คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา - ตอนที่ 771 สุสาน / ตอนที่ 772 เห็นโลงศพชะงักฝีเท้า
- Home
- คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา
- ตอนที่ 771 สุสาน / ตอนที่ 772 เห็นโลงศพชะงักฝีเท้า
ตอนที่ 771 สุสาน
โจวกังพยักหน้า “มาแล้วขอรับ มีกันทั้งหมดสิบแปดคน ล้วนเป็นเหลือบไรของศาลาว่าการทั้งสิ้น ยากจะบอกได้ว่ามีใครอยู่เบื้องหลังพวกเขาหรือไม่”
หากมีเขาและจิ้นอ๋องเพียงสองคน ต่อให้เหลือบไรเช่นนี้มาอีกสักร้อยคนก็ไม่กลัว แต่ตอนนี้พวกเขาต้องนำสตรีสองคนไปด้วย คนหนึ่งสลบไสลไม่ได้สติ อีกคนหนึ่งฝืนอยู่ได้อีกไม่นาน แล้ว ถ้าหากอีกฝ่ายบุกเข้ามา พวกเขาก็มีแต่จะเสียเปรียบแล้ว
เขาโจวกังตกอยู่ในอันตรายได้ แต่จิ้นอ๋องไม่ได้
โจวกังรีบแบกองค์หญิงเชียนฟางขึ้นหลัง แล้วใช้ผ้าผืนยาวพันร่างของนางไว้กับตนเอง “ท่านอ๋อง พวกเราไปกันเถอะขอรับ”
หูเฟิงลุกขึ้นยืน ไม่ได้พูดอะไรมาก ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสู้ฟัด พวกเขาจำเป็นต้องถอยอย่างสุดตัว อีกทั้งไม่อาจเผยโฉมหน้าต่อหน้าคนเหล่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ยากจะจัดการเรื่องของทูตแคว้น จินให้ชัดเจนได้
ตอนที่เหล่าเจ้าพนักหน้าของศาลาว่าการมาถึงเรือนแห่งนี้ กองไฟภายในเรือนยังคงเจิดจ้า แต่คนกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
“รีบไปตามหา พวกเขาหนีไปทางด้านหลังแล้ว”
หูเฟิงและโจวกังไม่มีม้าแล้ว จึงจำต้องวิ่งอย่างบ้าคลั่งในตรอกที่ชื้นแฉะ ขณะเดียวกันก็มีเสียงตะโกนไล่หลังมาแต่ไกล
จิ่นเอ๋อร์วิ่งจนเหนื่อยแล้ว นางพูดพลางหอบหายใจว่า “เจ้าไม่ใช่จิ้นอ๋องหรือ ลูกน้องของเจ้าเล่า เหตุใดแม้แต่คนช่วยเหลือสักคนก็ไม่มีเลยเล่า”
“คนของพวกข้าถูกดักอยู่ที่นอกประตูเมือง ไม่ต้องรีบร้อน เมื่อฟ้าสาง อย่างไรประตูเมืองก็ต้องเปิด ถึงตอนนั้นพวกเราปลอมตัวออกไปสมทบกับพวกเขาก็ใช้ได้แล้ว” โจวกังว่า
จิ่นเอ๋อร์พูดอีกว่า “พวกเขาตามมาเช่นนี้ ต่อให้พวกเราหนีรอดไปได้ พรุ่งนี้คิดจะปลอมตัวออกจากเมืองก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายกระมัง”
จู่ๆ หูเฟิงก็หยุดฝีเท้า ก่อนจะมองไปยังบ้านมืดๆ หลังหนึ่งทางด้านซ้าย “มันอาจจะไม่ง่าย”
