จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 590 สํานักดาราแปดดินแดน
หลี่มู่ดึงตัวออกจากสถานะค้นคว้าค่ายกล
บนเครือข่ายเซียนสามารถสั่งซื้อสมบัติเวทและวิชาได้ หลี่มู่มาถึง โรงเตี๊ยมศาลเซียนวันแรก ก็ได้เลือกซื้อของบางส่วนจากสาย ‘สมบัติ เวท’ และ ‘วิชา’ แล้ว
ตอนนี้สําหรับสถานการณ์หลบหนีการไล่ล่า แน่นอนว่าการมีไพ่ก้น หีบไว้รักษาชีวิตยิ่งมากก็ยิ่งดี
“คิดไม่ถึงจริงๆ ในทางช้างเผือกจะสามารถซื้อของออนไลน์ได้ ด้วย”
หลี่มู่เปิดประตู
หญิงสาวรูปร่างอ่อนแอ้นอรชอนในชุดกระโปรงรัดรูปสีขาวคน หนึ่งยืนอยู่ที่ประตูเรือนเล็ก ด้านหลังมีเด็กน้อยแต่งสั้นชุดขาวอีกสอง คน แบกกล่องสีแดงสดใบใหญ่กล่องหนึ่งไว้
ไม่ต้องเดา หลี่มู่ก็รู้ว่าในกล่องใบนั้น เป็นสิ่งของต่างๆ ที่เขาสั่งซื้อ ทางเครือข่ายเซียนเมื่อสามวันก่อน
หลี่มู่กรอกที่อยู่รับสินค้าเป็นโรงเตี๊ยมศาลาเซียน และทิ้งหมายเลข เรือนเอาไว้
ปกติแล้ว การซื้อของบนเครือข่ายเซียนจะปฏิบัติการตามการ เชื่อมต่อของชื่อที่ทําการลงทะเบียน ยืนต่อไปยังโลกแห่งความเป็นจริง จึงมีอัตราการถูกเปิดเผยตัวของตนเองอย่างมาก
เรื่องนี้สําหรับหลี่มู่ถือว่าอันตรายมาก
แต่ยังดีที่เครือข่ายเซียนสิ่งนี้คือสิ่งที่ลึกลับยากคาดเดา มีคุณสมบัติ เพียงพอที่จะสนองความต้องการ ขอแค่เจ้ามีเงินก็สามารถทําทุกสิ่งที่ เจ้าอยากทําได้
หลี่มู่ก็เลยจ่ายผลึกเซียนทองคําไปหนึ่งเม็ด ยื่นขอตั้งค่าให้ตัวตน ของตนเองได้ทําการเข้ารหัสเป็นพิเศษ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ขอแค่หลี่มู่ไม่ยินยอม คนนอกก็ไม่สามารถที่จะใช้ วิธีการต่างๆ เพื่อสืบเสาะตัวตนที่แท้จริงของหลี่มู่ได้ ต่อให้เป็นพ่อค้า หรือสํานักที่ขายสมบัติเวทและวิชาต่างๆ ก็จะรู้เพียงแค่สถานที่ส่ง สินค้า แต่ไม่รู้ว่าผู้ซื้อคือ ‘ถูกบีบให้เลี้ยงหมู’ ที่กําลังสร้างความปั่ นป่วน ไปทั่ว
ในด้านนี้ นับหมื่นปีที่ผ่านมา เครือข่ายเซียนเข้มงวดยุติธรรมอย่าง มากมาโดยตลอด
นี่เป็นหนึ่งในกฎเกณฑ์พื้นฐานที่พวกเขากําหนดขึ้น และนี่จึงเป็น สาเหตุที่ในช่วงเวลายาวนานที่ผ่านมา การพึ่งพาอาศัยของเหล่าผู้ฝึก ตนที่มีต่อเครือข่ายเซียนนับวันยิ่งแนบแน่นขึ้น และนับวันยิ่งกลายเป็น ที่ยอมรับมากขึ้น
