คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 631 การแต่งงานระหว่างหญิงชายเป็นกำหนดจากพ่อแม่ / ตอนที่ 632 เผยเซี่ยเฉิน
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 631 การแต่งงานระหว่างหญิงชายเป็นกำหนดจากพ่อแม่ / ตอนที่ 632 เผยเซี่ยเฉิน
ตอนที่ 631 การแต่งงานระหว่างหญิงชายเป็นกำหนดจากพ่อแม่
เซียงอี๋เหนียงยิ้มไม่หุบ “ถูกต้อง ต่อไปพวกเราถือเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ย่อมไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากอีก”
ไป๋เจินจูถามว่า “จิ้นอ๋องผู้นั้น เขาเป็นคนเช่นไรหรือเจ้าคะ” นางยังอยากถามอีกว่าจิ้นอ๋องอายุเท่าไร หล่อเหลาหรือไม่ แต่ก็เกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาท จึงอดใจไว้ไม่ถาม
“เรื่องนั้นข้าไม่รู้จริงๆ ประวัติของจิ้นอ๋องลึกลับมาก อย่าว่าแต่ข้าเลย แม้แต่ท่านโหวเองก็ยังไม่เคยพบเขามาก่อน” เซียงอี๋เหนียงกล่าว
เจินจูพลันมีสีหน้าประหลาดใจ “ท่านโหวก็ไม่เคยพบหรือเจ้าคะ เช่นนั้นแล้วตกลงเรื่องการแต่งงานนี้ได้อย่างไรกัน”
ครั้นเซียงอี๋เหนียงนึกถึงตงฟางมู่ขึ้นมา รอยยิ้มบนใบหน้าก็จืดจางลงไปสามส่วนทันใด นางเอ่ยเสียงเย็นว่า “เรื่องนี้ท่านโหวไม่ใช่คนจัดการหรอก เป็นฮ่องเต้และสกุลตงฟางตกลงกันต่างหาก ก่อนหน้านี้ท่านโหวไม่เคยรู้เรื่องนี้ หลังจากเจ้าหายตัวไปแล้วถึงได้รู้”
ไป๋เจินจูขมวดคิ้ว นั่นก็หมายความว่าไม่มีใครเคยพบว่าที่สามีคนนี้ของนางมาก่อน แม้แต่เผยชิงหานเองก็เช่นกัน
เซียงอี๋เหนียงพูดอีกว่า “แต่ข้าได้ยินมาว่าจิ้นอ๋องผู้นี้องอาจกล้าหาญมาก ผู้คนต่างเรียกเขาว่าท่านอ๋องเทพสงคราม อีกทั้งได้รับชัยชนะในสมรภูมิทางตะวันตกเฉียงเหนือด้วย”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เซียงอี๋เหนียงก็ลดระดับเสียงลง เข้าใกล้ที่ข้างหูของไป๋เจินจู “ว่ากันว่าจิ้นอ๋องไม่ได้กลับเมืองหลวงมานานแล้ว เมื่อถึงตอนนั้น ท่านอ๋องต้องคิดหาทางจัดการให้พวกเจ้าสองคนได้พบกันแน่ เจ้าต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้มั่น แสดงท่าทางดีๆ ต่อหน้าจิ้นอ๋อง เจ้าต้องรู้ไว้ว่าจิ้นอ๋องเป็นโอรสที่ฮ่องเต้โปรดปรานและให้ความสำคัญที่สุด ต่อไปเขาอาจจะสืบทอดตำแหน่งฮ่องเต้ต่อไป หากเจ้าแต่งให้จิ้นอ๋องได้อย่างราบรื่น วันข้างหน้าเจ้าก็อาจจะได้เป็นฮองเฮา มารดาของใต้หล้าเชียวนะ!”
