คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 745 กับดักจินหยาง (6) / ตอนที่ 746 กับดักจินหยาง (7)
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 745 กับดักจินหยาง (6) / ตอนที่ 746 กับดักจินหยาง (7)
ตอนที่ 745 กับดักจินหยาง (6)
โจวกังก่นด่าด้วยความโมโห “แผนการนี้ชั่วช้านัก เหตุใดเขาคำนวณว่าพวกเราจะออกจากเมืองในเวลานี้ได้แม่นยำ ทั้งๆ ที่มีแค่พวกเราสองคนเท่านั้น”
หูเฟิงเงยหน้ามองกลุ่มคนที่เดินไปมาอยู่นอกตรอก ก่อนจะมีใบหน้าที่ไม่คุ้นตาผุดขึ้นมา “ทหารสอดแนมผู้นั้น เขาถูกส่งออกไปนานเท่าไรถึงจะกลับมา”
โจวกังคิดดูก่อนจะตอบ “สองวันขอรับ ข้าส่งทหารสอดแนมไปทั้งหมดสามคน มีเพียงเขาเท่านั้นที่กลับมา ทั้งยังบอกว่าพวกเขาไม่พบคณะทูตจากแคว้นจิน พวกเขาเลยเดินทางต่อไปโดยไม่ได้คิดอะไร”
“สองวัน? จากชิงหยางถึงจินหยาง ทั้งหมดเป็นระยะทางหกสิบลี้ ต่อให้เร่งม้ารีบเดินทางเพียงใด ก็ไม่มีทางเนิ่นนานเกินกว่าครึ่งวัน แต่พวกเขากลับใช้เวลาถึงสองวัน เห็นได้ชัดว่าทหารสอดแนมตัวจริงตายไปแล้ว ส่วนคนที่พวกเราพบเป็นตัวปลอม เขาจงใจบอกข่าวที่นี่กับพวกเราในเวลานั้น เพื่อล่อให้พวกเรามาติดกับ”
โจวกังก่นด่าอีกครั้ง “สารเลว อย่าให้ข้าได้พบเขาอีกเชียว ต้องฉีกร่างเขาให้ตายไปเสีย”
สตรีที่นั่งอยู่ด้านหลังหูเฟิงได้ยินดังนั้น ก็พลันเข้าใจกระจ่างแจ้งในทันที ว่าพวกเขาไม่ใช่คนเลวจริงๆ ส่วนคนที่มาต้อนรับคณะทูตก่อนหน้านี้ก็ติดกับดักของคนชั่ว ถึงได้ตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้
“เมื่อครู่เข้าใจพวกท่านสองคนผิดไป จินเอ๋อร์ขออภัยเป็นอย่างยิ่ง!”
โจวกังโบกมือ “ไม่เป็นไร เจ้าเพียงปกป้ององค์หญิง พวกข้านับถือยิ่งนัก”
ขณะนี้มีทหารกองหนึ่งผ่านถนนมา มุ่งหน้าไปยังประตูเมือง
“ตอนนี้ออกไปจากเมืองไม่ได้ พวกเราแสดงตัวต่อหน้าคนพวกนั้นไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นพวกเราคงต้องรับโทษที่ไม่ได้ก่อแล้วจริงๆ” หูเฟิงกล่าว
โจวกังหันกลับไปมองครั้งหนึ่ง ภายในตรอกมีบ้านที่ใกล้จะพังแหล่มิพังแหล่ ระหว่างทางไปตรงนั้นไม่มีเงาคนแม้สักคน น่าจะเป็นบ้านที่ถูกทิ้งร้างไว้นานแล้ว “ท่านอ๋อง มิสู้พวกเราไปหลบในนั้นกันก่อน รอทหารม้าของพวกเรามาถึงแล้วค่อยไปสมทบ ถึงตอนนั้นมารอดูกันว่าปีศาจในเมืองจินหยางจะใช้ลูกไม้อะไรอีก”
หูเฟิงพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกัน แต่ต้องซ่อนม้าสองตัวนี้ให้ดี มันดึงดูดสายตาเกินไป”
โจวกังเดินไปที่ท้ายตรอก ภายในตรอกมีบ้านเก่าทั้งหมดเจ็ดหลัง มีเพียงหลังที่อยู่ด้านในสุดท่านั้นที่มีคนชราอาศัยอยู่ ส่วนหลังอื่นๆ ล้วนรกร้างทั้งสิ้น
เขาจึงซ่อนม้าไว้ในบ้านหลังที่สองถัดจากปากตรอก ส่วนพวกเขาเข้าไปหลบในบ้านหลังที่ห้า เพราะหากมีคนเข้ามาลาดตระเวนดู ก็จะพบม้าในบ้านหลังที่สองก่อน และย่อมต้องมีเสียงม้าดังมาแน่ เมื่อถึงตอนนั้นแล้วพวกเขาก็มีเวลาหนีเหลือเฟือ