ไม่ต้องกังวลรั่วไหลของตัวตน หลี่มู่จึง ‘ซื้อของออนไลน์’ อย่างมือ เติบ
นี่คือข้อดีของการมีเงินล่ะนะ
หลี่มู่ที่อยู่ในรูปร่างชายชราดุร้ายเคราแพะภูเขา ย้ายกล่องเข้ามา ในเรือนด้วยตนเอง
“หลังจากนี้หากลูกค้ายังต้องการบริการการเคลื่อนย้ายจัดส่ง หรือ รับพัสดุที่สั่งซื้อ ก็สามารถมาหาพวกเรา ‘สํานักดาราแปดดินแดน’ ได้ ถ้าหากท่านสนใจล่ะก็ สามารถทําบัตรสมาชิกวีไอพีของเรา การขนส่ง ต่อจากนี้ก็จะได้รับสิทธิพิเศษทั้งหมด”
สาวน้อยชุดกระโปรงรัดรูปสีขาวเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อมพร้อม รอยยิ้ม
หลี่มู่เดิมทีตัดสินใจจะปิดประตู เมื่อได้ยินคําพูดนี้จู่ๆ ก็รู้สึกสนใจ ขึ้น
เขาหันกลับมา สํานักดาราแปดดินแดน?
น่าสนใจแฮะ ในทางช้างเผือกมีขั้วอํานาจที่เริ่มทํากิจการส่งพัสดุแล้วหรือ? ทันยุคทันสมัยขนาดนี้เชียว? เมื่อเห็นหลี่มู่มีท่าทีลังเล สาวน้อยดวงตาเป็นประกาย
นางรู้ว่าจะไม่ควรเสียโอกาสไป รีบตีเหล็กเสียตอนยังร้อน เอ่ยขึ้น ว่า “วิธีการทําบัตรวีไอพีก็แสนจะง่ายดายและรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นยัง ไม่ต้องการตัวตนที่มาของลูกค้าอีกด้วย”
พูดพลาง กลางฝ่ามือของมือเล็กขาวนวลประณีตราวกับต้นหอมที่ ปอกรากออกไปแล้ว ได้ปรากฏบัตรสีม่วงทองเงินสามสีสามใบออกมา เอ่ยต่อว่า “เพียงแค่เติมมูลค่าเข้าไปล่วงหน้าในบัตรสั่งซื้อก็ใช้ได้ ค่าใช้จ่ายในบัตรสั่งซื้อจะถูกบันทึกเข้าไปในบัญชีทรัพย์สินของท่าน”
อุบ๊ะ
ความคิดด้านการค้าของเหล่าผู้ฝึกฝนในทางช้างเผือกนี่ไม่ได้ แตกต่างจากบนดาวโลกเลยแฮะ
หลี่มู่รู้สึกตกตะลึงอย่างมาก
ทว่าพอคิดดู มันก็เรื่องปกติ
ถึงอย่างไรอารยธรรมวิถียุทธ์ก็ล้วนพัฒนาอยู่ในทางช้างเผือกมาก ว่าหมื่นปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อรวมกับการผลักดันของชนเผ่าต่างๆ มากมายที่มารวมตัวกัน จะไปล้าหลังกว่าวัฒนธรรมวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีของโลกที่เพิ่งพัฒนามากว่าพันปีได้อย่างไร?