ไป๋เจินจูตกอยู่ในภวังค์ นางอยากให้ชีวิตของตนเองพบจุดพลิกผันครั้งใหญ่มาโดยตลอด แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจุดพลิกผันของชีวิตนี้จะมาถึงจริงๆ ทั้งยังยิ่งใหญ่มาก ยิ่งใหญ่อย่างน่าอัศจรรย์ ยิ่งใหญ่จนแม้แต่นางก็ไม่กล้าเชื่อ
ฮองเฮาของแผ่นดิน มารดาของใต้หล้าหรือ
นี่ช่างเป็นเรื่องที่นางไม่กล้าฝันถึงเลยจริงๆ!
บัดนี้เห็นนางเหม่อลอย เซียงอี๋เหนียงก็ไม่พูดอะไรมากอีก เพียงตบไหล่ของนางเบาๆ แล้วลุกขึ้นพาเผยเซี่ยเฉินออกไป
เพิ่งออกจากเรือนหลานได้ไม่เท่าไร เผยเซี่ยเฉินที่อึดอัดใจอยู่นานก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว นางจับแขนของเซียงอี๋เหนียง หัวเราะเยาะเสียงเบาว่า “ดูนางสิเจ้าคะ นางคิดว่าจิ้นอ๋องจะชอบพอนางกระมัง”
“จะชอบพอหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือการแต่งงานนี้เป็นการตกลงกันระหว่างฮ่องเต้และสกุลตงฟาง ขอเพียงสกุลตงฟางไม่เอ่ยเรื่องถอนหมั้นกับฮ่องเต้ ก็เท่ากับว่าทุกอย่างสำเร็จลุล่วง ตั้งแต่อดีตกาลมา การแต่งงานระหว่างชายหญิงเป็นกำหนดจากพ่อแม่ ต่อให้เป็นองค์ชายก็ไม่มีสิทธิ์เลือกคู่ครองของตนเองหรอก” เซียงอี๋เหนียงกล่าว
เผยเซี่ยเฉินถอนใจเสียงหนึ่ง กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “น่าเสียดายนัก ยศตำแหน่งที่ดีเช่นนี้ กลับต้องให้สตรีเช่นนางครอบครอง ช่างไม่คู่ควรกับจิ้นอ๋องเสียเลย”
เซียงอี๋เหนียงมองตาขวางใส่บุตรสาว นางไม่สบอารมณ์เช่นกัน “นางเด็กโง่ผู้นี้ พูดจาอะไรของเจ้า ให้นางได้ครอบครอง ย่อมดีกว่าให้ผู้อื่นครอบครองมากโข เจ้าลองคิดดูสิ หากต่อไปนางได้เป็นมารดาของใต้หล้าจริง เจ้าเป็นน้องสาวของนาง ก็เท่ากับได้ยศตำแหน่งสูงตามไปด้วยไม่ใช่หรือ ถึงตอนนั้นแล้ว เจ้าจะเลือกคุณชายผู้สูงส่งในเมืองหลวงคนใดไม่ได้บ้าง”
เบื้องหน้าของเผยเซี่ยเฉินราวกับสว่างจ้าขึ้นมา “ท่านแม่ จริงหรือเจ้าคะ ข้าเลือกเองได้จริงหรือ”
“ย่อมแน่นอน ให้เจ้าเลือกเอง” เซียงอี๋เหนียงกล่าวพร้อมยิ้มลำพองใจ แต่เมื่อเห็นเผยเซี่ยเฉินดีอกดีใจ นางจึงรีบถามว่า “ท่าทีเช่นนี้ของเจ้าหมายความว่าอย่างไร ยิ้มกว้างเช่นนี้ หรือเจ้ามีคนที่ชอบพออยู่ในใจแล้ว”
เผยเซี่ยเฉินหน้าแดง หมุนกายหนี “ท่านแม่ ท่านพูดอะไรของท่าน ข้ามีใครที่ไหนกัน ใครได้ยินเข้าจะไม่งามนะเจ้าคะ”
เหล่าสาวใช้ที่ติดตามเซียงอี๋เหนียงต่างก็อยากรู้อยากเห็น ทว่านางไม่สนใจพวกนาง เพียงจับมือบุตรีถามว่า “รีบพูดมาเร็ว เจ้าชอบพอใครเข้าแล้ว”
……….