เขาหมุนกายกระโดดเข้าไปในบ้าน โจวกังรีบตามไปทันใด จิ่นเอ๋อร์ก็กระโดดเข้าไปอย่างง่ายดายเช่นกัน ปราดเปรียวยิ่งนัก
โจวกังหันไปมองนางครั้งหนึ่ง ยิ้มว่า “วรยุทธ์ของแม่นางจิ่นเอ๋อร์ไม่เลวเลย”
จิ่นเอ๋อร์ยิ้มตอบ “ข้าเรียนแบบลวกๆ เพียงไม่กี่ปี ก็แค่ออกหมัดได้ ฝีเท้าว่องไวเท่านั้นเอง” ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของนางแข็งค้างทันที เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าชัดเจนแล้ว
“น่ะ นี่มันสุสานไม่ใช่รึ”
หูเฟิงพยักหน้า “ถูกต้อง นี่คือสุสาน สถานที่ที่ใช้เก็บวิญญาณและภูตผี ไม่แปลกที่จะเลือกตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลเช่นนี้”
โจวกังมองเจ้าพนักงานเป็นทิวแถวข้างนอก เขาฉีกยิ้มแป้น “นี่ช่างเป็นสถานที่ซ่อนตัวที่ดีจริงๆ”
ทว่าจิ่นเอ๋อร์กลับขนลุกตั้งไปทั่วทั้งตัว ปากของนางสั่นเครือ “จะซ่อนตัวที่นี่ได้อย่างไร พวกเราเปลี่ยนที่กันเถอะ!”
หูเฟิงชำเลืองมองแสงไฟที่อยู่ไกลลิบๆ “เกรงว่าจะไม่ทันแล้ว”
ครั้นกล่าวจบ เขาก็ลากจิ่นเอ๋อร์เข้าไปด้านในสุสาน เดิมทีประตูหน้าแง้มไว้ หากบอกว่ามีโลงศพหนึ่งร้อยโลงอยู่ในลาน เช่นนั้นด้านในเรือนก็มีโลงศพซ้อนกันสูงต่ำอยู่ไม่น้อยกว่าสาม มร้อยโลงแล้ว
โจวกังแลบลิ้น “ในหนึ่งปีมีวิญญาณโดดเดี่ยวตายเท่าไรกัน”
“พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย รีบหาที่ซ่อนดีกว่า” เวลานี้หูเฟิงเปิดโลงศพโลงหนึ่งดู พาให้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาในทันที เขาจึงปิดฝาโลงศพอย่างเร่งร้อน
“พยายามหาโลงศพใหม่ อาจจะยังมีโลงที่เพิ่งส่งมาใหม่อยู่” อากาศหนาวเย็น ทั่วไปแล้วหากเพิ่งตายไม่กี่วันจะยังไม่เน่า เข้าไปหลบด้วยก็พอจะทนได้ ไม่เช่นนั้น…
โจวกังเจอโลงศพใหม่โลงหนึ่งแล้ว หลังจากเปิดออกดู ศพข้างในเหมือนกำลังหลับอยู่ กลิ่นไม่แรงมาก จึงให้จิ่นเอ๋อร์เข้าไปหลบก่อน
ทั่วไปแล้วด้านใต้ศพในโลงจะไม่ได้ปูผ้าห่มอายุขัย[1]เอาไว้ด้วย หากมีครอบครัวเก็บศพให้ จะมีผ้าปูไว้ข้างใต้ตามประเพณี ส่วนศพที่ทางการส่งมาให้ จะมีเพียงผ้าปูที่นอนผืนหนึ่งเชิงส สัญลักษณ์เท่านั้น
พวกเขาปิดฝาโลงศพหลังจากเข้าไปแล้ว อีกทั้งยังลอดกายเข้าไปในผ้าห่มอายุขัยด้วย ให้ศพทับอยู่ด้านบน ซ่อนร่องรอยของตนเองอย่างดี
……….