สติปัญญาของเหล่าผู้ฝึกตน โดยเฉพาะพวกเหล่ายอดคนที่ยืนอยู่ บนจุดสูงสุดเหล่านั้น การเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อกฎเกณฑ์แห่งจักรวาล สามารถพูดได้ว่าล�าหน้าไปไกลกว่าที่วิทยาศาสตร์บนดาวโลกมีต่อ ความปรุโปร่งต่อกฎเกณฑ์ฟิสิกส์เสียอีก
การพัฒนาของระบบการค้าก็เป็นเช่นนี้ ท้ายที่สุดก็มาบรรจบที่ ทางเดียวกัน
ส่วนเรื่องที่เครือข่ายเซียนมีบทบาทอย่างมหาศาลนั้น นั่นเป็นเรื่อง ที่ไม่มีทางที่จะรู้ได้
หลี่มู่รู้สึกว่า ผู้ก่อตั้งอันลึกลับเบื้องหลังเครือข่ายเซียน คง เทียบเคียงได้กับปาป๊าหม่าอวิ๋นเลย อัจฉริยะแห่งการค้าคนหนึ่ง
เขารู้สึกว่าตนเองต้องเปลี่ยนความคิดที่มีต่อโลกแห่งทางช้างเผือก ใหม่เสียแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่อยู่บนดาวด้อยพัฒนาหรือดาวที่ค่อนข้างล้าหลังอย่าง แผ่นดินใหญ่เสินโจว ดาวทุรกันดาร จํานวนจอมยุทธเมื่อเทียบกับ ประชากรบนดาวแล้วยังอยู่ในเกณฑ์น้อย ด้วยเหตุนี้ระบบสังคมจึง เหมือนระบบชนชั้นศักดินา กําลังการผลิตจึงค่อนข้างล้าหลัง
เขาคิดว่าทางช้างเผือกล้วนเป็นเช่นนี้
แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นก็รู้ว่าความคิดผิดไปถนัดตา
ในทางช้างเผือก เหล่าผู้ฝึกตนมีมากเหมือนขนวัว ชั้นล่างของ ดวงดาวก็มาจากการรวมกลุ่มของผู้ฝึกตน การฝึกฝนกลายเป็นส่วน หนึ่งของชีวิตไปแล้ว อารยธรรมวิถียุทธ์ได้แทรกซึมเข้าสู่วิถีชีวิตของ เหล่าผู้บําเพ็ญในทุกๆ ด้าน ก็เหมือนการที่ฟิสิกส์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีแทรกซึมเข้าไปในทุกส่วนของดาวโลกนั่นเอง กลายเป็นส่วน หนึ่งของชีวิตไป
“ ‘สํานักดาราแปดดินแดน’ หรือ? ฟังจากชื่อแล้วดูท่าจะร้ายกาจ น่าดู”
หลี่มู่เอ่ยขึ้น
ท้ายสุด เขาจึงเติมมูลค่าเข้าไปหนึ่งเม็ดผลึกเซียนทองคํา เปิดบัตร วีไอพีสีม่วงระดับสูงสุด จากนั้นจึงหันหลังกลับปิดประตูเรือนเล็กลง
…
ด้านนอกตัวเรือน
“ว้าว พี่เสี่ยวชิง ท่านนี่ร้ายกาจจริงๆ” เด็กน้อยข้างกายคนหนึ่ง เอ่ยขึ้นกับสาวน้อยชุดขาวด้วยใบหน้าเลื่อมใส
“ฮ่ะๆ พี่เสี่ยวชิงออกโรงทั้งที เหมือนคนสองคนลงมือเลย” เด็ก น้อยอีกคนเอ่ยขึ้นเช่นกัน
สาวน้อยชุดขาวถลึงตามองทั้งสองคน เอ่ยขึ้นว่า “เอาล่ะ ต้าหลิว เสี่ยวหลิว ที่พาเจ้าสองคนออกมาไม่ได้ให้มาเลียแข้งเลียขานะ…ข้าแค่ เห็นว่าผู้อาวุโสคนนี้ซื้อของครั้งเดียวตั้งมากมาย ดังนั้นจึงลองมาดูสัก ครั้ง ไม่คิดว่าท่านอาวุโสท่านนี้จะพูดง่ายดี…ถือว่าโชคดีไม่เลว”
