จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 585 ศิษย์พี่สอง
เรื่องมาถึงขั้นนี้ ไม่มีใครแยกออกเลยว่าคนไหนคือหลี่มู่ตัวจริง คน ไหนคือตัวปลอม ปนกันมั่วไปหมด
ในใจของหลี่มู่ก็แอบตกตะลึงเช่นกัน
พลังของภูตปีศาจตนนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง
ไม่เพียงแต่วิชาดาบร้ายกาจ ยิ่งไปกว่านั้นพลังกายเนื้อก็ยัง แข็งแกร่ง
พลังกายเนื้อของหลี่มุ่ในปัจจุบันแข็งแกร่งถึงระดับไหนกัน?
ในศึกสุสานเทพครั้งนั้น ลําพังแค่ใช้พลังกายเนื้อสู้รบ ผู้แข็งแกร่ง ขั้นนักรบเจอหลี่มู่ก็ยังต้องคุกเข่า แต่พลังบําเพ็ญของหลี่มู่ตอนนี้ก็ขยับ ขึ้นไปอีกก้าวแล้ว เจ้าภูตปีศาจลึกลับตนนี้ กลับสามารถปะทะกับหลี่มู่ ตรงๆ ได้ ไม่ได้ดูเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย
ฟาดกันหลายกระบวน ทั้งคู่ราวกับปลายเข็มปะทะปลายคมข้าว สาลี ปะทะอย่างจังทุกส่วน เจ้าภูตปีศาจนี่ก็ไม่ได้มีความเสียเปรียบ แม้แต่น้อย
หม้อทองแดงปะทะแปรงขนเหล็ก
หลี่มู่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายยังมีพลังที่เก็บเอาไว้อีกหรือไม่
แต่ว่าถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป หากคิดจะโจมตีให้อีกฝ่ายบาดเจ็บจนเจ้า ตัวปลอมเผยร่างจริง น่าจะเป็นไปไม่ได้
ชิ้งๆๆ!
แสงดาบปะทะกันระยิบระยับ ระเบิดสะเก็ดไฟออกมาเป็นช่อ
“อาวุธในมือของภูตปีศาจตนนี้มาจากที่ไหนกัน? ไม่เพียงแค่ เหมือนกับดาบสงครามห่านฟ้า ‘เคียงใกล้ไกลสุดฟ้า’ อย่างกับแกะ พลา นุภาพก็ยังไม่ได้ด้อยกว่าดาบสงครามห่านฟ้าเลย”
หลี่มู่สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนกลับที่แล่นมาบนดาบยาว
เขาพยายามประมวลผลข้อมูลที่ปรากฏขึ้นมาใหม่อย่างต่อเนื่อง
ถ้าหากเหมือนกันที่รูปร่างภายนอกยังพอทําเนา แต่กระทั่งเสื้อผ้า อาวุธก็ยังเหมือนกัน จึงได้เรียกว่าเห็นผี
หลี่มู่ยิ่งแน่ใจ ว่าในนี้จะต้องมีสักที่ที่ตนเองมองข้ามไป
“ลองใช้เนตรสวรรค์ดู! อาจจะมองเห็นร่างจริงของภูตปีศาจตนนี้ ได้”
หลี่มู่เริ่มเว้นระยะห่าง กลางหน้าผากรอยแยกแนวตั้งเปิดออก
อักขระมากมายไหลเวียนออกมาจากดวงตาส่วนลึกแนวตั้ง แสง เนตรอัสนีสีม่วงพุ่งยิ่งออกมาในพริบตาราวกระบี่เทพ ตรงไปยังหลี่มู่คน นั้น
ติงอี้เมื่อเห็น ก็รีบตะโกนเสียงดังลั่น “ไม่ผิดแล้ว ที่มีสามตานั่นคือ จ้าวลัทธิของข้าแน่นอน…”
เสียงยังไม่ทันขาด
“โอว เจ้าภูตปีศาจที่แปลงกายเป็นข้า กระทั่งวิชานี้ก็ใช้ได้ด้วย” หลี่มู่อีกฝ่ายร้องเสียงประหลาด กระโดดถอยหลัง ลูบหน้าผากของ ตนเองและเปิดเนตรสวรรค์ออกมาเช่นกัน ในนั้นมีแสงเนตรอัสนีสีม่วง เข้มข้นพุ่งออกมา
“อะไรกัน?” ติงอี้ตะลึงงงงันไปในทันที ตูม!
