จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 224 ลู่เซิ่งหนาน
ถึงแม้จะถูกขังอยู่ในหน่วยเลี้ยงรับรองหลายวัน แต่พวกนางก็ได้ยินชื่อหลี่มู่เซียนกวีวิถียุทธ์จากปากสาวใช้และผู้ดูแลของหน่วยเลี้ยงรับรองพวกนั้น
และคืนนี้ เหตุการณ์ที่ฮวาเสี่ยงหรงพลิกกลับมาชิงตำแหน่งชนะเลิศได้ พวกนางก็ได้ยินเหมือนกัน
ไม่ต้องสงสัยเลย หลี่มู่สองคำนี้คงเป็นตัวแทนความหวังและความงดงามของชีวิตในใจเหล่าสาวน้อยกระมัง
เพราะฮวาเสี่ยงหรงที่มีชะตาชีวิตแบบเดียวกับพวกนาง เนื่องจากได้รับความสำคัญจากหลี่มู่ จึงเปลี่ยนชะตาชีวิตของตนเองได้
ในยามที่พวกนางระทมทุกข์หมดหนทาง ก็เคยเพ้อฝันว่าในชีวิตของพวกนางจะมีหลี่มู่คนหนึ่งปรากฏกายมาช่วยพาตนไปจากรังปีศาจอย่างหน่วยเลี้ยงรับรองเหมือนที่ช่วยฮวาเสี่ยงหรงหรือไม่
และตอนนี้ หลี่มู่ตัวจริงอยู่ข้างหน้านี้แล้ว
“แน่นอนว่าเป็นคุณชายหลี่ จะมีใครไปได้” ซินเอ๋อร์ถอดหน้ากากแมวลายออก พูดด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ
ใบหน้าของเหล่าสาวน้อยฉายแววยินดีอย่างอดไม่ได้
เซียนกวีวิถียุทธ์หลี่มู่ซื้อพวกนางมา น่าจะนับว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายกระมัง?
ได้ยินมาว่าชื่อเสียงของหลี่มู่ในหมู่อิสตรีไม่เลวเลยทีเดียว
“เจ้าคือหลี่มู่จริงรึ?” สาวน้อยผมสั้นเสมอหูท่าทางองอาจคนนั้นพลันตาลุกวาว จ้องหลี่มู่พลางอ้าปากถาม
หลี่มู่พยักหน้า
สาวน้อยผมสั้นถามอีก “พูดแบบนี้ แสดงว่าเจ้าซื้อพวกเรามาเพื่อช่วยไว้?”
หลี่มู่รู้สึกว่าสาวน้อยคนนี้เหมือนกำลังหลอกถามอะไรจากตน
ยังไม่ทันได้คำตอบจากหลี่มู่ นางก็กล่าวอีก “ในเมื่อเพื่อช่วยพวกเรา เช่นนั้นตอนนี้เราก็หลุดพ้นจากหน่วยเลี้ยงรับรองแล้ว เจ้าปล่อยพวกเราไปก็แล้วกัน”
หลี่มู่ได้ยินก็หรี่ตาลง
แม่เด็กคนนี้คงไม่ได้ปัญญาอ่อนหรอกนะ?
