คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 591 ผีเข้าหมู่บ้าน / ตอนที่ 592 เชลย
ตอนที่ 591 ผีเข้าหมู่บ้าน
ไป๋จื่อเงื้อแส้ม้าฟาดลง บังคับรถม้าห้อตะบึงไปทางหมู่บ้านหวงถัว ระหว่างทางนางพบคนมากมาย ทุกคนต่างก็วิ่งไปทางใต้อย่างสุดชีวิต บางคนแม้กระทั่งยังใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย เห็นได้ชัดว่าเพิ่งตะกายออกมาจากในผ้าห่ม จนไม่ทันได้ใส่เสื้อผ้าอะไร พวกเขาโชคดีมากที่ได้รับข่าวคราวก่อนที่ทัพศัตรูจะบุกมา อย่างน้อยก็หนีออกมาได้ อย่างน้อยก็รักษาชีวิตของตนเองเอาไว้ได้
พวกนางรีบร้อนไปตลอดทาง ทว่าในบรรดาคนที่พวกนางพบกลับไม่มีคนจากหมู่บ้านหวงถัวเลยสักคน
เมื่อเข้าใกล้หมู่บ้านหวงถัวขึ้นเรื่อยๆ พวกนางไม่เห็นแม้กระทั่งเงาคน
จ้าวซู่เอ๋อรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง “เหตุใดไม่มีใครเลยเล่า คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกระมัง”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ ท่านอย่าพูดให้ตนเองกลัวเลยเจ้าค่ะ”
รถม้าเร่งเข้าไปในหมู่บ้าน ทว่าหมู่บ้านในตอนนี้ไม่ใช่หมู่บ้านที่พวกนางคุ้นเคยอีกต่อไปแล้ว เพราะข้างในนั้นเละเทะไปหมด บ้านเรือนบางหลังยังถูกไฟไหม้โหม ข้างทางมีชาวบ้านถูกฆ่าตายไม่น้อย พวกนางราวกับเข้าไปอยู่ในซากปรักหักพังหลังเกิดสงครามก็ไม่ปาน
เมื่อรถม้าหยุดที่หน้าบ้านแล้ว พวกนางก็ปรี่เข้าไปในบ้านทันที ทว่าค้นหาทั้งชั้นล่างและชั้นบนหมดทั้งหลังแล้ว กลับไม่พบใครแม้แต่เงา โต๊ะ เก้าอี้ในบ้านล้วนระเนระนาด ในห้องของแต่ละคนยิ่งดูไม่ได้ ข้าวของมีค่าทุกอย่างหายไปหมดเกลี้ยง
นี่ต่างอะไรกับการมีผีเข้าหมู่บ้านกัน นางใช้ชีวิตอยู่ในยุคที่สงบสุขมาโดยตลอด เรื่องพรรค์นี้ปรากฏอยู่ในหนังสือเรียนและละครโทรทัศน์เท่านั้น คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะมีวันที่นางได้ประสบเหตุการณ์นี้ด้วยตนเอง
จ้าวซู่เอ๋อนั่งนิ่งอยู่บนพื้น “หรูเอ๋อร์ หรูเอ๋อร์ของข้า ตอนนี้จะทำเช่นไรดี ข้าควรจะทำเช่นไร!”
ไป๋จื่อประคองนางลุกขึ้น “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาร้องไห้นะเจ้าคะ พวกเราต้องไปตามหาพวกนางสิ”
น้ำตาของจ้าวซู่เอ๋อไหลลงมาไม่ขาดสาย “แต่พวกเราจะไปตามหาที่ใดกัน”
“พวกเราลองตามหาในหมู่บ้านก่อน ดูว่ามีคนอยู่ที่นี่บ้างหรือไม่ แล้วค่อยถามพวกเขาว่าแท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่กันแน่” ไป๋จื่อกล่าว
จ้าวซู่เอ๋อรีบเช็ดน้ำตา “จริงของเจ้า ในหมู่บ้านอาจจะยังมีใครซ่อนตัวอยู่ก็เป็นได้”
ทั้งสองคนรีบออกจากบ้าน หลังจากตามหาจนทั่วทั้งหมู่บ้านแล้ว ในที่สุดก็พบหัวหน้าหมู่บ้านที่กำลังหายใจรวยรินอยู่ในบ้าน ส่วนฮูหยินอันหมดลมหายใจไปแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านจมอยู่ในกองเลือด เหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายแล้วเช่นกัน
