จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 463 ศึกเทพเซียน
“ไม่ต้องกังวล สายของข้าตอนนี้กระจัดกระจายกันไปหมด ไม่เหลืออำนาจใดๆ แล้ว มีวิชาอะไรก็สำแดงออกมาให้หมดเถอะ มิฉะนั้นคนที่ต้องเสียใจก็คือเจ้า” ชายชราแซ่หม่าไม่มีท่าทีหวาดกลัวใดๆ
เขาก้าวออกไปก้าวหนึ่งก็เปลี่ยนอีกกระบวนท่าหมัด คำรามเสียงต่ำ ฝ่ามือ แขนและคอมีขนลิงสีทองงอกออกมา ส่องประกายแสงสีทองเหมือนเข็มเหล็ก
กระแสอากาศเป็นชั้นๆ ที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าพันล้อมรอบกายเขา จากนั้น กลิ่นอายอันแข็งแกร่งก็พุ่งออกมาทั่วทิศทาง เส้นแสงบิดม้วน มิติสั่นคลอนเหมือนกระดาษ
ชายชราแซ่หม่าออกหมัดอีกครั้ง
แต่ละหมัดๆ ความเร็วช้าเนิบ
คนอื่นๆ สามารถมองเห็นหมัดของชายชราแซ่หม่าแหวกอากาศได้อย่างชัดเจน กระแสอากาศแต่ละชั้นๆ ถูกหมัดชกจนปั่นป่วน ทั้งๆ ที่ออกหมัดเนิบช้า แต่กลับทำให้คนรู้สึกว่ารวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
“วายุสวรรค์เมฆาวารีตามแต่จิตปรารถนา” จักรพรรดิเซียนหมิงกวงเอ่ยอีกครั้ง โคจรวิชาเซียน
สีหน้าของเขาเย็นชา “เจ้าลิงน้อย เจ้าปกป้องผู้ผิดบาปคนนี้ไม่ได้ ข้าถอยให้เจ้าสามกระบวนท่า หลังจากสามกระบวนท่าก็ไสหัวไปเสีย มิฉะนั้น อย่าโทษที่ข้าไม่ไว้หน้าฉีเทียนต้าเซิ่ง[1]”
ระหว่างพูดรอบกายเขาก็มีเมฆหมอกไหลเวียน คลุมเครือเดี๋ยวเลือนรางเดี๋ยวปรากฏ จากนั้นหลุมตราประทับหมัดขนาดมหึมาแต่ละรอบๆ ก็ปรากฏขึ้นบนหมอกเมฆเคลื่อนคล้อยกลุ่มนี้ สุดท้ายก็ถูกสลายไป
ร่างของจักรพรรดิฉินหมิงโอนเอนเล็กน้อย จากนั้นถึงจะยืนได้มั่น
ชายชราแซ่หม่าจิตต่อสู้ตื่นขึ้น เอ่ย “ผู้ที่ออกมาจากเขาฮวากั่ว แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีบุญคุณตอบแทนบุญคุณ มีความแค้นต้องล้างแค้น ไม่รู้จักว่าอะไรคือไสหัวไป…เทพวานรแปลงกาย จงแปลงร่าง!”