เด็กน้อยสองคนที่ชื่อต้าหลิวกับเสี่ยวหลิวเป็นพี่น้องคู่หนึ่ง คิ้วเข้ม ตาโตดูแล้วกล้าหาญชาญชัย เป็นลูกจ้างของ ‘สํานักดาราแปดดินแดน’ เช่นกัน
“ว้าว ผลึกเซียนทองคําหนึ่งเม็ดเลยนา นี่มันรายรับของพวกเราปี ถึงสองปีก่อนหน้านี้เลยนะ ถ้าเป็นเช่นนี้ ‘สํานักดาราแปดดินแดน’ ของ
พวกเราก็ไม่ต้องล้มละลายแล้วสิ ค่าเช่าที่ติดไว้ก็จ่ายได้แล้วด้วยเนอะ” ต้าหลิวเอ่ยขึ้นอย่างยินดี
“ใช่เลย พี่เสี่ยวชิง แล้วเงินค่าแรงพวกเราก็เจียดมาได้หน่อยนึง หรือเปล่า?” เสี่ยวหลิวเอ่ยขึ้นตาแป๋วแหวว
สาวน้อยชุดข้าวเปลี่ยนสีหน้าเอ่ยขึ้น “ชู่ว เบาหน่อยสิ เอาไว้ค่อย คุยกัน อย่างให้ท่านอาวุโสได้ยิน”
…
ด้านในเรือน
หลี่มู่ได้ยินบทสนทนาเหล่านี้อย่างชัดเจนทั้งหมด
เท้าของเขาโงนเงนขึ้นอย่างอดไม่อยู่
ให้ตายเถอะ
ทําไมรู้สึกเหมือนขึ้นเรือโจรเลย
ค่าแรงก็ยังจ่ายไม่ได้ ค่าเช่าก็ยังไม่ได้จ่าย ‘บริษัทขนส่ง’ แบบนี้ ยังให้ทําบัตรวีไอพีระดับสูงสุดอีก…ในใจหลี่มู่แอบน�าตาร่วงให้กับ สติปัญญาของตนเอง
ปัญญาก็คือชื่อ ‘สํานักดาราแปดดินแดน’ มันดูเกทับคนอื่นมาก เลยนะ
ประกอบกับการแต่งตัวท่าทีการเจรจาของหญิงสาวกับเด็กน้อย สองคนเมื่อครู่ ก็ไม่เหมือนกับคนที่ใกล้จะไม่รอดแล้วเลย ยิ่งไปกว่นั้น หญิงสาวชุดขาวยังมีพลังบําเพ็ญระดับกลางขั้นสามัญด้วย ไม่ใช่ ธรรมดาเลย แต่กลับน่าสมเพชขนาดนี้เชียว
โดนต้มเสียแล้ว
หลี่มู่ระงับอาการวู่วามที่จะพุ่งออกไปคืนบัตรของตนเอง ย้ายเอา กล่องใบใหญ่เข้าไปในห้องของตนเอง จากนั้นจึงเริ่มแกะห่อพัสดุ
…
พวกหญิงสาวชุดขาวทั้งสามคนเดินออกมาจากโรงเตี๊ยม
ขณะที่เดินผ่านโถงใหญ่ของโรงเตี๊ยม มู่ซุ่นที่ยืนอยู่บนระเบียงโค้ง ชั้นสอง ดวงตาเป็นประกาย สายตาเร่าร้อน จับจ้องอยู่ที่ร่างของสาว น้อยชุดขาว
เด็กสาวที่สวยขนาดนี้ ก่อนหน้าทําไมจึงไม่เคยเห็นมาก่อนเลย?
ดูธรรมชาติไม่หยาบคาย สวยเรียบๆ สะอาดสะอ้าน ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นขั้นสามัญ
เหล่านี้ล้วนสอดคล้องกับความชอบของท่านอาจารย์เลย
ถ้าหากจับตัวสาวน้อยคนนี้ไปให้ท่านอาจารย์ จะชดเชยสิ่งที่ตนเอง ทําพลาดไปก่อนหน้าจนได้รับคําชื่นชมจากอาจารย์หรือไม่กัน?
