จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 225 เด็กหญิงตัวน้อย
คนในห้องส่วนตัวหมายเลขเจ็ดคือกุนซือจากที่ราบทุ่งหญ้า นายน้อยสมาพันธ์การค้าใต้หล้าสาขาฉินตะวันตก และยอดฝีมือชาวที่ราบทุ่งหญ้าหลายคน รวมถึงนายน้อยชนเผ่าที่ตัวเหมือนเจดีย์เหล็กคนนั้น รวมทั้งหมดแล้วสิบคน เสี้ยวขณะที่เห็นทาสสาวที่ราบทุ่งหญ้าคนแรกถูกลากตัวขึ้นมา สีหน้าก็เคร่งเครียดทันที
“เป็นอาเฉ่า องครักษ์หญิงใต้บังคับบัญชาของธิดาเทพชิงเยียน ปีนี้เพิ่งอายุสิบหก…” องครักษ์ที่ราบทุ่งหญ้าคนหนึ่งใช้ภาษาชาวทุ่งหญ้าตะโกนขึ้นมาอย่างร้อนรน
ในดวงตาของชายที่ราบทุ่งหญ้าทั้งหมดต่างมีประกายโกรธแค้นลุกวาบ
คนฉินหยามหมิ่นบุตรสาวที่ยอดเยี่ยมที่สุดของฉางเซิงเทียน แค้นนี้ไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันได้
กุนซือหนุ่มแห่งที่ราบทุ่งหญ้าขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าแนวโน้มไม่ค่อยดี ธิดาเทพชิงเยียนรวมทั้งองครักษ์เทพหมาป่าใต้บัญชาการทั้งหมดสี่สิบหกคน หากออกประมูลทีละคนๆ แล้วละก็ นับเป็นการทดสอบครั้งใหญ่ต่อการเคลื่อนไหวของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งเขายังรู้สึกรางๆ ว่าหน่วยเลี้ยงรับรองทำแบบนี้อาจจะมีจุดประสงค์อื่นอีก
“วางใจได้ ข้ารับประกันว่าจะช่วยธิดาแห่งฉางเซิงเทียนออกมาทั้งหมด” นายน้อยสมาพันธ์การค้าใต้หล้าสาขาย่อยกัวจื้อฮุยตบอกรับประกัน “สาวงามที่น่าหลงใหลขนาดนี้ไม่ควรตกอยู่ในเงื้อมมือชนชั้นสูงพุงพลุ้ยพวกนั้น” ท่าทางเขาคับแค้นเต็มอก
ไม่นานนัก การประมูลก็เริ่มขึ้น
บนเวทีหลัก ผู้ดำเนินการประมูลที่ผมและหนวดเคราขาวโพลนเริ่มแนะนำน้ำไหลไฟดับ
“ทาสสาวที่ราบทุ่งหญ้านางนี้ฐานะไม่ธรรมดา เป็นถึงองครักษ์วิหารเทพหมาป่าแห่งที่ราบทุ่งหญ้า องครักษ์เทพหมาป่าคืออะไร? มีบางท่านทราบ บางท่านอาจจะไม่ ข้าจะขอพูดมากสักหน่อย อธิบายสักนิด ว่านักรบหญิงที่โดดเด่นที่สุดในชนเผ่าถึงจะเข้าร่วมได้ ต่อให้เป็นชนชั้นสูงในชนเผ่าใหญ่ต่างๆ เมื่อพบองครักษ์เทพหมาป่าก็ยังต้องเคารพนอบน้อม ก็เหมือนกับราชนิกุลสูงศักดิ์ของพวกเราชาวฉิน ครั้งนี้จักรวรรดิฉินใช้กำลังทหารโจมตีที่ราบทุ่งหญ้ากะทันหัน จับว่าที่ธิดาเทพแห่งวิหารเทพหมาป่ามาคนหนึ่ง และจับเป็นองครักษ์เทพหมาป่ามาได้อีกสี่สิบหกคน เป็นเรื่องหายากยิ่งในรอบร้อยปี…”