ตอนที่ 772 เห็นโลงศพชะงักฝีเท้า
เหล่าเจ้าพนักงานจากศาลาว่าการตามมาจนถึงปลายตรอก ตรงนี้มีทางเข้าออกอยู่แห่งหนึ่ง ข้างนอกเป็นถนนซื่อหยวน ผู้นำกลุ่มกลัวว่าจะทำงานผิดพลาด จึงให้คนกึ่งหนึ่งตามออกไปยังถนนซื่อ อหยวน ส่วนอีกกึ่งหนึ่งค้นหาในตรอกนี้ต่อไป
“พี่ใหญ่ ค้นหาตามบ้านทุกหลังแล้ว ไม่พบขอรับ”
ชายอกสามศอกที่นำกลุ่มขมวดคิ้วทันที ก่อนจะถามเจ้าหน้าที่คนเดิม “ค้นหาทุกซอกทุกมุมแล้วหรือ”
เจ้าพนักงานคนนั้นเอ่ยอย่างเหนียวอาย “จะเหลือก็แต่สุสานขอรับ แต่ในสุสานมีแต่คนตาย เต็มไปด้วยลางร้าย พวกเขาไม่มีทางเข้าไปซ่อนตัวในนั้นกระมัง”
ชายร่างใหญ่ถลึงตาใส่เขาทันที ก่อนจะเอ่ยอยากไม่สบอารมณ์ “หามีคนตามล่าเจ้าอย่างสุดชีวิต ตามล่าจนสุดท้ายเจ้าอาจจะรักษาหัวนี้ของเจ้าไว้ไม่ได้ เจ้าจะสนใจสิ่งที่เรียกว่าลางร้ายพ พวกนี้หรือไม่”
เจ้าพนักงานไม่ตอบอะไร ฝ่ายชายร่างใหญ่จึงตะโกนเสียงหนึ่ง “ทุกคนตามข้ามา”
เขาพาแปดคนที่เหลือเข้าไปในสุสาน ค่ำคืนในฤดูหนาวช่างเย็นยะเยือก ลมเหนือที่เสียดแทงกระดูกลอดเข้ามาในลาน นำพาเสียงหวีดหวิวดังขึ้นเป็นระลอก หากได้ยินเสียงนี้ตอนกลางวันคงไม ม่คิดว่าน่ากลัวอะไร
ทว่าได้ยินเสียงนี้ในเวลานี้ มันกลับเหมือนเสียงร้องของภูตผีก็ไม่ปาน ทำให้รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน เห็นโลงศพชะงักฝีเท้า
“ไร้ประโยชน์ ก็แค่คนตายเท่านั้น มีอะไรน่ากลัวกัน รีบตามข้ามา”
หลังจากได้ยินเสียงของชายร่างใหญ่ ทุกคนที่เหลือก็รวมกลุ่มที่ข้างกายเขา “พวกเจ้าสองคนไปค้นหาทางนั้น หาให้ละเอียดด้วยล่ะ เปิดดูโลงศพให้หมดทุกโลง”
เมื่อรวมเข้าแล้วมีกันทั้งหมดเก้าคน ขณะนี้แบ่งออกเป็นห้ากลุ่ม ตัวเขาเองลำเพียงนับได้ว่าเป็นหนึ่งกลุ่ม คนที่เหลือขี้ขลาดตาขาว ทำได้เพียงแบ่งกลุ่มพวกเขากลุ่มละสองคน
ในบรรดาแปดคนนี้ก็มีคนที่ใจกล้าอยู่บ้าง แต่หลังจากเปิดโลงศพอยู่สองสามโลง เห็นภาพที่น่าสยดสยองเหล่านั้นแล้ว ท้องไส้ก็พลันพลิกกลับไปมาอยู่หลายระลอก จึงมีเสียงอาเจียนดังขึ้น นทั่วทั้งสี่ทิศแปดทางอย่างต่อเนื่อง
ครั้นอาเจียนเสร็จ พวกเขาก็ถูกต่อว่าให้ไปทำงานต่อ ทว่าพวกเขานับว่าเป็นคนฉลาดทีเดียว ยามเปิดโลงศพก็หลับตา ครั้นปิดโลงศพแล้วค่อยลืมตา ขณะเดียวกันก็กลั้นหายใจไปด้วย มองไม่เห็น น ไม่ได้กลิ่น ย่อมไม่เกิดความสะอิดสะเอียน