สายตาของมู่ซุ่นดูร้อนแรงขึ้นทุกที
ไม่กี่วันนี้ เนื่องจากศึกที่โรงเตี๊ยมศาลาเซียน เขาถูกเจ้าหมูตัวนั้น เล่นงานจนขาขาด แล้วเจ้าบ้าบนกระดานสนทนาที่ชื่อ ‘ถูกบีบให้เลี้ยง หมู’ ก็ยังปล่อยเอาภาพกระจกน�าขณะนั้นออกมาอีก จนทําให้มู่ซุ่นก ลายเป็นตัวตลกในเมืองพายุดาราแห่งนี้ไป
และยังมีคนบางกลุ่มเรียกมู่ซุ่นเป็น ‘ชายผู้สู้หมูไม่ได้’ อีก ทําเอา เขาหน้าคะมําเช็ดพื้นเลยทีเดียว
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่สําคัญ
เรื่องสําคัญก็คือเนื่องจากไม่กี่วันนี้ยังหาตัวของพวกหลี่มู่ไม่พบ ทํา เอาอาจารย์ของมู่ซุ่น ‘หนึ่งกระบี่ไร้โลหิต’ เฝิงเจิ้นเดือดดาลอย่างมาก ตําหนิเขามาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ดูท่ากําลังจะสูญเสียความเอ็นดูจากอาจารย์ อยู่มะรอมมะร่อ
นี่ทําเอามู่ซุ่นกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก
ถ้าสูญเสียความเอ็นดูจากท่านอาจารย์ไปล่ะก็ ตําแหน่งของเขาใน วังประสานฟ้าคงได้ร่วงหล่นลงมาแน่ ฐานะทรัพย์สมบัติทั้งหมดก่อน หน้าคงสูญไปทั้งหมด
ดังนั้นมู่ซุ่นไม่กี่วันนี้จึงพยายามที่จะเอาใจท่านอาจารย์
ตอนนี้ ในใจเขาในที่สุดก็มีความคิดผุดขึ้น
“พวกเจ้า คอยจับตาดูแม่สาวชุดขาวคนนั้นให้ข้าที ดูว่านางจะไปที่ ใด” มู่ซุ่นยื่นมือเรียกคนสนิทคนหนึ่งเข้ามา กําชับข้างหูเสียงต�าไปสอง สามประโยค
คนสนิทคนนี้ก็เป็นคนเก่าแก่ที่ติดตามข้างกายมู่ซุ่นมานาน เข้า ใจความเคยชินของมู่ซุ่นเป็นอย่างดี เมื่อฟังจบก็รีบพยักหน้าตอบกลับ “คุณชาย ท่านวางใจเถิด รับรองว่าจะจัดการอย่างดี”
มู่ซุ่นพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
…
…
“ของชั้นดีเลย!”