ชายชราประหนึ่งนักเล่าเรื่อง ยกตำแหน่งขององครักษ์เทพหมาป่าโดยเฉพาะองครักษ์หญิงไว้สูงเป็นพิเศษ พูดเสียราวกับเป็นเทพธิดาแห่งที่ราบทุ่งหญ้า ซึ่งก็ดึงดูดสายตาร้อนแรงของบุรุษมากมายรอบๆ ได้ดังคาด
สำหรับผู้ชาย การปกป้องผู้อ่อนแอและทำลายความศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์คือความปรารถนาตลอดกาลมาแต่ไหนแต่ไร
สายตาเร่าร้อนแต่ละคู่จ้องมององครักษ์หญิงเทพหมาป่านางนั้น
“สิ่งที่ยิ่งควรแก่การพูดถึงคือ องครักษ์เทพหมาป่าหญิงนางนี้มีพลังฝึกขั้นปรมาจารย์ ทั้งยังไม่ได้ทำลายไป โซ่ตรวนสีเงินบนมือของนางเป็นโซ่ข้อมือจำกัดพลังที่ออกแบบโดยจอมเวทเทียนเหรินแห่งเมืองหลวง สะกดพลังฝึกของนางไว้ ทั้งยังลดพละกำลังของนางลงอีกด้วย ลองคิดดู สาวงามต่างถิ่นขั้นปรมาจารย์ อยู่ต่อหน้าท่านไร้ที่ให้ขัดขืน สุดแท้แต่ท่านจะปรารถนา อีกทั้งหากสั่งสอนให้ดีพิชิตใจนางได้ ก็เท่ากับได้องครักษ์สาวสวยขั้นปรมาจารย์เพิ่มมาอีกคนหนึ่ง ประเด็นสำคัญคือ…นางยังเป็นหญิงพรหมจรรย์”
ผู้ดำเนินการประมูลของหน่วยเลี้ยงรับรองเอ่ยสรรพคุณน้ำลายฟองฟอด
สาวใช้วัยกลางคนร่างกำยำสองคนก็ให้ความร่วมมือด้วย ฉุดกระชากองครักษ์หญิงเทพหมาป่าผู้นี้จัดเป็นท่าทางต่างๆ แสดงความยืดหยุ่นของร่างกายนางและความงดงามหลากหลายให้เห็น
องครักษ์เทพหมาป่าสาวที่ถูกโซ่สะกดยุทธ์พันธนาการความสามารถและพลังเอาไว้ ถึงแม้จะโกรธแค้นแต่กลับไร้เรี่ยวแรงดิ้นรน
ภาพแบบนี้ทำให้ผู้ชายนับไม่ถ้วนเลือดสูบฉีดพลุ่งพล่าน
“ตอนนี้เริ่มประมูลได้ เปิดราคาที่ห้าหมื่นตำลึงทอง ทุกครั้งประมูลเพิ่มไม่ต่ำกว่าห้าพันตำลึงทอง” เสียงของผู้ดำเนินการประมูลมีพลังโน้มน้าวเป็นอย่างมาก ดังไปทั่วถนนกลิ่นกำจายโดยอาศัยค่ายกลจอมเวทขยายเสียง
บรรยากาศร้อนแรงขึ้นทันที
คนมากมายเสนอราคา
ถึงแม้ราคาของทาสสาวที่ราบทุ่งหญ้าคนนี้จะสูงลิ่ว แต่เหล่าผู้เรืองอำนาจที่มีเงินอย่างแท้จริงไม่สนใจ
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ทาสสาวขั้นปรมาจารย์ ต่อให้อัปลักษณ์เหมือนปีศาจก็ควรค่ากับราคานี้
เขตหอแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดที่เวลาส่วนมากนิ่งเงียบก็เข้าร่วมการประมูลด้วยเช่นกัน
สุดท้าย กลับเป็นแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดหอหมายเลขเจ็ดประมูลทาสสาวที่ราบทุ่งหญ้าคนนี้ไปด้วยราคาสูงลิ่วถึงแปดหมื่นตำลึงทอง
และเงินแปดหมื่นตำลึงทองก็เป็นราคาสูงที่สุดนับจากเริ่มประมูลมาในคืนนี้
……
“คนที่ราบทุ่งหญ้าลงมือจริงๆ ด้วย”
หลี่มู่ดูถึงตรงนี้ ในใจก็กระจ่างแจ้ง