ท่ามกลางเสียงคำราม ร่างของเขาขยายใหญ่ขึ้น
เสื้อผ้าบนร่างของเขาขยายฉีกขาด ขนสีทองงอกอย่างรวดเร็วเหมือนหญ้า เพียงชั่วพริบตาร่างก็สูงหลายสิบจั้ง ประหนึ่งสัตว์ยักษ์ที่มาจากบรรพกาล ทั่วร่างพันล้อมด้วยกลิ่นอายเหี้ยมโหดน่าหวาดกลัว
พวกผู้ฝึกฝนนอกพิภพอย่าง ‘ดาบมาร’ จ่างซุนฉางคง เด็กหนุ่มเผ่าผู้วิเศษสีหน้าตื่นตะลึงถูกพลังเช่นนี้กดดันจนหายใจไม่ออก ต่างถอยหลังไปด้วยสีหน้าตกใจ
นี่เป็นกลิ่นอายระดับขุนพล เป็นขอบเขตเหนือพวกเขา ไม่ใช่พลังที่พวกเขาจะต้านทานได้
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงหน้าเปลี่ยนสี “เจ้าลิงปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม อย่าได้คืบเอาศอก อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าจริงๆ นะ ต่อให้เป็นฉีเทียนต้าเซิ่ง ยังต้องถอยให้ข้าสามส่วน…”
ชายชราแซ่หม่าอารมณ์ฉุนเฉียวถึงขีดสุด ได้ยินคำพูดนี้ก็เหมือนกับถูกเหยียบหาง เอ่ยอย่างโมโห “ถุย จอมปลอม! ตอนที่ท่านอ๋องของข้าอยู่ ในห้วงดาราสมุทรอันไร้ขอบเขตนี้มีใครกล้าเป็นศัตรูกับเขาฮวากั่ว? เจ้าเป็นใคร? คู่ควรจะมาเอ่ยสมญานามของท่านอ๋องของข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนี้หรือ? ก็แค่คนตกยุคที่เดินออกมาจากผนึกสะกดเท่านั้น ไว้หน้าเจ้า เจ้าเป็นจักรพรรดิเซียนหมิงกวง ไม่ไว้หน้าเจ้า เจ้าเป็นตัวอะไร? ถุย ก็แค่สุนัขรับใช้ใต้คมเขี้ยวสัตว์ก็เท่านั้น”
ร่างสูงใหญ่กำยำของเขาประดุจเทพสีทอง ฝ่ามือมหึมาประดุจขุนเขา ฝ่ามือหนึ่งฟาดลงมาทำเอากลางอากาศหอบม้วนเป็นคลื่นทะเลเมฆเป็นชั้นๆ ตบไปยังจักรพรรดิเซียนหมิงกวงเหมือนตบแมลงวัน
“เจ้านี่รนหาที่ตาย…แสงเรืองรองทำลายหมื่นเคราะห์กรรม ฆ่า!”
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงโกรธจัด ในที่สุดก็ไม่ทำเพียงแค่ป้องกันเท่านั้นแล้ว หมอกเมฆรอบกายหลอมรวมเป็นหอกแสงเล่มหนึ่ง แหวกฉีกท้องฟ้า โจมตีไปยังร่างของวานรยักษ์สีทองอย่างรวดเร็ว
ครืน!
ในอากาศ อักขระน่าหวาดกลัวแผ่กระจาย พลังน่าครั่นคร้ามหอบม้วน
ร่างของวานรยักษ์ขนทองโดนโจมตีจนเซ แต่ฝ่ามือหนึ่งกลับกำหอกแสงเรืองรองนั่นเอาไว้ แล้วขยี้จนแหลก จากนั้นฝ่ามือมหึมาก็กวาดออกไปตบจักรพรรดิเซียนหมิงกวง
ครืน ตูม ตูม!
จักรพรรดิหมิงกวงสำแดงกลวิชาอภินิหาร ปะทะซึ่งหน้า กลับถูกฝ่ามือนี้ของวานรยักษ์สีทองซัดกระเด็นไปหลายร้อยจั้ง ไปกระแทกเข้ากับยอดเขา หินผาทลายกราวลงมา
“ท่าทางเจ้าจะอ่อนแอกว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก” วานรยักษ์เอ่ยภาษามนุษย์ มันยกเท้าข้างหนึ่งขึ้น แล้วเหยียบไปยังจักรพรรดิเซียนหมิงกวงทันที “วันนี้ ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่า อะไรที่เรียกว่าเขาฮวากั่ว”
“บังอาจ” จักรพรรดิเซียนหมิงกวงโมโหเดือดดาล
เขาสำแดงกลวิชา ร่างขยายใหญ่ขึ้นทันที เพียงชั่วพริบตาก็สูงหลายร้อยจั้ง จากนั้นก็ออกหมัดซัดไปยังวานรยักษ์สีทองทันที
ครืน ตูม ตูม!