“ก็ได้ เอาเก้าพันตำลึงทองมาคืนข้า ข้าจะให้เจ้าไปทันทีเลย” หลี่มู่แค่นเสียงเย็นพูด ก่อนหน้านี้เขาจ่ายไปเก้าพันตำลึงทองเพื่อประมูลเด็กสาวผมสั้นคนนี้มา
“ได้ ก็แค่เก้าพันตำลึงทองเอง ข้า…” สาวน้อยผมสั้นเอ่ยแล้วก็พลันสีหน้าดำคล้ำ พูดต่อไปไม่ได้
เพราะนางพลันนึกขึ้นได้ ตนในตอนนี้ไม่ใช่ธิดาของเจ้าสำนักพยัคฆ์เหินผู้สูงส่งอีกต่อไป ไม่ใช่จอมยุทธ์สาวอัจฉริยะที่เป็นที่รักของทุกคนอีก พลังฝึกกำลังภายในถูกทำลาย บ้านแตกสาแหรกขาด อย่าพูดถึงเก้าพันตำลึงทองเลย แค่เก้าตำลึงทองตอนนี้ก็ยังไม่มี
หลี่มู่จ้องนางพลางยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“ข้า…เจ้าคืนอิสระให้ข้า วันหนึ่งข้าจะคืนเจ้าเก้าพันตำลึงทอง ข้าลู่เซิ่งหนานพูดคำไหนคำนั้น” สาวน้อยผมสั้นเสมอหูกัดฟันพูด
หลี่มู่ฟังแล้วส่ายหน้า ก่อนจะเอ่ย “เจ้านี่ช่างไร้เดียงสาเสียจริง ต่อให้ข้าไม่สนใจเก้าพันตำลึงทองนี่ แล้วก็เชื่อคำสัญญาของเจ้า แต่เจ้าไปจากที่นี่จะมีชีวิตต่อไปได้จริงหรือ? เมื่อก่อนเจ้าเป็นจอมยุทธ์ แต่ตอนนี้ตันเถียนถูกทำลาย พลังฝึกถูกสลาย หากออกไปจากหอนี้ คนที่ส่งเจ้าเข้าหน่วยเลี้ยงรับรองก็จะจับเจ้าส่งกลับเข้าไปใหม่ จุดจบของเจ้าจะยิ่งน่าสังเวชอีกสิบเท่า วันหลังเจ้าจะอาศัยอะไรมาคืนเก้าพันตำลึงทองให้ข้า? หือ?”
“ข้า…” สาวน้อยผมสั้นลู่เซิ่งหนานพูดไม่ออก
หลี่มู่พูดอีก “ถิงเอ๋อร์ใจดีช่วยเจ้าออกมาจากขุมนรก เจ้าไม่ใช่แค่ไม่รู้บุญคุณ ยังจะใช้คำพูดมาบีบข้า คิดว่าข้ากับถิงเอ๋อร์ว่างมากจึงเอาเงินมาทุ่มเล่นจริงๆ รึไง? เจ้ารู้ไหม หากไม่ใช่เพราะถิงเอ๋อร์เห็นใจเจ้า ทนให้เจ้าตกไปอยู่ในกรงเล็บมารไม่ได้ จึงขอร้องให้ข้าประมูลเจ้ามา ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นแทน เกรงว่าป่านนี้คงถูกเปลือยร่างถูกผู้ชายบางคนกดย่ำยีอยู่บนเตียงไปแล้ว…เจ้าไม่ใช่แค่สมองทึบแต่ยังโง่อีกด้วย!”
กล่าวถึงตอนสุดท้าย สีหน้าและน้ำเสียงของหลี่มู่เฉียบขาด
ลู่เซิ่งหนานถูกด่าจนอึ้งตาค้างไปแล้ว
“เจ้าพูดเหลวไหล ข้า…” นางโต้เถียงตามสัญชาตญาณ
หลี่มู่ตัดบททันที ด่าทอหน้าถมึงทึง “เจ้ายังจะให้ข้าปล่อยพวกเจ้าทั้งหมดไปด้วยกัน เจ้าคิดว่ากำลังช่วยพวกนางหรือ? แต่เจ้าเคยคิดหรือไม่ พวกนางมีความสามารถในการปกป้องตัวเองหรือเปล่า หา? พวกนางสูญเสียครอบครัว มิตรสหาย ไร้ที่พึ่งพิงพา ตอนนี้แค่ออกไปจากห้องนี้ ไม่เกินครึ่งวันก็ตกเป็นของเล่นของคนอื่นแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าจะทำอะไรให้พวกนางได้? เจ้าไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้ ไม่ใช่เพราะคิดไม่ถึง แต่เป็นเพราะเจ้าไม่เคยจะนึกถึงเลย เจ้าคิดจะผูกพวกนางเอาไว้ใช้เป็นสิ่งต่อรองเพื่ออิสระที่เจ้าว่า เช่นนี้แล้ว เจ้าไม่ใช่แค่โง่สมองทึบ แต่ยังเลวทรามอีกด้วย ตอนนี้ข้าสงสัยแล้วว่าถิงเอ๋อร์ช่วยคนผิดหรือไม่ แต่ว่าไม่สมควรช่วยเจ้าเลย”