แสงเนตรปะทะเข้าด้วยกัน แสงอัสนีกระจายออกไปทั้งสี่ทิศ คลื่นพลังอันน่ากลัวตลบออกมา
เจ้าของแผงชุดดําเมื่อเห็นก็สะบัดแขนเสื้อ พลังไร้รูปร่างไหลออก ป้องกันพลังอัสนีที่กระจายเข้ามา
ในดวงตาเขาเปล่งประกายแสงแห่งความยินดี
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในที่สุดเขาก้ได้เห็นหินต้นกําเนิดระดับเทพ ก้อนนี้ถูกสกัดออกมาแล้ว และสิ่งที่อยุ่ด้านในก็ลึกลับมหัศจรรย์ แปลก ประหลาดไร้ใดเทียม ถึงแม้จะไม่เหมือนกับที่จินตนาการไว้ แต่ก็ไม่ได้ ทําเขาผิดหวัง
“เนตรสวรรค์ก็ใช้ได้ด้วย?”
หลี่มู่ในตอนนี้ตกตะลึงเข้าจริงๆ แล้ว
วิชาแปลงร่างแบบไหนที่จะมหัศจรรย์เช่นนี้ กระทั่งวิชาอภินิหาร ของตนเองก็ยังสามารถใช้งานได้
ข้าไม่อยากจะเชื่อ
หลี่มู่กระตุ้น ‘วิชาก่อนกําเนิด’ อีกครั้ง ปราณแท้บริสุทธ์เร่งขึ้น จนถึงจุดสูงสุด ในดวงตาแนวตั้งเปล่งประกายแสงแห่งดารา
และในเวลาเดียวกันนี้ การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดได้ปรากฏขึ้น
‘ร่างวิญญาณแห่งพลัง’ ที่นั่งขัดสมาธิอยู่หน้าประตูหนีหวานกง ของหลี่มู่มาตลอด จู่ๆ ได้ลุกขึ้นยืน เวลาเดียวกันบริเวณหน้าปากของ มันก็ปรากฏรอยแยกร่องหนึ่ง ยิงออกมาจากทะเลความรู้สึก
และเวลาเดียวกัน ดวงตาเนตรสวรรค์บนหน้าผากของหลี่มู่ได้มี การจับตัวกันของอักขระแปลกประหลาด แสงอัสนีสีม่วงกลายเป็นตา ข่ายอักขระสีทอง อักขระมากมายนับไม่ถ้วนรวมตัวกันเป็นช่อแสง เหมือนเขาวงกตยิงออกมาจากเนตรสวรรค์ของหลี่มู่
“ค่ายกลไร้กําเนิดลําดับสาม?”
หลี่มู่อีกคนร้องเสียงประหลาดขึ้น ก่อนหน้ายังดูลําพองใจอยู่ แต่ ตอนนี้กลับหน้าถอดสีขาวซีด หันหลังคิดจะหนี
แต่ช่อแสงเขาวงกตสีทองได้สาดไปที่ร่างของเขา เหมือนกับเปลว ไฟแผดเผาหุ่นขี้ผึ้งอย่างไรอย่างนั้น เสื้อผ้าของหลี่มู่คนนี้กลายเป็นฝุ่น ในพริบตา จากนั้นร่างค่อยๆ ยวบยาบลงเหมือนก้อนโคลนร่วงผล็อยลง ไป
“เจ้าทําไมจึงใช้ค่ายกลไร้กําเนิดลําดับสามได้? ค่อกๆ…”
หลี่มู่คนนั้นร้องเสียงประหลาด ร่างกายได้เปลี่ยนไปแล้ว เสียงก็ เปลี่ยนตามไปด้วย ท้ายสุดได้กลายเป็นเสียงหนาหนักดูขี้เกียจ แถมยังมี เสียงขึ้นจมูกแปลกประหลาดห้อยท้ายมาอีกด้วย
หลี่มู่เพียงไม่นานก็เข้าใจ ว่าเสียงห้อยท้ายแปลกประหลาดนี้คือ อะไร
เพราะร่างของภูตปีศาจได้กลับคืนร่างเดิมแล้ว
กลับกลายเป็น…
หมูตัวหนึ่ง!
หมูอ้วนหูใหญ่ ขนขาวเนื้อชมพู ยืนขึ้นเหมือนมนุษย์ด้วยขาหลัง ดาบสงครามห่านฟ้าในมือเล่มนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน กลายเป็นคราดตะปูเก้าฟันเปล่งประกายสีเงินด้ามหนึ่ง
รอบด้านเต็มไปด้วยเสียงตกตะลึง
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ใครก็คาดไม่ถึง
“อามิตตาพุทธ…นี่มัน…ภูตหมูตัวหนึ่ง?”