หลี่มู่เอ่ยชื่นชมอย่างที่ตนเองแทบจะรับไม่ไหวออกมาด้านในห้อง
บนตัวของเขาสวมเอาชุดเกราะแสงชุดหนึ่ง ประกอบไปด้วยหมวก ไข่มุกสองมังกร กระจกกันหน้าอกแสงเงิน เกราะไหล่พยัคฆ์คําราม ถุง มืออ่อนนุ่ม กระจับ เกราะขาและรองเท้าสงครามเมฆาลอย ปราณแท้ กระเพื่อมซัดสาด จนกลายเป็นสนามพลังคุ้มกายไร้รูปร่างขึ้นในพริบตา พลานุภาพระดับเทพ
“ร้านงานสวรรค์สํานักหลอมอาวุธที่ถูกจัดอยู่ในสามอันดับแรก แห่งเขตดาราจื่อเวย เกราะที่เป็นสินค้ายอดเยี่ยมสมชื่อเสียงจริงๆ ‘เกราะวายุเมฆาพยัคฆ์มังกร’ สมบัติเต๋าชุดนี้ ถึงแม้ราคาจะอยู่ที่ผลึก เซียนทองคําห้าเม็ด แต่คุณภาพก็สมกับราคา”
เกราะชุดนี้ เป็นสมบัติเวทที่หลี่มู่ ‘ซื้อออนไลน์’ เมื่อหลายวันก่อน
เมื่อเปิดช่องหน้ากากออก แสงสีเงินชั้นหนึ่งได้ปิดบังใบหน้าเอาไว้ ชุดเกราะปกป้องทั่วทั้งตัว มองจากด้านนอกแล้วยากที่จะแยกแยะ ใบหน้าที่แท้จริงของหลี่มู่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น เพียงแค่หลี่มู่ร่ายในใจ ก็สามารถเก็บเอาเกราะชุดนี้ ไว้ในร่างกายได้
“ฮ่าๆ ชุดเทพพยัคฆ์มังกรจงปรากฏขึ้น”
หลี่มู่ตะโกนเสียงต�า ชุดเกราะค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาทีละส่วนๆ บน ร่างกาย
เขาอื้อหือโอ้โหกับมันมาก
กายเนื้อของหลี่มู่เข้มแข็งทรหดอย่างมกา ต่อให้ปะทะกับผุ้ แข็งแกร่งขั้นสามัญก็ไม่มีทางจะได้บาดแผลอะไรมา ทว่าเสื้อผ้าบนตัว เขานั้นไม่เหมือนกัน เสื้อเกราะที่ชิงเฟิงสร้างขึ้นมา ถึงแม้จะสวยงาม แต่ ในทางช้างเผือกก็ไม่ได้ทนทานเท่าไรแล้ว ทะเลาะกันสักครั้งก็คงพังไม่ มีชิ้นดี
เมื่อมีชุดเกราะระดับสมบัติเต๋าอย่าง ‘เกราะพายุเมฆาพยัคฆ์ มังกร’ อย่างน้อยต่อไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องสู้เสร็จแต่ตนเองกลับต้องมา ตัวเปล่าเล่าเปลือยกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้ว
นอกจากชุดเกราะชุดนี้ หลี่มู่ยังซื้อสินค้ามาอื่นมาอีกบางส่วน
ในนั้นรวมถึงดาบถลาลมหนึ่งชุด
วิชาดาบเหินหาวของหลี่มู่ เข้าคู่กันกับ ‘วิชาดาบยี่สิบสี่ฤดู’ อย่าง ไม่มีอะไรเหมาะไปกว่า ทว่าดาบถลามลมหนึ่งร้อยแปดเล่มจาก ลูกกลอนดาบก่อนหน้าคุณภาพได้เสื่อมถอยไปแล้ว ยากที่จะทานรับ การกรอกปราณแท้บริสุทธิ์ของหลี่มู่เข้าไปได้ ดังนั้นหลี่มู่จึงได้ซื้อ ‘ดาบ ชุดใบหลิวอับแสง’ ที่ตีโดยร้านงานสวรรค์
เมื่อเปิดกล่อง
ดาบถลาลมสีหม่นยี่สิบสี่เล่มชุดหนึ่ง บางราวกระดาษจนแทบจะ กึ่งโปร่งใสนอนสงบนิ่งอยู่ในกล่อง การตีรูปโค้งแบบใบหลิว เพียงมองก็ เห็นว่าเป็นอาวุธสําหรับชิงทรัพย์ประหัตประหารชีวิตชั้นยอด
ดาบดี
หลี่มู่แค่มองก็ชอบแล้ว
เขาร่ายในใจ จิตสํานึกแผ่ซ่านออกมา หล่อหลอมดาบถลาลมทั้ง ยี่สิบสี่เล่มนี้เสียรอบหนึ่ง จากนั้นกระตุ้นวิชาดาบเหินหาว จนกลายเป็น คมดาบไร้เสียงไร้กลิ่นอายไร้รูปร่างไหลเวียนอยู่รอบกาย
สังหารคนได้อย่างไร้รูปร่าง
……………………………………….