ตอนที่ 632 เผยเซี่ยเฉิน
เผยเซี่ยเฉินรู้ว่าปิดบังมารดาไม่ได้ จึงทำได้เพียงตอบตามความจริง “ท่านแม่ เดือนก่อนข้าไปซื้อแป้งน้ำที่หอเทียนเซียง ระหว่างทางพบคนผู้หนึ่งเข้า” นางก้มหน้างุด เสียงแผ่วเบาราวกับยุง หน้าแดงลามไปถึงใบหู
เซียงอี๋เหนียงไม่เคยเห็นท่าทีเช่นนี้ของบุตรีมาก่อน จึงรีบซักไซ้ต่อ “เจ้าพบผู้ใด คุณชายบ้านใดเก่งกาจนัก ถึงทำให้เฉินเอ๋อร์ของข้าหลงใหลจนเป็นเช่นนี้ได้”
“ก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่รู้ว่าเข้าเป็นใครเจ้าค่ะ ต่อมาสอบถามดูแล้ว ถึงได้รู้ว่าเขาเป็นคุณชายของสกุลเมิ่ง” เผยเซี่ยเฉินกล่าว
ทันใดนั้นเซียงอี๋เหนียงก็ขมวดคิ้ว เร่งถาม “คุณชายของสกุลเมิ่ง? คุณชายคนใด” ในความทรงจำของนางนั้น ทายาทของสกุลเมิ่งมีเพียงผู้เดียว คุณชายสกุลเมิ่งคนอื่นส่วนใหญ่ล้วนแต่งงานไปแล้ว
“คุณชายเมิ่งหนานเจ้าค่ะ” เผยเซี่ยเฉินเอ่ยตอบ
ทว่าเซียงอี๋เหนียงส่ายหน้าทันควัน “เป็นเขาไม่ได้”
เผยเซี่ยเฉินชะงักค้าง ก่อนจะรีบถามว่า “เพราะเหตุใดกัน เหตุใดเป็นเขาไม่ได้เจ้าคะ สกุลเมิ่งเป็นตระกูลใหญ่ แม้จะไม่มีตำแหน่งใหญ่อะไร แต่ข้าได้ยินมาว่าสกุลเมิ่งมีอำนาจมากในราชสำนัก พระสนมซูเฟยก็เป็นคนสกุลเมิ่งไม่ใช่หรือ”
เซียงอี๋เหนียงกล่าวด้วยความหนักใจ “เฉินเอ๋อร์ แม่ไม่ได้บอกว่าเบื้องหลังของสกุลเมิ่งไม่ดี แต่เจ้ากับเมิ่งหนานไม่เหมาะสมกัน”
“ไม่เหมาะสมกันอย่างไร” นางรีบถามอีก
“ข้าขอบอกเจ้าตามตรง ในบรรดาคุณชายที่ยังไม่ได้แต่งงานในเมืองหลวง ข้าล้วนไปเจรจาให้เจ้าได้ทั้งสิ้น แม้สกุลเมิ่งจะมีฐานะหน้าตาดีทุกอย่าง แต่ก็ไม่ใช่เช่นที่เจ้าคิด ปีนี้เขาอายุเท่าไร ส่วนเจ้าอายุเท่าไร กว่าเจ้าจะแต่งงานได้ก็อย่างน้อยอีกสามปี ทว่าทายาทเพียงหนึ่งเดียวของสกุลเมิ่งจะยอมรอถึงสามปีได้หรือ เรื่องนี้ไม่อาจเป็นจริงได้ เจ้าตื่นจากฝันเสียเถอะ!” เซียงอี๋เหนียงเอ่ยยืดยาว
เผยเซี่ยเฉินส่ายหน้า “เหตุใดถึงไม่ยอมเล่า เขาอาจจะยอมก็ได้นะเจ้าคะ”
เซียงอี๋เหนียงพูดอีกว่า “นี่เป็นเพียงหนึ่งในเหตุผลของข้าเท่านั้น ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง”
“อะไรหรือเจ้าคะ” เผยเซี่ยเฉินรีบถาม