นักพรตเฒ่าแทบจะกระอักออกมาเป็นเลือด ใครจะไปคิดถึงว่า ท้ายสุด ในหินต้นกําเนิดระดับเทพก้อนนั้นจะมีของเช่นนี้โผล่ออกมา
วงจรกลับในสมองของติงอี้กลับแปลกแตกต่างไป เอ่ยขึ้นด้วย อาการน�าลายไหล “หมูอ้วนตัวเบ้อเริ่มเลย ดูท่าจะอยู่ในป่านะนี่ เนื้อ จะต้องรสชาติดีแน่”
หลี่มู่ไม่ทันจะได้ตกตะลึง
ในเนตรสวรรค์ของเขา ช่อแสงมหัศจรรย์สีทองนั่นยิ่งเข้มข้นขึ้น เรื่อยๆ มีเพียงคนส่วนน้อยอย่างเจ้าของแผงชุดดํา นักพรตเฒ่าเท่านั้นที่ มองออก ว่าช่อแสงนั้นเป็นการรวมตัวกันของอักขระสีทองมากมาย ราวกับเป็นค่ายกลบางประเภท กระตุ้นยิงออกมาด้วยวิชาเนตร
“ค่อกๆ หยุด หยุดมือ…” ภูตหมูร้องขึ้นอย่างร้อนรน “ยอมแพ้แล้ว ยอมแล้ว ไม่สู้แล้ว”
มันยกสองมือขึ้น โยนคราดตะปูในมือทิ้ง ท่าทํายอมแพ้
หลี่มู่ลังเลเล็กน้อย แต่จิตใต้สํานึกรู้สึกว่าจะหยุดมือเช่นนี้ไม่ได้
แสงเนตรของเนตรสวรรค์ยังคงระเบิดยิงออกมา
ช่อแสงสาดมาบนร่างของภูตหมู เหมือนกับมังกรน�าม้วนพุ่งชน กําแพงผาสูงใหญ่ ซัดสาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเข้ามา สาดแสงออกมา เป็นกลุ่มราวกับประกายไฟ ไม่ได้แผดเผาทําลายแต่กลับกระจายคลุม ตัวร่างของภูตหมูเอาไว้เหมือนตาข่าย ครอบคลุมตัวของภูตหมูทั้งหมด บนล่างไว้ภายใน
“อ๊า เจ้าไม่มีรสนิยมเลย ข้ายอมแพ้แล้วนะ ค่อกๆ…” ภูตหมูร้อน รนขึ้น หยิบคราดตะปูดิ้นรนเอาเป็นเอาตายขึ้นมา
แต่ตาข่ายนั้นได้กลายเป็นเส้นแสงอันแข็งแกร่ง ไม่ว่าภูตหมูจะดิ้น รนอย่างไร คราดตะปูส่องสว่างพลังแสงอันแปลกประหลาด ปล่อยพลา นุภาพอันน่ากลัวที่ห่างชั้นจากตอนที่สู้กับหลี่มู่ครั้งแรกออกมา แต่ก็ไม่ สามารถฉีกตาข่ายออกมาได้
“ค่อกๆ แปลงร่าง”
ภูตหมูร้องเสียงค่อก ร่างกลายได้หดเล็กลงอย่างฉับพลัน
เพียงไม่นานเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นหมูตัวจิ๋วขนาดเพียงฝ่ามือ ชมพู นุ่มนิ่มน่ารักอย่างมาก ก้มจมูกเล็กลงทําท่าจะมุดตาข่ายหนีไป
ใครจะคิดว่าตาข่ายนั้น เหมือนกับเป็นลายเส้นที่วาดอยู่บนตัวของ เขาอย่างไรอย่างนั้น เขาหดตัวเล็กลง ตาข่ายก็หดเล็กลงตาม แล้วจะมุด หนีออกไปได้อย่างไร?