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงกระเด็นลอยอีกครั้ง
“สู้วิชากายเนื้อกับสายฮวากั่วของข้า?” วานรสีทองหัวเราะ เสียงดังไปทั่วฟ้าดินราวอัสนีฟาด พลังฟ้าดินที่แผ่ระลอกทั่วท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นเมฆขาว และประดุจหิมะถล่ม ภาพทิวทัศน์งดงามและอลังการยิ่งนัก
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงถูกซัดจนสะเทือน กระเด็นลอยไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
กลวิชากายเนื้อของสายฮวากั่วเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน จักรพรรดิเซียนหมิงกวงทั้งตกใจทั้งโมโห กลับถูกกลวิชาของชายชราแซ่หม่าสะกดเอาไว้โดยสิ้นเชิง สภาพย่ำแย่เป็นอย่างมาก
“สมควรตาย ทำข้าเสียการ”
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงคำรามอย่างโกรธแค้น ในใจเกิดความคิดนี้ แต่ก็ฝืนสะกดมันลงไป
“เจ้าแก่ เจ้ายอมแพ้หรือไม่?” เสียงของชายชราแซ่หม่าดังก้องไปในเขาห้าองคุลี
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงไม่พูดอะไร ลงมือไปอีกครั้ง
ภาพเช่นนี้เป็นศึกเทพเซียนชัดๆ
ใน ‘ค่ายกลสูงสุดสยบมาร’ และพลังกดดันเขาห้าองคุลี ก็มีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับขุนพลอย่างชายชราแซ่หม่า และจักรพรรดิเซียนหมิงกวงเท่านั้นถึงจะสามารถสำแดงกลวิชาอภินิหารได้อย่างตามใจ คลื่นพลังน่าหวาดกลัวทำให้ผู้ฝึกฝนนอกพิภพทั้งหมดต่างสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้ ถอยหลังไปไม่หยุด
และในตอนนี้เอง กัวอวี่ชิงพยุงหลี่มู่กลับไปแล้ว
“คุณชาย ท่านไม่เป็นไรใช่ไหมคุณชาย ยังหายใจได้หรือไม่?” หมิงเยวี่ยตบใบหน้าของหลี่มู่อย่างร้อนลน “ท่านไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหม?”
“เจ้าตบอีกสามสี่ทีข้าตายแน่แล้ว” หลี่มู่ที่แต่เดิมเตรียมจะแกล้งตายอีกสักหน่อย บาดแผลบนใบหน้าที่เพิ่งจะสมานตัวเล็กน้อยถูกตบจนปริอีกครั้ง ลืมตาขึ้นอย่างทั้งเจ็บทั้งโมโห
กัวอวี่ชิงที่อยู่ข้างๆ กลับไม่กังวลเท่าไหร่ เพราะเขาเคยเห็นสภาพของหลี่มู่ที่น่าอนาถมากกว่านี้ สุดท้ายก็สร้างเนื้อขึ้นมาใหม่ รู้ว่าหลี่มู่ฝึกฝนวิชาฟื้นฟูที่เทียบเคียงกับพลิกชะตาเอาไว้วิชาหนึ่ง
“แงๆๆ ดีจริงๆ” หมิงเยวี่ยใบหน้ามึนน่าเอ็นดู ถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็ถกแขนเสื้อขึ้น “คุณชาย ต้องการดื่มเลือดหรือไม่? เสริมเลือดลม ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ เหมารักษาเหมาอาการดีขึ้น”
“ไปไกลๆ เลยไป” หลี่มู่โมโหจนขำ
จากนั้นเขาก็นั่งลง หยิบ ‘โสมหยกม่วงราชันมังกร’ ที่ได้จากมิติฟ้านิจนิรันดร์ออกมาจากมิติเก็บของ เคี้ยวกรอบๆ เหมือนกินแครอท สรรพคุณยาเข้มข้นค่อยๆ แผ่ซ่านออกมา ไหลไปทั่งแขนขาองคาพยพหลี่มู่ แม้แต่มุมปากยังไหลไปด้วยยาสีม่วง…
ผู้ฝึกฝนนอกพิภพที่อยู่ห่างไกล มองเห็นภาพนี้ต่างหน้าตาเขียวคล้ำ
‘โสมหยกม่วงราชันมักร’ พันปี ต่อให้อยู่ในดาราจักรเทพวีรชนก็เป็นยาวิเศษที่สามารถรักษาบาดแผลภายนอก เพิ่มพลังฝึกตนได้เชียวนะ แต่ผู้ผิดบาปโสโครกกลับเคี้ยวกินเหมือนวัวเคี้ยวดอกโบตั๋นแบบนี้เนี่ยนะ?
