จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 507 ลูกผู้ชายที่แท้จริง
ภาค 3 คืนวันบนดาวโลก
วันแบบนี้ สําหรับซูชั่วและเซียวตงแล้ว เป็นวันที่น่าตื่นตะลึงนัก แสงดาบโหมกระหน�าประหนึ่งอัสนีแห่งเทพ ทั้งหมดฟาดฟันไปยังผู้บุกรุก หัวหลุดกลิ้งหลุนๆ ช่างสะใจยิ่งนัก “แค่นี้แล้วกัน”
วันนั้นยามพระอาทิตย์ตกดิน หลี่มู่ก็หยุดมือ
“กลับ”
กระบี่เหินหาวบรรทุกคนทั้งสามบินไปทางฐานที่มั่น แสงอาทิตย์อัสดงแดงฉาน ย้อมหิมะบนยอดเขาฉีเหลียนแดงไปทั่ว พายุหิมะลูกนี้ค่อยๆ สลายตัวไป
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง พวกหลี่มู่นั่งรถทหารสีน�าตาลคันหนึ่งที่ ด้านรอบนอก เข้าไปข้างในเขตหวงห้ามทางทหาร
รถทหารแล่นไปบนทะเลทราย ข้างหลังเกิดเป็นฝุ่นทรายหอบม้วน เป็นสายยาว
หลี่มู่นั่งหลับตาหล่อเลี้ยงจิตใจ โคจรพลังปรับสมดุลบนรถ
ถึงแม้จะบอกว่าโลกมีพลังฟ้าดิน แต่เบาบางเหลือเกิน เทียบกับบน แผ่นดินใหญ่ที่พลังวิญญาณบางเบาที่สุดก็ยังห่างกันอีกไกลนัก หลี่มู่ วันนี้สําแดงเดช สังหารผู้แข็งแกร่งต่างชาติไปมากขนาดนั้น ผลาญ ปราณแท้ในกายไปไม่น้อย ไม่ได้รับการชดเชยจากโลกภายนอกเป็น การสูญเสียอย่างหนึ่ง——อันที่จริงการบังคับดาบบินและสืบค้นเสีย ปราณแท้ไปค่อนข้างมาก สังหารผู้แข็งแกร่งสุดยอดที่ว่าพวกนั้น สําหรับหลี่มู่ เป็นแค่เรื่องพลิกฝ่ามือเท่านั้น
เขาโคจร ‘วิชาก่อนกําเนิด’ ดูดซับพลังฟ้าดิน ปรับสมดุล
ในขณะเดียวกัน ศึกวันนี้สําหรับหลี่มู่แล้ว ก็เป็นการรับรู้และศึกษา กฎฟ้าดินของโลกวิธีหนึ่ง
เขาได้ผลเก็บเกี่ยว
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือ ค้นหาทั่วทั้งเขาฉีเหลียนแล้ว ก็หาร่องรอย ของซินแสเฒ่าไม่เจอ ก่อนหน้านี้ข้อมูลที่ฝ่ายทหารกล่าวถึงสถานที่ที่ ซินแสเฒ่าเคยปรากฏตัวขึ้น หลี่มู่ก็ไปมาแล้ว แต่ก็ไม่เจออะไร
ท่าทางจะหาซินแสเฒ่าให้เจอคงจะไม่ง่าย
ในช่วงระยะนี้หลี่มู่ลองใช้วิชาเต๋าอนุมาน คํานวณร่องรอยของ ซินแสเฒ่าตามลําดับก่อนหลัง แต่ความลับสวรรค์ไม่กระจ่าง ขมุกขมัว ราวควัน ไม่อาจมองเห็นได้ เขาจึงทําได้แค่ล้มเลิกเท่านั้น
ในนั้นน่าจะมี ‘ด่าน’ อะไรที่ยังจัดการไม่ได้ ซินแสเฒ่าจึงยังไม่ อยากปรากฏตัว
“ข้างนอกคืออะไร?” ซูชั่วพลันเอ่ยปากถาม
เธอมองไปยังทะเลทรายด้านนอก สถานก่อสร้างที่กําลังเร่ง ก่อสร้างกินพื้นที่กว้าง สิ่งก่อสร้างใช้เหล็กเป็นหลัก แทบจะไม่มีซีเมนต์ หรืออิฐกระเบื้องเลย แม้แต่กําแพงยังใช้เหล็กเชื่อม ประเมินคร่าวๆ น่าจะกินพื้นที่ถึงพันไร่ เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังออกมาจากสถาน ก่อสร้างเหล็กแห่งนี้ มองไปเผินๆ ราวสัตว์เหล็กมหึมาหมอบอยู่บน ทะเลทราย