“ข้าได้ยินมานานแล้ว ว่าสกุลเมิ่งและสกุลเจิ้งมีความคิดเกี่ยวดองกัน เมิ่งหนานและเจิ้งหรูเสวี่ยแห่งสกุลเจิ้งผู้นั้นเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก บัดนี้เจิ้งหรูเสวี่ยอายุสิบเจ็ดแล้ว ขอเพียงสกุลเมิ่งพยักหน้า นางก็แต่งเข้าสกุลได้ทันที เจ้าคิดว่าเจ้าจะแข่งกับเจิ้งหรูเสวี่ยได้หรือ”
เผยเซี่ยเฉินพลันหมดกำลังใจ นางเคยพบเจิ้งหรูเสวี่ยอยู่สองหน อีกฝ่ายเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของสกุลเจิ้งที่ถูกต้องตามตำรา หน้าตาสะสวย รู้หนังสือและขนบธรรมเนียม ได้ยินมาว่ายังบรรเลงฉิน เล่นหมากล้อม แต่งกลอน รวมถึงวาดภาพได้อีกต่างหาก เหล่าคุณชายมากมายในเมืองหลวงนี้ ไม่รู้ว่าหมายปองนางเป็นคู่ครองมากมายเท่าใด
เทียบกับเจิ้งหรูเสวี่ยแล้ว นางเป็นเพียงลูกอนุต่ำต้อยคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นเด็กสาวที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์แต่งงาน แล้วนางจะไปแย่งบุรุษคนหนึ่งกับเจิ้งหรูเสวี่ยได้อย่างไร
“ท่านแม่ ข้าไม่สน ข้าชอบคุณชายเมิ่ง ท่านช่วยข้าหน่อยนะเจ้าคะ”
…
เรือนพักแขกของสกุลเผย
ในบรรดาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองหลวงของเผยชิงหาน เรือนหลังนี้ดูทรุดโทรมที่สุด ไม่อาจนับได้ว่าหรูหรา เป็นเพียงเรือนพักที่มีลานบ้านสองแห่งเชื่อมถึงกัน ทว่าให้ครอบครัวของเจ้าใหญ่มาพักอยู่ก็ถือว่ามากพอแล้ว
เทียบกับเรือนผุพังที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้ ก็ไม่รู้ว่าที่นี่ดีเลิศกว่าตั้งกี่เท่า
เผยชิงหานไม่ได้มอบเงินให้พวกเขา เพียงแค่จัดหาที่อยู่ในเท่านั้น เด็กรับใช้ที่ให้มาทำงานที่นี่ก็มีเพียงไม่กี่คน ทุกวันทุกคนล้วนไม่ทำอะไรสักอย่าง ตื่นมาก็กิน หลับตาก็นอน ช่างเป็นชีวิตที่พวกเขาฝันหามาเนิ่นนาน
ทว่าวันเวลาเช่นนี้มักไม่ยืนยาว พวกเขาเองก็เบื่อหน่ายเช่นกัน จึงอยากจะออกไปเที่ยวเล่น ชมความรุ่งเรืองของเมืองหลวง มองดูสิ่งของและผู้คนของที่นี่บ้าง
อยากออกไปข้างนอก ไม่ใช่ว่าแค่พูดก็สามารถออกไปได้ เพราะพวกเขาไม่มีเงินติดตัวแม้สักแดง ออกไปแล้วก็ต้องกินข้าวและดื่ม ชมละคร ฟังดนตรี ไหนเลยจะไม่ต้องใช้เงินกันเล่า เพียงแค่ออกไปเดินเล่นเฉยๆ คงจะเป็นไปไม่ได้