พี่ใหญ่กัวอวี่ชิงพี่ชายร่วมสาบานของเขาก็มาจากที่ราบทุ่งหญ้า ดังนั้นหลี่มู่จึงรู้สึกดีกับคนที่ราบทุ่งหญ้า หากพวกเขาช่วยทาสสาวที่ราบทุ่งหญ้าที่ตกทุกข์ได้ยากพวกนี้กลับไปได้ ก็ไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้ว
ดังนั้น การแข่งประมูลครั้งนี้หลี่มู่จึงไม่ได้ร่วมเสนอราคาด้วย
……
ในหอแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดหมายเลขเจ็ด
องครักษ์เทพหมาป่าหญิงนามอาเฉ่าถูกนำตัวเข้ามา
นางที่แต่เดิมเตรียมพร้อมว่ามีโอกาสก็จะตายตกไปพร้อมกัน แต่จะไม่ยอมตกเป็นของคนฉินเป็นอันขาด ดวงตาพลันเบิกกว้าง ใบหน้าฉายแววตื่นเต้น “พี่กุนซือ พี่เถี่ย เป็นพวกท่าน…”
กุนซือหนุ่มยิ้มบางๆ ลุกขึ้นยืน เดินไปถอดโซ่ตรวนสะกดพลังบนมือของอาเฉ่า ก่อนจะเอ่ย “วางใจเถิด เจ้าปลอดภัยแล้ว พี่เถี่ยกับพวกทหารกล้าเผ่ายิงจันทร์มาถึงเมืองฉางอันนานแล้ว จะต้องช่วยเจ้ากับธิดาเทพชิงเยียนออกไปได้แน่นอน”
หัวหน้าชายชาวที่ราบทุ่งหญ้าที่ราวกับเจดีย์เหล็กลุกขึ้นยืน คลุมเสื้อคลุมให้กับอาเฉ่าด้วยตัวเอง กล่าวว่า “อาเฉ่า เจ้ากินอะไรฟื้นฟูกำลังกายก่อนสักหน่อย เรื่องต่อไปก็ให้พวกเราจัดการ”
อาเฉ่าสีหน้าตื่นเต้น ความเหนื่อยล้าที่มีอยู่เดิมหมดไปทันควัน นางกัดฟันพูด “ดีจริง พี่กุนซือ พี่เถี่ย ข้าไม่เหนื่อย เอาดาบมาให้ข้า ข้าจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารกล้าเผ่ายิงจันทร์”
สตรีที่ราบทุ่งหญ้าก็องอาจกล้าหาญเช่นนี้แล
……
การประมูลดำเนินต่อไป
ต่อมาก็นำองครักษ์เทพหมาป่าสาวออกมาประมูลต่อเนื่องกันอีกสิบคน ราคาเริ่มประมูลล้วนอยู่ที่ห้าหมื่นตำลึงทอง รูปร่างสูงเพรียวนัยน์ตาเขียวผมทองทั้งหมด ตามหน้าตาและพลัง ราคาเพิ่มประมูลทุกครั้งจะต่างกันเล็กน้อย หนึ่งในนั้นมีองครักษ์เทพหมาป่าหญิงหลายคนสูงราวห้าหกฉื่อ สัดส่วนเผ็ดร้อนเย้ายวน สุดท้ายประมูลไปได้ถึงหนึ่งแสนสองหมื่นตำลึงทอง ทำเอาฮือฮาไปทั่ว
และสิ่งที่ทำให้ฝั่งต่างๆ ฮือฮาก็คือ หอแขกผู้มีเกียรติหมายเลขเดิมประมูลทาสสาวที่ราบทุ่งหญ้าทั้งหมดไปได้โดยไม่มีใครหลุดมือ…หมายเลขเจ็ด
หอหมายเลขเจ็ดจ่ายราคามหาศาลไปทั้งหมดเจ็ดแสนตำลึงทอง ชวนให้ผู้คนพูดไม่ออก
“นี่จะให้คนอื่นประมูลกันยังไง? หมายเลขสิบแปดประมูลสาวงามคนฉินประวัติขาวสะอาดไปแทบทั้งหมด หมายเลขเจ็ดก็ประมูลทาสสาวทุ่งหญ้าไปเกลี้ยง…พวกเราถึงจะไม่กล้ากินเนื้อ แต่เหลือน้ำแกงเอาไว้ให้บ้างซี”
“จะให้คนอื่นแข่งประมูลดีๆ สักครั้งได้ไหม?”