หลี่มู่โคจรพลังรักษาบาดแผล
แต่ในบาดแผลของเขาส่วนมากแฝงไปด้วยเจตจำนงวิถียุทธ์ของคู่ต่อสู้ และจิตสังหารจากอาวุธ ฟื้นฟูไม่ได้ง่ายๆ ก่อนอื่นจะต้องขจัดจิตสังหารและเจตจำนงวิถียุทธ์พวกนี้ไปก่อน ถึงจะฟื้นฟูกายเนื้อได้ ดังนั้นอาการบาดเจ็บสมานตัวช้ามาก
ปรับลมหายใจชั่วขณะหนึ่ง หลี่มู่ยังคงหน้าบวมจมูกช้ำ รอยแผลบนใบหน้านับว่าตกสะเก็ด เสียโฉมนั่นเป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว
บาดแผลค่อยๆ ตกสะเก็ด เจ็บปวดอย่างมหาศาลจนราชาปีศาจหลี่ต้องสูดปาก
“คนไม่ดี เจ้ารู้หรือไม่? นี่ก็คือกรรม” เด็กหญิงตัวน้อยนั่งข้างกายหลี่มู่ หัวเราะพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอย่างเด็กๆ “เจ้าขโมยแม้แต่ตู้โตวของเด็กผู้หญิง สวรรค์กำลังลงทัณฑ์เจ้าอยู่”
หลี่มู่สำลักจนหน้าแดงทันควัน
พวกเราไม่พูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะๆ ขนาดนี้ได้ไหม?
ความเกรียงไกรทั้งชีวิตทลายลงเพียงแค่เสี้ยวพริบตา
ครืน ตูม ตูม ตูม!
ในท้องฟ้าต่ำ คลื่นพลังที่น่าหวาดกลัวพุ่งแผ่ออกมาราวเมฆดำ
จักรพรรดิเซียนหมิงกวงถูกโจมตีลอยอีกครั้ง
ร่างของเขากระแทกกับยอดเขานิ้วกลางของเขาองคุลี หินผาร่วงทลาย ฝุ่นควันลอยตลบ การต่อสู้ครั้งนี้ นับจากชายชราแซ่หม่าแสดงตัวตนที่แท้จริง ใช้กลวิชากายเนื้อต่อสู้ จักรพรรดิเซียนหมิงกวงโดยพื้นแล้วก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
“จบแค่นี้” ชายชราแซ่หม่าก้มหน้า ไม่ฉวยโอกาสซ้ำเติม “เจ้าแพ้แล้ว ข้าไม่ฆ่าเจ้า วันนี้ ปล่อยเจ้าหนูผู้ผิดบาปนี้ไปเสีย”
พูดแล้ว เขาก็ก้มหน้ามองไปยังเหล่าผู้ฝึกฝนนอกพิภพพลางเอ่ยเสียงเย็น “ใช้ฐานะผู้อาวุโสร่วมมือล้อมโจมตีคนรุ่นหลัง แล้วยังเย้ยหยันเสียดสี สำนักในดาราจักรเทพวีรชนตอนนี้ ไม่มีความองอาจอย่างในอดีต ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ชวนให้คนดูถูก”
พวก ‘ดาบมาร’ จ่างซุนฉางคงถูกด่าจนต้องก้มหน้า ไม่กล้าสบตาเขา ในดวงตาฉายแววเคียดแค้นเหี้ยมโหด แต่กลับไม่กล้าแสดงออกมา
ท่ามกลางผู้คน ชวีอ๋องสีหน้าเคร่งเครียด เหมือนกำลังขบคิดชั่งน้ำหนักอะไร แต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกมา
ชายชราแซ่หม่ามองมายังหลี่มู่ “เจ้าหนูน้อย พาสหายของเจ้าไปเสียเถิด ภายในยี่สิบสี่ชั่วยาม ข้ารับประกันความปลอดภัยของเจ้า ทว่า วันหน้าก็ต้องอาศัยตัวเจ้าเองแล้ว ห้วงดาราสมุทรกว้างใหญ่ เกรงว่าคงไม่มีที่ที่ปลอดภัยสำหรับเจ้าแล้ว เจ้าระวังตัวเถอะ”
หลี่มู่กำลังจะพูดอะไร