ลู่เซิ่งหนานอึ้งเป็นบื้อใบ้ พูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว
นางถูกด่าจนไม่เหลือที่ให้เถียงกลับ
เหงื่อเย็นชื้นไหลลงจากหน้าผากของนางเป็นสาย
ถึงแม้จะถูกด่าจนหมดรูป แต่คิดให้ละเอียดแล้ว สิ่งที่หลี่มู่พูดก็สมเหตุสมผลจริงๆ
นางมองไปยังสาวงามหกที่เหลือ
พวกสวีหว่านเอ๋อร์ต่างก้าวถอยหลัง รักษาระยะห่างกับนางโดยไม่รู้ตัว
ซ่างกวนอวี่ถิงและซินเอ๋อร์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็มองลู่เซิ่งหนานอย่างไม่พอใจ พวกนางไม่เคยเห็นหลี่มู่ด่าใครด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเด็ดขาดแบบนี้ ลู่เซิ่งหนานกลับยั่วยุให้หลี่มู่โกรธขนาดนี้ได้ ช่างรนหาที่ตายเสียจริง รู้แบบนี้แต่แรกก็ไม่ช่วยนางแล้ว
การประมูลด้านนอกยังคงดำเนินต่อไป
หลี่มู่หันหน้า ไม่พูดอะไรอีก ความสนใจอยู่ที่การประมูลด้านนอก
ซ่างกวนอวี่ถิงยืนอยู่ข้างกายหลี่มู่อย่างเอาใจใส่ยิ่ง ยื่นมือเรียวงามออกไปให้หลี่มู่กุมเอาไว้ ใช้การกระทำที่ไร้เสียงปลอบโยนเขา
เจิ้งฉุนเจี้ยนเปิดประตูเข้ามา นำชุดคลุมตัวกว้างเจ็ดชุด รองเท้าเจ็ดคู่มาให้สาวน้อยทั้งเจ็ดสวมใส่
พวกสวีหว่านเอ๋อร์หกคนยืนอย่างสงบเสงี่ยมว่าง่ายอยู่ด้านหนึ่ง ท่าทางกลัวว่าหลี่มู่จะไม่ต้องการพวกนางขึ้นมาจริงๆ ส่วนลู่เซิ่งหนานนั้นเงียบงัน สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ยืนอยู่อีกด้าน ก้มหน้าเหมือนแม่ไก่ตีแพ้ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ทั้งยังเหมือนกำลังขบคิดอะไรอยู่
ระหว่างสนทนากัน งานประมูลด้านนอกก็ดำเนินไปอีกครึ่งค่อนชั่วยาม
เรียกว่าเป็นงานประมูลทาสสาว แต่อันที่จริงแล้วเพื่อดึงดูดแขก จัดงานใหญ่โต นอกจากทาสสาวแล้วจึงยังมีของบางอย่างขึ้นประมูลคั่นระหว่างทาสสาวด้วย มีตำราลับยุทธจักร อาวุธ ตำราลับวิชาเวท กระทั่งสมบัติล้ำค่าจำพวกนี้ แต่ล้วนไม่เข้าตาหลี่มู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ร่วมแข่งประมูล
จากนั้นก็มีการประมูลทาสสาวอีก แต่ว่ารอบนี้กลับเป็นพวกโจรในยุทธจักรซึ่งหน่วยเลี้ยงรับรองจับกุมมา เที่ยวเข่นฆ่าผู้คน มือเปื้อนเลือด ไม่นับว่าเป็นคนดี ไม่ว่าจะหลี่มู่หรือซ่างกวนอวี่ถิงล้วนไม่เสนอราคาอีก
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม
ทยอยประมูลออกไปอีกหลายสิบคน
ซ่างกวนอวี่ถิงที่เปี่ยมด้วยความเห็นอกเห็นใจจ่ายไปอีกประมาณหนึ่งแสนตำลึงทอง ประมูลผู้หญิงมาอีกสิบคนภายใต้การสนับสนุนของหลี่มู่