“เฮ้อ ไม่ใช่สู้พวกเขาไม่ได้ แต่เป็น…ไม่กล้าสู้หรอก”
บนที่นั่งแขกผู้มีเกียรติทั่วไป หลายคนโกรธแค้นแต่ก็ไร้ประโยชน์ พออยู่ต่อหน้าลำดับขั้นทางสังคมอันโหดร้ายของโลกใบนี้ พวกเขาไม่มีความกล้าจะไปทำลายและแย่งชิง
งานประมูลดำเนินต่อไป
ครั้งนี้ ผู้ที่ถูกนำขึ้นมากลับไม่ใช่ทาสสาวที่ราบทุ่งหญ้า แต่เป็นเด็กหญิงตัวน้อยอายุสามสี่ขวบเท่านั้น
เด็กน้อยมัดแกละสองข้าง ผิวพรรณขาวผ่องเหมือนตุ๊กตาหยกมันแพะ เพียงแค่ผอมไปหน่อย แต่แค่มองก็รู้ว่าโตไปเป็นสาวงามแน่นอน ท่าทางนางสับสนเลอะเลือน เห็นได้ชัดว่าถูกป้อนยาบางอย่าง ถูกอุ้มเอามาวางไว้บนโต๊ะ
“ถังมี่ธิดาคนเล็กของขุนพลเจิ้นกั๋วถังฉง ปีนี้สี่ขวบครึ่ง เชื่อว่าทุกท่านคงมองออกว่ามีเค้าสาวงาม เลี้ยงเอาไว้สิบกว่าปีจะต้องเป็นสาวงามหยาดเยิ้มเลิศล้ำแน่นอน มารดานางตงฟางฮุ่ยเกิดในสำนักระดับห้าเหมันต์ทมิฬ ซึ่งเป็นอดีตหนึ่งในสิบสาวงามของสำนักในจักรวรรดิฉินตะวันตก งดล้ำเป็นที่หนึ่ง เด็กคนนี้วันข้างหน้าจะต้องเป็นสาวงามแห่งยุค มีสายเลือดชนชั้นสูง ขอรับประกันด้วยเกียรติ เริ่มประมูลที่หนึ่งแสนตำลึงทอง ทุกครั้งประมูลเพิ่มไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นตำลึงทอง”
ผู้ดำเนินการประมูลพูดเสียงดัง
รอบๆ มีเสียงฮือฮาขึ้นอีกครั้ง
ลูกสาวของขุนพลเจิ้นกั๋ว!
ลำพังแค่สามสี่คำนี้ก็มากพอจะให้คนบ้าคลั่งได้แล้ว
นี่จะต้องเป็นสตรีชนชั้นสูงตระกูลขุนนางในลำดับขั้นสูงสุดที่หน่วยเลี้ยงรับรองเคยประมูลมาแน่
การประมูลเริ่มขึ้น บนที่นั่งแขกผู้มีเกียรติทั่วไปมีเสียงดังเซ็งแซ่ แย่งกันเสนอราคา ทว่ายามเมื่อแขกผู้มีเกียรติในหอเริ่มเสนอราคาบ้าง แขกผู้มีเกียรติทั่วไปก็เงียบเป็นปลิดทิ้งในทันที ช่วยไม่ได้ ยังคงไม่กล้าแข่งด้วย
“หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึงทอง” เสียงหนึ่งดังออกมาจากหอแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดหมายเลขสิบ
บวกเพิ่มมาสองหมื่นจากราคาเสนอครั้งแรกหนึ่งแสนสามหมื่นตำลึงทองในตอนนั้นเลย เห็นได้ชัดว่าปรารถนาจะเอามาให้ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่หอแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดหมายเลขสิบเสนอราคา
“สองแสนตำลึงทอง” หอแขกผู้มีเกียรติชั้นยอดหมายเลขสิบห้าสู้ราคาตาม