ในลานบ้านขนาดเล็กปลูกต้นสาลี่ไว้ต้นหนึ่ง ทว่าขณะนี้อากาศหนาวเย็น มันจึงไม่เหลือใบ แม้กระทั่งแทบแข็งตายแล้ว
หูเฟิงนึกถึงต้นสาลี่ตนเองปลูกไว้ในหมู่บ้านหวงถัว ไม่รู้ว่าตอนนี้มันยังอยู่หรือไม่
บ้านหลังนี้ผุพังเกินกว่าที่คิดไว้ ด้านนอกเรือนมีหิมะปกคลุมหนาหนัก ส่วนด้านในเรือนก็มีหิมะกองสุมอยู่บ้าง ไม่ว่าด้านนอกหรือด้านในก็หนาวเย็นทั้งสิ้น
ชายหนุ่มถอดเสื้อบุนวมบนร่างกายออก ปูมันไว้ที่มุมเรือน ก่อนจะให้โจวกังวางองค์หญิงฟางลงบนเสื้อของเขา
โจวกังรีบถอดเสื้อของตนเองให้หูเฟิง ทว่าหูเฟิงกลับส่งมันให้จินเอ๋อร์ “แม่นางจินเอ๋อร์ เจ้าใส่ไว้เถอะ”
ตอนนี้จินเอ๋อร์หนาวจนปากกลายเป็นสีเขียว ครั้นเห็นเสื้อที่คล้ายกับยังคงอบอุ่นเช่นนี้ นางก็พลันรู้สึกตื้นตัน ทว่านางกลับส่ายหน้า “ข้าเป็นเพียงบ่าว ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก”
หูเฟิงยัดเสื้อใส่มือนางโดยตรง เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงหมุนกายนำโจวกังไปตัดต้นสาลี่
“ท่านอ๋อง หากพวกเราจุดไฟที่นี่ตอนกลางวันแสกๆ ยังว่าไปอย่าง แต่หากเป็นยามค่ำคืนแล้ว เกรงว่าจะมีคนเห็นเข้านะขอรับ”
หูเฟิงยกกระบี่ขึ้นฟันต้นสาลี่จนหัก กล่าวตอบโดยที่ไม่หันไปมองอีกฝ่าย “ตอนนี้เผามันก่อนเถอะ ทำให้มันกลายเป็นถ่าน ใช้ถ่านจุดไฟย่อมไม่มีคนเห็น”
……….
ตอนที่ 746 กับดักจินหยาง (7)
โจวกังตื่นเต้นทีเดียว “ท่านอ๋องทำถ่านเป็นด้วยหรือขอรับ”
หูเฟิงฟันต้นสาลี่อีกครั้ง พลางเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าเคยใช้ชีวิตเช่นชาวบ้านธรรมดาอยู่ในหมู่บ้านหวงถัว จึงทำทุกอย่างที่คนอื่นทำได้ทั้งสิ้น”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าโจวกังก็เซื่องซึมลงไปอย่างเห็นได้ชัด สามปีมานี้พวกเขารอดมาได้อย่างยากลำบากทีเดียว
โชคดีที่พวกเขารอดชีวิตมาได้ อดทนและพบการพลิกผันในที่สุด
โจวกังจุดไฟในลานบ้าน ส่วนหูเฟิงออกไปซื้ออาหารมาจำนวนหนึ่ง และถือโอกาสเดินดูสถานการณ์บริเวณนั้นไปด้วย
เป็นเช่นที่เขาคาดการณ์ไว้ ทุกที่ล้วนมีทหารสวมเสื้อผ้าสบายๆ เฝ้าอยู่ แม้พวกเขาจะพยายามแต่งกายเป็นชาวบ้านร้านตลาดอย่างสุดความสามารถ แต่ถึงอย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่ใช่คนทั่วไป ทุกคำพูด การกระทำ และแววตาที่ใช้มองผู้คนแตกต่างกับผู้อื่นโดยสิ้นเชิง
กลับเป็นหูเฟิงที่ดูธรรมดาสามัญมาก เขาทำให้ใบหน้าของตนเองสกปรก ยามพูดจาหรือเดินเหินก็จะห่อไหล่ ทำหลังค่อม อีกทั้งยังสวมเสื้อผ้าทั่วไป บวกกับประสบการณ์การเป็นชาวบ้านมานานถึงสามปีของเขา จึงรอดพ้นสายตาทุกคนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หูเฟิงส่งซาลาเปาสองลูกที่มีควันร้อนพวยพุ่งให้จินเอ๋อร์ “กินเถอะ”