หลี่มู่ในตอนนี้เก็บเนตรสวรรค์ลง
แต่ลายเส้นตาข่ายสีทองกลับเหมือนสลักอยู่บนตัวของภูตหมู ไม่ได้ สลายหายไป ยังคงเกาะติดอยู่บนตัวของเขาราวกับสลักลงไปบนกาย เนื้อของมันแล้ว
“ค่อกๆ เจ้า ‘ค่ายกลไร้กําเนิดลําดับสาม’ บัดซบ….แปลงร่างอีกที”
ร่างของภูตหมูเปล่งแสง เปลี่ยนร่างกลายเป็นงูเล็กสีเงินตัวหนึ่ง รัศมีแสงเปล่งไปรอบด้าน คล่องแคล่วว่องไว คิดจะหลบหนีแต่ก็ ล้มเหลวเหมือนเคย ลวดลายของ ‘ค่ายกลไร้กําเนิดลําดับสาม’ เหมือนกับกลายเป็นรอยสักบนตัวงูไปอย่างนั้น ไม่ได้หายไปไหน
“แปลงร่าง!”
“แปลงอีกที!”
“แปลง!”
ภูตหมูตะโกนลั่น
ผ่านไปพักหนึ่ง เขาแปลงร่างเป็นงู ยุง ผีเสื้อ นกตามลําดับ ท้ายสุด กระทั่งเปลี่ยนเป็นกองขี้
แต่ลวดลายของ ‘ค่ายกลไร้กําเนิดลําดับสาม’ ก็ยังคงเปลี่ยนไปเป็น รูปร่างต่างๆ ท้ายสุดได้เปลี่ยนเป็นส่วนหนึ่งของร่างภูตหมูด้วยซ�า
“ค่อกๆ ให้ตายสิ เจ้า…เจ้าทําไมจึงใช้ ‘ค่ายกลไร้กําเนิดลําดับสาม’ ได้?” ภูตหมูในที่สุดก็เหนื่อยหอบตัวโยน
มันได้แปลงกลับมาเป็นหมูร่างคนตัวใหญ่อีกครั้ง หน้าอกอวบอ้วน พุงพลุ้ยเต็มไปด้วยก้อนไขมัน อยู่ในท่าทีหอบเหนื่อย จับจ้องอย่างโกรธ เคืองมาที่หลี่มู่
หลี่มู่ก็ไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไร
ในขั้นตอนที่สกัดแยกหิน ในร่างกายหลี่มู่ได้เกินการเปลี่ยนแปลง แสนลึกลับขึ้น ในหนีหวานกงก่อนหน้า การคงอยู่อันไม่น่าเชื่อของ ‘ร่าง วิญญาณแห่งพลัง’ ขณะที่เนตรสวรรค์กระตุ้นขึ้นเมื่อครู่ ‘ร่างวิญญาณ แห่งพลัง’ นี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่หลี่มู่ควบคุมไม่ได้ สั่งให้ เนตรสวรรค์ของหลี่มู่ยิงแสงเนตรสีทองไปจัดการภูตหมู
ทั้งหมดนี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับ ‘ร่างวิญญาณแห่งพลัง’ ที่ไม่ควรจะ ปรากฏขึ้นมาร่างนี้
หลี่มู่ตอนนี้ยังไม่มีเวลาไปคิดว่าเกิดอะไรขึ้น
“น้องชาย ข้ายอมรับว่าโชคไม่ดี พวกเรามาหารือกันหน่อยดีไหม เจ้าปล่อยข้าไป ก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันก็แล้วกัน” ภูตหมูหายใจหนักๆ ใบหน้าฉีกยิ้มเอ่ยต่อว่า “ไม่เคยจะมีความแค้นต่อกันมาก่อน จะมาไล่ สังหารกันทําไม”
หลี่มู่มองมัน ในหัวสมองได้ปรากฏร่างมนุษย์ในนิยายขึ้นมา
“ศิษย์พี่สอง ใช่เจ้าไหม?” หลี่มู่ทดลองถามขึ้น “เจ้าชื่อจูกังเลี่ย ชื่อ ทางสงฆ์ว่าอู้เหนิง มาจากเมืองเกาเหล่าจ้วงใช่ไหม?”
ภูตหมูตกตะลึง ประหลาดใจอย่างมาก ถามขึ้นว่า “เจ้าทําไมจึงรู้ ว่าข้าเป็นศิษย์ลําดับที่สอง? แต่ว่าข้าร่างไม่เคยแก้ชื่อไม่เคยแก้สกุล ข้า สกุลจูชื่อลู่อี้ จูกังเลี่ยอะไรนั่นมาจากไหน แล้วข้าก็ไม่มีชื่อทางสงฆ์อีก ด้วย แต่ข้าก็มาจากเกาเหล่าจวงจริงๆ…”
จูลู่อี้?
ไม่ใช่จูกังเลี่ย?
แต่ก็มาจากเกาเหล่าจ้วง?