ทั้งชีวิตนี้ของจิ่นเอ๋อร์ไม่เคยถูกศพทับร่างมาก่อน อีกทั้งกลิ่นของศพทำให้นางอาเจียนออกมาเพราะอดไม่ไหวอยู่หลายรอบ โชคดีที่เจ้าพนักงานเหล่นี้ก็อาเจียนไม่หยุดหย่อนเช่นกัน ถ ถึงกลบเสียงของนางไปได้
แต่ที่โชคร้ายก็คือนางเพิ่งตะกายออกจากใต้ผ้าห่มอายุขัยได้ไม่เท่าไร ขณะที่นางนั่งยองอาเจียนอยู่ข้างศพนั้น ก็มีคนเปิดฝาโลงศพออก ทันใดนั้นนางรีบกลืนของเหลวรสเปรี้ยวที่เอ่อ อขึ้นมากลับไป มือข้างหนึ่งของนางจับกริชที่ข้างเอว แต่ใครจะไปคิดว่าคนที่เปิดฝาโลงผู้นั้นกลับหลับตาปี๋ มองไม่เห็นนางโดยสิ้นเชิง เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น นางยังไม่ทัน นได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรเลยด้วยซ้ำ ฝาของโลงศพก็ถูกปิดลงอีกครั้งแล้ว…
“พี่ใหญ่ ข้าหาทางนี้หมดแล้ว ไม่พบขอรับ”
“พี่ใหญ่ ข้าหาทางนี้หมดแล้วเหมือนกัน นอกจากศพคนตายแล้ว ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นขอรับ!”
ชายอกสามศอกผู้นั้นมุ่นคิ้วเป็นปมแน่น “หรือจะหนีไปทางถนนซื่อหยวนแล้วจริงๆ”
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ขอรับ ใครจะซ่อนตัวอยู่ในสถานที่เช่นนี้กัน อย่าว่าแต่มีแต่ลางร้าย ยังน่ากลัวอีกต่างหาก ทั้งชีวิตนี้ข้าคงลืมกลิ่นนี้ไม่ลงแน่ อ้วก…” พูดยังไม่ทันขัด คำ เขาก็อาเจียนออกมาอีกครั้ง
ครั้นเห็นสภาพของพวกเขาแล้ว ชายร่างใหญ่ก็พลันรู้สึกกลัดกลุ้ม จึงพูดขึ้นว่า “ไปตามหาที่ถนนซื่อหยวนต่อ”
เขานำเหล่าลูกน้องออกจากสุสานไป มุ่งหน้าไปยังถนนซื่อหยวน
โลงศพหลายโลงถูกเปิดออก โจวกังและหูเฟิง ไปจนถึงจิ่นเอ๋อร์รีบตะเกียกตะกายออกมาโดยเร็ว จิ่นเอ๋อร์แม้จะมวนท้องจนทนไม่ไหว แต่ก็เร่งนำองค์หญิงออกมาจากในโลงศพก่อน
หูเฟิงรั้งนางไว้ “ไม่ต้องลำบากเช่นนั้น”
จิ่นเอ๋อร์เข้าใจ “ท่านอ๋องหายความว่าอย่างไร”
“พรุ่งนี้ตอนที่พวกเราออกจากเมือง ใช้มันส่งนางออกไปได้พอดี” หูเฟิงว่า
องค์หญิงเชียนฟางนอนอยู่ในโลงศพเก่าที่ว่างเปล่า ศพที่เดิมทีอยู่ข้างในมีครอบครัวมารับไป โดยใช้โลงศพใบใหม่บรรจุร่างไปแล้ว ถึงได้มีโลงศพเก่าว่างอยู่เช่นนี้
……….
[1] ผ้าห่มอายุขัย (寿被) คือ ผ้าห่มข้างในโลงศพของผู้ล่วงลับตามประเพณีจีน ของผู้ชายเป็นลายมังกร ของผู้หญิงเป็นลายหงส์