ในตอนนี้เอง ผืนดินสั่นไหวเล็กน้อย เหมือนปรากฏการณ์ก่อนแผ่นดินไหว
จากนั้น ทั้งเขาห้าองคุลีก็ไหวสั่นครืนครานอย่างรวดเร็ว
ชายชราแซ่หม่าหน้าเปลี่ยนสีทันใด มองไปยังยอดเขาห้าองคุลี
“เดิมข้าไม่อยากฆ่าลิงจากเขาฮวากั่ว เป็นเจ้าที่บีบข้า…” เสียงของจักรพรรดิเซียนหมิงกวงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นลอยออกมาจากยอดเขาองคุลีที่หมอกฝุ่นลอยตลบ “ลิงโง่ ทำข้าเสียเรื่อง วันนี้ต่อให้ราชันของเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าก็ต้องตาย”
เขาเก็บความคิดนั้นไม่ได้อีกต่อไป สำแดงเคล็ดวิชาสุดยอดออกมา
เห็นเพียงทั้งเขาห้าองคุลีสั่นไหวรุนแรงเหมือนแผ่นดินไหว ยอดเขาห้ายอดประหนึ่งนิ้วมือทั้งห้าค่อยๆ ลอยขึ้นท่ามกลางการสั่นไหวรุนแรง
ท่ามกลางเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น หินขนาดมหึมานับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมาจากยอดเขาทั้งห้า หมอกฝุ่นตลบฟุ้ง หินผาที่ปกคลุมอยู่นอกยอดเขาถูกพลังไร้รูปร่างกะเทาะออก เผยให้เห็นกระดูกสีขาวที่กะพริบไปด้วยอักขระแห่งมรรคาในนั้น
จากนั้น ยอดเขาทั้งห้าก็เปลี่ยนเป็นกระดูกนิ้วมือขนาดใหญ่มหึมา มันเริ่มกางออก เหมือนมีคนกำลังกางมืออย่างนั้น กระดูกนิ้วทุกท่อนไหลเวียนไปด้วยพลังมหาศาลที่ไม่อาจบรรยายได้ อักขระเต๋าถี่ยิบหมุนวน เหมือนห้วงดาราสมุทรพริบพราย
ภาพนี้น่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง และน่าสะพรึงกลัวเป็นที่สุดเช่นกัน ยอดเขาห้าลูกกลายเป็นมือห้านิ้ว
“ตราสะกดมารจรัสแสง…สะกด!”
ร่างของจักรพรรดิเซียนหมิงกวงปรากฏอยู่กลางท้องฟ้าสูงขึ้นไปสามสิบจั้ง
ทั่วร่างของเขากะพริบไหลวนไปด้วยแสงเจิดจ้า สีหน้าเย็นชา ผมดำปลิวสยาย เหมือนเปลวไฟสีดำกำลังลุกโหม แขนซ้ายที่มือขาดไป ที่ปากแผลมีแสงรางๆ ไหลวน
แขนข้างที่มือขาดสะบัดเบาๆ เขาองคุลีก็แปรเปลี่ยนเป็นฝ่ามือกระดูกขนาดมหึมาพลิกมือคว่ำ กดทับลงมาจากกลางฟ้า ปกคลุมไปครึ่งท้องฟ้า ครอบวานรสีทองยักษ์หน้าตาที่แท้จริงของชายชราแซ่หม่าเอาไว้ใต้ฝ่ามือ
ครืน
ฟ้าดินสั่นไหว
“การโจมตีนี้ แต่เดิมเตรียมไว้ให้อีกคน น่าเสียดายที่คนคนนั้นยังไม่ปรากฏ เจ้าลิงโง่ ตัวเจ้ากลับรนหาที่ตาย…แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสัตว์ทั้งคู่ เช่นนั้นเจ้าก็ตายแทนมันก็แล้วกัน”
สีหน้าท่าทางของจักรพรรดิเซียนเย็นชาเหี้ยมโหด
………………………………………
[1] ฉีเทียนต้าเซิ่ง แปลว่าผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน เป็นฉายาของซุนหงอคงซึ่งตั้งโดยเง็กเซียนฮ่องเต้