จากข้อมูลที่ผู้ดำเนินการประมูลแนะนำ สตรีเหล่านี้ล้วนเป็นคนน่าสงสารที่ประวัติดี เพราะเหตุต่างๆ นานาเช่นตระกูลหรือบิดาถูกคนใส่ร้าย จึงตกอับมาอยู่ในรังปีศาจอย่างหน่วยเลี้ยงรับรอง น่าเวทนายิ่งนัก
กับการกระทำที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจเช่นนี้ของซ่างกวนอวี่ถิง หลี่มู่ไม่รำคาญหรือตำหนินางแม้แต่น้อย ซ้ำยังสนับสนุนมากด้วยซ้ำ
ในสายตาเขา นี่ถึงจะเป็นจุดที่ล้ำค่าและดีงามของซ่างกวนอวี่ถิง
ความเห็นอกเห็นใจนี้ กระทั่งว่าเป็นสิ่งที่ทำให้หลี่มู่ชื่นชมมากกว่ารูปโฉมงามล้ำของนางเสียอีก
และบางทีอาจเป็นเพราะถึงแม้นางจะมาอยู่ในหน่วยเลี้ยงรับรองสถานที่ซึ่งบ่อนทำลายกันแบบนี้ แต่ก็ยังรักษาจิตใจเมตตาและความเห็นอกเห็นใจไว้ได้เสมอ ไม่เคยแปดเปื้อนหรือเปลี่ยนไปเพราะความชั่วร้ายของสังคมเลวทรามป่าเถื่อนที่นี่ ดังนั้นนางถึงใกล้ชิดกับกายเต๋าฟ้าประทานแห่งแสงได้
หลี่มู่ไม่อยากเป็นพ่อพระ แต่ก็ไม่รังเกียจที่จะทำเรื่องที่แลดูเป็นพ่อพระสักหน่อยเพื่อรักษาคุณสมบัติที่ล้ำค่าดั่งเพชรในตัวของซ่างกวนอวี่ถิงไว้
ส่วนที่ว่าคนข้างนอกจะมองอย่างไร เขาไม่สนใจเลย
ตอนนี้บนที่นั่งแขกผู้มีเกียรติ มีหลายคนรังเกียจเคียดแค้นคนลึกลับในหอหมายเลขสิบแปดเป็นที่สุด แต่ก็ยังคงกล้าโมโหไม่กล้าพูดเหมือนเดิม
บุคคลยิ่งใหญ่ในหอแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดก็ลงมือบ้างเป็นบางครั้ง แต่ไม่ได้ตั้งตัวเป็นคู่แข่งกับหลี่มู่ ดังนั้นประมูลมาจนถึงตอนนี้ ดูแล้วก็ยังคงต่างคนต่างอยู่
ในระหว่างนี้ หลี่มู่เปิดเนตรสวรรค์ขึ้น แอบสังเกตสภาพการณ์ของผู้แข็งแกร่งฝ่ายต่างๆ รอบๆ
ไม่ต่างจากที่เขาคาดการณ์สักเท่าไหร่ ตามเวลาที่ผ่านไป ผู้แข็งแกร่งที่แอบซุ่มอยู่บนถนนรอบๆ เพิ่มมากขึ้น
“พาพวกนางไปก่อน เจ้าจัดการด้วย” หลี่มู่พูดกับเจิ้งฉุนเจี้ยน
จากนั้นมองไปยังสตรีผมสั้นเท่าหูลู่เซิ่งหนาน “ข้าให้โอกาสเจ้า หากจะไปจริงๆ เช่นนั้นก็เขียนสัญญาแล้วไปได้เลย ข้ากับถิงเอ๋อร์จะไม่รั้งเจ้าไว้ หากเจ้าเลือกอยู่ บางทีอาจมีโอกาส ข้าจะช่วยเจ้าฟื้นฟูตันเถียนที่ถูกทำลายไป ไม่ใช่แค่ฟื้นฟูพลังเท่านั้น บางทีอาจจะพัฒนาขึ้นอีกขั้นด้วย”
“จริงหรือ?” ลู่เซิ่งหนานที่ก้มหน้าเงียบมาโดยตลอดได้ยินถึงตรงนี้ก็เงยหน้าทันที มองหลี่มู่อย่างไม่อยากจะเชื่อ
หลี่มู่ไม่พูดอะไร
ความเงียบงันนี้มากพอจะอธิบายทุกสิ่ง
ลู่เซิ่งหนานตระหนักได้ทันที ชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคนนี้เดิมก็เป็นตำนานด้านยุทธ์คนหนึ่งอยู่แล้ว ฉายาเซียนกวีวิถียุทธ์ไม่ได้มีไว้เรียกเฉยๆ บางทีเขาอาจหาทางออกเรื่องอาการบาดเจ็บภายในของตน ช่วยตนฟื้นฟูพลัง จนมีกำลังไปแก้แค้นได้?