ไป๋จื่ออยากช่วยชีวิตเขา แต่นางรู้อยู่แก่ใจดีว่าไม่ทันแล้ว
หัวหน้าหมู่บ้านจับมือนาง เสียงของเขาแผ่วเบาจนแทบจะฟังไม่ชัดเจน นางจึงก้มหน้าลงไปใกล้ปากเขา
“พะ พวกเขาล้วนถูกจับไปหมดแล้ว พวกนั้นบอกว่าต้องการจับพวกเขาเป็นตัวประกัน เจ้าต้องรีบไป…ร้องเรียน…”
จากนั้นมือที่จับแขนเสื้อของนางไว้ก็ตกลงเบื้องล่าง ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมาจากปากของเขาอีก ผู้อาวุโสที่สนิทสนมกับนาง ทั้งยังออกหน้าช่วยเหลือนางอยู่บ่อยครั้ง บัดนี้ได้จากไปแล้ว
นางกลั้นเสียงสะอื้นไห้ ทว่าหัวไหล่สั่นเครือไม่ยอมหยุด ไฟโทสะในใจคุกรุ่นรุนแรง
สองแคว้นรบราฆ่าฟัน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับชาวบ้านตาดำๆ ด้วย
เก่งจริงก็ตัดสินแพ้ชนะกันในสนามรบสิ เหตุใดต้องใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้มาจัดการกับชาวบ้านคนบริสุทธิ์ที่ไร้ทางสู้ ไม่มีหนทางจะรับมือได้ด้วย
หลังจากใช้หญ้าปิดบังร่างของหัวหน้าหมู่บ้านและภรรยาของเขาแล้ว พวกนางก็ค้นหาในหมู่บ้านต่อไป ทว่าหาอย่างไรก็ไม่พบ นอกจากคนชราที่ตายไปแล้ว ก็ไม่มีคนเป็นๆ หลงเหลืออยู่อีก
พวกนางตามรอยเท้าที่ยุ่งเหยิงไป ก่อนจะพบว่ารอยเท้าเหล่านี้มุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง นั่นก็คือเทือกเขาลั่วอิง
เฉินไท่เหรินบอกว่าทัพศัตรูเหล่านี้บุกจากอาณาเขตซีเยว่ เข้ามาทางเทือกเขาลั่วอิง เมื่อผ่านป่าหนาทึบนี้ไป ก็จะเข้าสู้แขตแดนของแคว้นฉู่แล้ว
หมายความว่าพวกเขาย้อนกลับไปทางเดิมหรือ
……….
ตอนที่ 592 เชลย
ไป๋จื่อกล่าวกับจ้าวซู่เอ๋อว่า “ตอนนี้ท่านกลับไปในเมืองก่อน หารถม้ามาอีกคันหนึ่ง ให้คนไปส่งท่านที่ค่ายทหาร ข้าเดาว่าพวกหูเฟิงต้องยังไม่รู้เรื่องนี้แน่ ท่านไปหาหูเฟิงและอาอู่ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ให้พวกเขาฟังที”
จ้าวซู่เอ๋อรีบถาม “แล้วเจ้าเล่า เจ้าจะไปที่ใด”
เด็กสาวชี้ไปในป่าที่ไกลออกไป “ข้าจะตามไปก่อน อาจจะมีโอกาสช่วยพวกเขาได้”
ทว่าจ้าวซู่เอ๋อพลันส่ายหน้า “ไม่ได้ ข้าไม่วางใจให้เจ้าไปคนเดียวหรอก จะไปก็ไปด้วยกัน จะตายก็ตายด้วยกัน”
ไป๋จื่อยิ้มขื่น “พี่สะใภ้ ข้าไม่ได้จะส่งตัวเองไปตาย ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก ข้ามีวิธีป้องกันตนเอง ท่านฟังคำข้านะเจ้าคะ รีบไปหาหูเฟิงและอาอู่ และต้องจำไว้ว่าหากไม่พบอาอู่ เช่นนั้นก็ต้องตามหาโจวกัง ฟู่เจิง แม้กระทั่งจูซื่อที่อยู่ในหน่วยเสบียง และหมอเฉินที่เป็นแพทย์ทหาร ขอเพียงพบพวกเขาสักคน พวกเขาต้องช่วยท่านไปบอกหูเฟิงแน่”
“แต่ว่า…” จ้าวซู่เอ๋อยังคงไม่วางใจ ต่อให้ไป๋จื่อฉลาดเพียงใด นางก็เป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบสามปีเท่านั้น นางตามทัพทหารห้าพันคนไปเพียงลำพัง นี่จะไม่เท่ากับส่งตัวเองไปตายได้อย่างไร
ไป๋จื่อโบกมือ “ไม่มีแต่แล้วเจ้าค่ะ ท่านบอกหูเฟิงว่าแคว้นซีเยว่คิดจะใช้ชาวบ้านแคว้นฉู่ไปแลกกับเชลย พวกเขาลอบกลับไปโดยผ่านเทือกเขาลั่วอิง ขอเพียงสืบหาภายในชายแดนซีเยว่ตามแนวเทือกเขาลั่วอิง ก็ย่อมต้องพบพวกข้าแน่”