ในการประมูลทาสสาวที่ราบทุ่งหญ้าหลายครั้งก่อนหน้านี้ หมายเลขสิบห้าก็เสนอราคาอยู่หลายรอบ แต่เพราะเสนอราคาอย่างระมัดระวัง สุดท้ายจึงพ่ายแพ้หอหมายเลขเจ็ด ไม่ได้อะไรไป หลายคนคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้พวกเขาจะเสนอราคาสูงลิ่วขนาดนี้เพื่อเด็กสี่ขวบคนหนึ่ง
“สองแสนสองหมื่นตำลึงทอง” หอหมายเลขสิบเสนอราคาอีกครั้ง ยกราคาขึ้นอีกสองหมื่นตำลึงทอง ท่าทางเหมือนจะต้องเอามาให้ได้
แต่ทว่า…
“สองแสนห้าหมื่น” หอหมายเลขสิบห้าเสนอราคาอีกครั้ง ยิ่งฮึกเหิมทรงพลัง
คืนนี้ดำเนินมาถึงตอนนี้ ความดุเดือดของราคาประมูลก็ค่อยๆ ไต่ถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนในที่สุด
……
ในหอหมายเลขสิบ
สีหน้าของหวางเฉินค่อนข้างเคร่งเครียด
“ในหอหมายเลขสิบห้าจะต้องเป็นเดรัจฉานกลุ่มนั้นแน่” เขาพูดอย่างโกรธเคือง
ศัตรูบางคนของขุนพลถังมาเมืองฉางอันและเข้าร่วมประมูลโดยเฉพาะ เพื่อระบายความแค้นในอดีตกับภรรยาม่ายและลูกสาวของถังฉง เรื่องนี้เขาก็รู้อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามอยู่ที่ไหน และก็สืบอะไรไม่เจอ ตอนนี้ดูท่า ทางคนในหอหมายเลขสิบห้าจะต้องเป็นคนพวกนี้แน่นอน
องค์หญิงฉินเจินสีหน้าไร้อารมณ์
“เสนอราคาต่อไป” ในเสียงของนางฟังอารมณ์ไม่ออก
ไม่ว่าจะอย่างไร ต้องช่วยภรรยาม่ายและลูกสาวของขุนพลถังให้ได้
ก่อนเข้าร่วมประมูลก็น่าจะนึกถึงฉากนี้เอาไว้แล้ว
โกรธแค้นแก้ปัญหาไม่ได้
หวางเฉินพยักหน้ารับคำสั่ง
สิ่งที่เขากังวลคือครั้งนี้องค์หญิงทำทุกอย่างสุดกำลังแล้ว เพิ่งจะรวบรวมได้เจ็ดแสนตำลึงทองเท่านั้น คิดจะช่วยสามคน หากแนวโน้มเป็นแบบนี้เกรงว่าจะไม่พอ
……
ในหอหมายเลขสิบห้า
ชายหนุ่มสี่คนมองไปบนเวทีหลักด้านนอก ใบหน้าประดับยิ้มอาฆาตแค้น
“ตอนนั้นถังฉงโบยข้าหนึ่งร้อยที แล้วไล่ออกจากกองกำลังสยบเดชเพราะข้าไม่ระวังขัดคำสั่งของกองทัพ หึๆ มันต้องคิดไม่ถึงแน่ว่าวันหนึ่งลูกสาวที่มันรักที่สุดจะกลายเป็นเหยื่อของพวกเรา ฮ่าๆ” ผู้พูดคือไป๋หย่วน บุตรชายของขุนพลกองกำลังขนกระเรียนหนึ่งในกองทหารรักษาวังเมืองฉิน เขาสวมชุดดิ้นทอง มือถือพัดจีบ ดูเหมือนสุภาพสง่างาม แต่แท้จริงนั้นชั่วช้าสารเลว
”ใช่แล้ว ลูกสาวคนเล็กเลี้ยงให้โต ขอแค่สอนดีๆ ก็สามารถเปลี่ยนให้นางเป็นหญิงแพศยาไม่รู้จักอาย รู้แต่วิธีสร้างความสุขให้บุรุษเท่านั้น ฮ่าๆ” มุมปากของเหลียงอี้เฟยบุตรชายราชครูคนปัจจุบันยกยิ้มชั่วร้ายเย็นชา
…………………………