“ได้ ขอแค่เจ้าช่วยฟื้นฟูพลังให้ข้าได้ ไม่ว่าเงื่อนไขอะไรข้าก็จะรับปากเจ้า” ลู่เซิ่งหนานท่าทางเหมือนตัดสินใจครั้งใหญ่
หลี่มู่แย้มยิ้มเล็กน้อย ในรอยยิ้มแฝงไว้ด้วยความเยาะหยัน
ทำไมเขาจะไม่รู้ความคิดของลู่เซิ่งหนาน ทว่านางคิดมากไปแล้ว เขาไม่สนใจใดๆ ในร่างกายของนางเลย
“พาไปเถอะ” หลี่มู่โบกมือ
เจิ้งฉุนเจี้ยนพาสาวน้อยออกไป
ก่อนไป ในที่สุดลู่เซิ่งหนานก็เหมือนคิดอะไรได้ มองฮวาเสี่ยงหรงที่อยู่ข้างกายหลี่มู่ แล้วกลับมาคิดถึงตัวเอง ในความอับอายมีความเย้ยหยันตัวเองแฝงไว้ เห็นได้ชัดว่าหลี่มู่ที่มีสาวงามราวเซียนบนฟ้าอย่างฮวาเสี่ยงหรง ไม่ได้สนใจตนเลยแม้แต่น้อย แบบนี้ทำให้นางที่อวดอ้างว่าเป็นอัจฉริยะและมั่นใจในรูปโฉมของตนมาตลอดรู้สึกพ่ายแพ้
ในหอกลับมาสงบเงียบอีกครั้ง
ยามนี้ เสียงร้องเซ็งแซ่พลันดังขึ้นด้านนอก
เห็นบนเวทีมีทาสสาวที่ราบทุ่งหญ้าที่แทบจะเปลือยกายหมดถูกคุมตัวขึ้นมา
“แบบสามชิ้นหรือ”
หลี่มู่ตกใจ เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่บนร่างของทาสสาวที่ราบทุ่งหญ้าคล้ายกับบิกินีอยู่บ้าง เต็มไปด้วยความยั่วยวน เทียบกับทาสสาวที่ออกประมูลก่อนหน้านี้ซึ่งบนร่างยังมีผ้าโปร่งบาง การดูแลทาสสาวที่ราบทุ่งหญ้าแย่ยิ่งกว่า แทบจะถูกถอดเสื้อผ้าเสียจนเกลี้ยง ไม่เหลือศักดิ์ศรี แต่รูปร่างสูงเพรียวและผมยาวสีทองของสตรีชาวทุ่งหญ้างดงามผิดแผกไปจากสตรีคนฉิน กลับยิ่งชวนให้หลงใหล
ในที่สุดก็เริ่มประมูลทาสสาวจากที่ราบทุ่งหญ้าแล้ว
หลี่มู่รู้ ฉากสำคัญที่แท้จริงของคืนนี้มาถึงจนได้
ไม่ผิดคาด หลี่มู่สัมผัสได้จากค่ายกล ในหอหมายเลขเจ็ดเกิดความเคลื่อนไหวขึ้นระลอกหนึ่งแล้ว
………………………