ในลำคอส่งเสียงแปลกประหลาดอย่างยิ่งออกมา
เมื่อครู่มีงูตัวหนึ่งอยู่ข้างหลังนาง หากไม่ได้หูเฟิงช่วยนางไว้ ตอนนี้นางคงจะถูกงูกัดไปแล้ว
ชายหนุ่มจับตรงความยาวเจ็ดชุ่น[1]ของงูลาย แล้วฟาดลงบนลำต้นไม้ด้านข้างอย่างแรง ทำให้งูตัวนั้นมึนงง
เขาหันหน้ามามองนาง “เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร เจ้าเล่า”
อีกฝ่ายส่ายหน้าเช่นกัน “ข้าก็ไม่เป็นอะไร ไปเถิด รีบไปหาสมุนไพรที่เจ้าต้องการ ขืนชักช้าต่อไป ฟ้าคงมืดจนลงเขาไม่ได้”
เด็กสาวชี้ไปที่งูลายที่ตายไปแล้วใต้ต้นไม้นั่น “พามันไปด้วย อีกเดี๋ยวไปหาท่านลุงหูและท่านแม่ที่ทุ่งนา พวกเราย่างกินด้วยกัน ถือโอกาสกินเนื้อสัตว์เสียเลย”
หูเฟิงเบิกตาโพลง ทำหน้าตาไม่อยากเชื่อ “กินงู งูกินได้ด้วยหรือ ทว่านี่เป็นงูพิษที่มีพิษนะ”
ไป๋จื่อก็ทำหน้าตาไม่อยากเชื่อเช่นกัน “เจ้าไม่เคยกินงูหรือ” งูเป็นสัตว์ที่อร่อยมาก เนื้อนุ่มรสชาติดี ไม่ว่าจะย่างหรือตุ๋น กินอย่างไรก็อร่อยทั้งนั้น
[1] ชุ่น (寸) เป็นหน่วยของมาตราวัดความยาว เท่ากับประมาณ 3.34 เซนติเมตร