ความคิดหลี่มู่เริ่มสะเปะสะปะ
แต่ว่าสีหน้าของเจ้านี่ไม่เหมือนพูดโกหก…หรือว่าเขาจะไม่ใช่ตือ โป๊ยก่ายจากไซอิ๋วจริงๆ?
แต่มันก็สมเหตุสมผล
ตือโป๊ยก่ายในไซอิ๋ว จริงๆ แล้วเป็นตัวละครร้ายที่ชอบเก็บซ่อน ฝีมือตนเอง เป็นการคงอยู่ของระดับเทพแม่ทัพเทียนเผิง ผิวเผินดูต�า ต้อยอ่อนแอ แต่จริงๆ แล้วแข็งแกร่งจนน่ากลัว
ในเขตดาราเทพวีรชน ตือโป๊ยก่ายน่ากลัวว่าจะแกร่งสะท้านไปทั่ว แน่นอน แค่ฝ่ามือเดียวคงฟาดผู้แข็งแกร่งขั้นนักรบตายเป็นเบือ แล้วจะ มาสู้สูสีกับขั้นทะลวงสวรรค์อย่างตนเองได้อย่างไร?
ไม่ใช่ตือโป๊ยก่าย แต่กลับมีคราดตะปูเก้าฟัน?
ยิ่งไปกว่านั้นยังมาจากเกาเหล่าจ้วง?
ไม่รู้ว่าเกาเหล่าจ้วงนี้จะใช่เกาเหล่าจ้วงนั้นหรือไม่
หลี่มู่มองดูภูตหมู ในใจพิจารณาอยู่ว่าจะจัดการอย่างไรต่อดี
ใครจะไปคิดว่าด้านในหินต้นกําเนิดระดับเทพ จะสกัดของแบบนี้ ออกมาได้กัน?
แต่ก็คงจะยัดมันกลับเข้าไปไม่ได้สินะ
หลี่มู่จึงเดินผ่านมันไป ก้มเก็บเอาเปลือกหินบนพื้น กระทั่งเปลือก นอกของผลึกเซียนทองคําชิ้นเล็กชิ้นน้อยเก็บเข้ามาหมด…เจ้าของแผง ชุดดําเคยบอกไว้ เปลือกหินเหล่านี้ล้วนเป็นสมบัติทั้งสิ้น สามารถนําไป สร้างชุดเกราะและอุปกรณ์เต๋าสําหรับป้องกันได้มากมาย
“พี่ใหญ่ พวกเราไม่คุยก็ไม่รู้จักกันนะ เหอๆ มาเป็นเพื่อนกัน ดีกว่า” ภูตหมูจูลู่อี้ยังคงพยายามเกาะแกะหลี่มู่อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
มุมปากหลี่มู่สั่นกระตุก
จูลู่อี้เอ่ยต่อว่า “จริงๆ แล้ว ตอนที่เปลือกหินเกิดรอยแยกแรกขึ้น ข้าก็มองเห็นเจ้าแล้ว แค่มองข้าก็รู้ว่ามีวาสนากับเจ้า ดังนั้นที่แปลงเป็น
ตัวเจ้าก็แค่จะแหย่เจ้าเล่นเท่านั้น ค่อกๆ สู้พวกเรามาเป็นพี่น้องสาบาน ต่างเผ่าพันธุ์กันดีกว่า นับจากนี้ไปก็ร่วมทุกข์ร่วมสุข ห้าวหาญไปทั่วทาง ช้างเผือกเป็นอย่างไร? วางใจเถอะ มีพี่ใหญ่อย่างข้าคุ้มครองเจ้า เจ้าจะ ก้าวไปในทางช้างเผือกอย่างห้าวหาญได้แน่”
“เจ้าไปเถอะ”
หลี่มู่รุ้สึกเหมือนมีแมลงวันหัวเขียวมาบินหึ่งๆ อยู่ข้างหู โบกไม้โบก มือให้เจ้าภูตหมูตนนี้ไสหัวไป
น่ารําคาญเสียจริง
“อย่าน่า เมื่อเรียกศิษย์พี่สอง ก็จะเป็นศิษย์พี่สองชั่วชีวิต เมื่อครู่ เจ้าเรียกข้าศิษย์พี่สอง นับแต่นี้ไป ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ไม่มีทางที่จะไม่ ใส่ใจเจ้า” ภูตหมูแสดงท่าทีอย่าเด็ดเดี่ยว นับตั้งแต่นี้ไป เขาจะอยู่ข้าง กายหลี่มู่ ปกป้องหลี่มู่
………………………………………