จนแล้วจนรอดจ้าวซู่เอ๋อก็ไม่สามารถโน้มน้าวนางได้ จึงรีบจากไป
ไป๋จื่อกลับไปที่บ้าน หยิบขวดและกระปุกต่างๆ ที่มีประโยชน์ติดตัวไป รวมถึงนำน้ำและอาหารแห้งไปด้วยจำนวนหนึ่ง นางเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าเก่าขาดยามเสี่ยวเฟิงใส่มาถึงหมู่บ้านหวงถัว เติมขี้เถ้าบนใบหน้าอีกเล็กน้อย เมื่อมองเผินๆ ดูแล้วไม่แตกต่างอะไรกับเด็กขอทานข้างถนน
นางพกล่วมยาไปด้วย ใช้ผ้าพันมีดผ่าตัดที่คมกริบอย่างหาใดเปรียบเอาไว้ แล้วเหน็บมันไว้ที่เอว
เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว นางก็บังคับรถม้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางของภูเขาลั่วอิง
ครั้นมาถึงตีนเขา นางพบรอยเท้าไม่น้อยอยู่จริงๆ และยังพบคราบเลือดจำนวนหนึ่งบนใบไม้ริมทางด้วย คราบเลือดแห้งกรังไปแล้ว ดูท่าทางพวกเขาจะผ่านบริเวณนี้ไปได้พักใหญ่ทีเดียว
ทันทีที่เข้าไปในเทือกเขา ดินเลนภายในนั้นก็อ่อนนุ่มขึ้น รอยเท้าบนพื้นจึงชัดเจนยิ่งขึ้นเช่นกัน นางตามรอยเท้าเหล่านั้นไปตลอดทาง ไม่รู้ว่าตามไปนานเท่าไร แม้จะเป็นเวลากลางวันในฤดูหนาว แต่เสื้อผ้าบนหลังของนางกลับเปียกชุ่มไปหมดแล้ว โชคดีที่ขี้เถ้าบนใบหน้ายังไม่เลือนไป ไม่เช่นนั้นตอนนี้โฉมหน้าที่แท้จริงของนางคงจะเผยออกมาแล้ว
อาจจะเป็นเพราะมีคนกลุ่มใหญ่ผ่านมาแล้วครั้งหนึ่ง ระหว่างทางจึงไม่พบสัตว์ป่าเลยสักตัว ถือว่าทางสะดวกทีเดียว เพราะเป็นการดีกว่าหากจะไม่มีสัตว์ป่าตัวใดมาพบนาง ก่อนที่นางจะพบคนเหล่านั้น
จู่ๆ นางก็หยุดฝีเท้า เงี่ยหูฟังเสียงอย่างตั้งใจ ข้างหน้ามีเสียงก่นด่าต่อว่าดังมาเลือนราง เจือมาด้วยเสียงร้องไห้จ้าของเด็กหญิง
ไป๋จื่อรู้สึกดีใจมาก ดูท่าทางจะอยู่ข้างหน้านี้แล้ว
นางผ่อนฝีเท้า แต่ละย่างก้าวเต็มไปด้วยความระมัดระวังอย่างมาก เพราะส่งเสียงดังไม่ได้ และไม่อาจให้เงาร่างของตนเองปรากฏต่อหน้าพวกเขาด้วย
จากนั้นนางก็หลบไปอยู่ด้านหลังพุ่มไม้ เห็นชาวบ้านกลุ่มใหญ่ถูกมัดมือ โดยมีทหารถือดาบเล่มยาวอยู่ในมือคอยคุมตัว พวกเขามีกันหลายคน ตอนนี้พวกเขาหันหลังให้นาง นางจึงไม่สามารถตามหาคนที่นางต้องการได้จากคนกลุ่มนี้
ทำอย่างไรดี นางต้องทำเช่นไรถึงจะช่วยพวกเขาได้
นางไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม จึงได้แต่ตามอยู่ห่างๆ เช่นนี้ เพื่อหาโอกาสที่เหมาะสม
เวลาเย็นย่ำ จู่ๆ ทหารข้างหน้าก็หยุดเคลื่อนขบวน แล้วคลายเชือกให้บุรุษกลุ่มหนึ่ง ให้พวกเขาไปตัดฟืนและตั้งกระโจม ส่วนสตรีช่วยกันทำอาการ
ไป๋จื่อแอบดีใจอยู่เงียบๆ นางรู้ว่าโอกาสมาถึงแล้ว จึงหาที่ซ่อนล่วมยาที่สะพายหลังมาด้วยไว้อย่างดี จากนั้นก็นำอาหารแห้งและกระบอกน้ำซ่อนไว้ในเสื้อผ้าด้วย โชคดีที่เสื้อผ้าชุดนี้ไม่ค่อยพอดีตัว มันหลวมโพรกไปบ้าง เหมาะจะซ่อนสิ่งของเข้าไปได้พอดี และไม่มีทางที่ใครจะพบมันง่ายๆ ด้วย