สองวันมานี้จินเอ๋อร์ไม่มีอะไรตกถึงท้อง ทันทีที่เห็นซาลาเปาร้อนๆ ไหนเลยนางจะสนใจมารยาทอะไรอีก นางรีบรับซาลาเปามากัดกิน หลังจากกินไปหลายคำแล้วถึงพบว่าบุรุษสองคนล้วนกำลังมองนาง พาให้นางหน้าแดงระเรื่อ รีบหันหลังไปกินต่ออย่างรวดเร็ว
หลังจากจินเอ๋อร์กินเสร็จแล้ว หูเฟิงถึงจะพูดขึ้นว่า “แม่นางจินเอ๋อร์ บอกพวกข้าหน่อยได้หรือไม่ ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่พวกเจ้ามาถึงที่นี่”
จินเอ๋อร์หันไปมององค์หญิงที่อยู่ข้างกายตน ตรงหน้าราวกับปรากฏภาพอันน่าเวทนาในค่ำคืนนั้นขึ้นอีกครั้ง ร่างกายนางจึงสั่นเทาขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
หูเฟิงกับโจวกังก็ไม่ได้เร่งเร้านาง เพียงรอให้นางสงบใจลงได้เสียก่อน
ผ่านไปพักใหญ่ทีเดียว ในที่สุดจินเอ๋อร์ก็เอ่ยปาก “ตอนที่พวกข้ามาถึงเมืองจินหยางในวันนั้นเป็นยามโหย่ว[1]แล้ว ไท่จื่อกับองค์หญิงรับอาหารเย็นง่ายๆ ในสถานพักม้าแล้ว ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนที่ห้องของตนเอง ทีแรกก็ไม่ได้มีสถานการณ์ผิดแปลกอะไร นอกจากคนของพวกข้าแล้ว ในสถานพักม้าก็มีเพียงองครักษ์เท่านั้น ไม่ได้ใครอื่นอีก แต่พอถึงกลางดึก ไม่รู้มีชายชุดดำกลุ่มหนึ่งโผล่ออกมาจากที่ใด พวกเขาวรยุทธ์สูงส่ง ลงมือฆ่าองครักษ์ที่พวกข้าพามาจนเกลี้ยงอย่างโหดเหี้ยม ไท่จื่อหมายจะคุ้มครององค์หญิงหนีไป แต่กลับเกือบถูกคนร้ายลอบสังหาร เป็นองค์หญิงที่ช่วยไท่จื่อเอาไว้ ทำให้ตัวนางเองถูกพิษร้ายแรง ไท่จื่อสู้คนพวกนั้นไม่ได้ จึงหนีไปทั้งๆ ที่บาดเจ็บหนัก คนพวกนั้นไม่ได้สนใจข้ากับองค์หญิงอีก ต่างก็ไล่ตามไท่จื่อไปแล้ว หลังจากนั้นมีคนที่เรียกตนเองว่าจิ้นอ๋องมาถึง เขาจับขันทีและนางกำนัลที่เหลือในสถานพักม้าไป บอกว่าต้องการกักขังไว้เพื่อไต่สวน”
โจวกังถามทันที “เหตุใดเขาไม่จับเจ้ากับองค์หญิงไปด้วยเล่า”
จินเอ๋อร์ส่ายหน้า “ข้าเองก็ไม่รู้ ทุกคนถูกจับตัวไปหมด เหลือเพียงข้ากับองค์หญิง ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร”
หูเฟิงดึงท่อนไม้สาลี่ที่เกือบจะไหม้แล้วออกมา โยนมันลงในน้ำ ทำให้เกิดเสียงซู่ซ่าดังมาหลายระลอก จนไม้สาลี่กลายเป็นสีดำทั้งท่อนแล้ว เขาถึงจะโยนมันเข้าไปในกองไฟ แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “เพราะพวกเขาต้องการให้องค์หญิงของเจ้าเป็นเหยื่อล่อ เมื่อมีเหยื่อล่อแล้ว พวกข้าถึงจะมาหาถึงที่ กับดับที่พวกเขาวางไว้ถึงจะเกิดผลสำเร็จ”
เขามองไปที่โจวกัง พลางยิ้มจาง “ตอนนี้พวกข้าล้วนเป็นคนที่ติดกับดักแล้ว”
โจวกังแค่นหัวเราะ “อย่าให้ข้ารู้ว่าใครวางแผนอยู่บ้างหลังเชียว ข้าไม่ไว้ชีวิตเขาแน่ขอรับ”
หูเฟิงอ้าปาก แต่สุดท้ายก็ปิดปาก เวลานี้ต่อให้ไม่ได้มีเพียงเขาและโจวกังสองคน เรื่องบางเรื่องก็ยังไม่สะดวกจะพูดออกไปอยู่ดี
……….
[1] ยามโหย่ว (酉时) เวลา 17:00-19:00 น.