ทหารที่นั่งอยู่ข้างคนขับตอบ “กําลังสร้างสนามต่อสู้”
ซูชั่วได้ฟังก็เข้าใจทันที
ฝ่ายทหารจะใช้โอกาสนี้จัดการขั้วอํานาจยุทธจักรในประเทศที่ เติบโตเรื่อยๆ ไม่หยุด ดังนั้นจึงจะจัดงานประลองยุทธครั้งแรกในเขต
หวงห้ามทางทหารแห่งนี้ในนามของประเทศ สนามต่อสู้แห่งนี้เห็นได้ชัด ว่าเพื่อการจัดประลองการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ว่า ในเอกสารที่หน่วยสนับสนุน ยุทธศาสตร์แจ้งมาก่อนหน้านี้ หลังจากนี้ไปประมาณครึ่งเดือนก็จะจัด งานประลอง ดังนั้นระยะเวลาการสร้างสนามต่อสู้จึงเห็นได้ชัดว่าเร่ง ร้อนมาก
หลี่มู่ได้ยินดังนั้น ใจก็ไหววูบ ลืมตาขึ้นมามองไปข้างนอกเช่นกัน
ทะเลทรายเวิ้งว้าง มองไปไร้ซึ่งขอบเขต นอกจากหญ้าขนนก และ พุ่มหญ้า ก็มีเพียงเม็ดทราย ก้อนหิน และดินเกลือ แล้วก็ยังเห็นท้องน�า ตื้นๆ ที่ถูกน�าเซาะแต่แห้งไปแล้ว ที่นี่เคยเป็นพื้นที่ไร้ผู้คน แต่ตอนนี้มี กองกําลังทหารหลายแสนคนปักหลักอยู่ สามารถจินตนาการได้ว่า หลังจากการเปิดการประลองยุทธ์ ในช่วงระยะเวลายาวข้างหน้า พื้นที่ บริเวณนี้ก็จะส่งผลกระทบให้กับทั้งประเทศ
หลี่มู่ก็อยากจะเห็นฝีมือของยุทธจักรในประเทศเหมือนกัน ดูว่า เจ็ดสํานักที่ว่า จะเหมือนสํานักชมดาวหรือสํานักวิญญาณแท้ที่เคยเจอ ก่อนหน้านี้ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง อันที่จริงแล้วเขาหวังจะได้เห็นยอด ฝีมือวิถียุทธ์แท้จริง แม้จะเป็น ‘คู่ต่อสู้’ ที่เด็ดเดี่ยวและมีบุคลิกอย่างนัก สู้หลี่มู่ก็อยากเจอ
อีกทั้งรัชทายาทของต้าเยวี่ย อวี๋ฮว่าหลงเคยบอกไว้ว่า ตอนนั้นมี ปรัชญาเมธีเบิกเส้นทางเซียนแล้วออกไปจากโลกเพื่อหาทางช่วยเหลือ
และก็มีบางท่านที่ยังอยู่บนโลก กลับมาย้อนดูโลก หาหนทางช่วยเหลือ จากตัวเอง สําหรับปรัชญาเมธี เวลาพันปีเป็นเพียงเวลาเสี้ยวพริบตา เท่านั้น ต่อให้พลังฟ้าดินแห้งเหือด อายุขัยไม่ยืนยาว แต่พวกเขาที่อยู่ บนโลกจะไม่มีมรดกของตัวเองตกทอดมาเชียวหรือ
หลี่มู่รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้
ตอนนั้น หลังจากเหลาจื่อ และขงจื่อ ยังมีปรัชญาเมธีอีกหลายคน ปรากฏตัวขึ้น กระทั่งถึงราชวงศ์ถัง เซียนกวีหลี่ไป๋มีพลังออกไปจากโลก ได้——แน่นอน นี่บางทีอาจจะเพราะยืมพลังของเส้นทางเซียนที่คนรุ่น ก่อนทิ้งเอาไว้ แต่นี่ก็เป็นการบอกว่า ตอนสมัยถังยังมีผู้ฝึกฝนหลงเหลือ อยู่ พวกหลี่ไป๋ก็เคยสยบสังหารไปทั่วทุกทิศในแผ่นดินใหญ่เสินโจว สะเทือนไปทั้งดาวดวงนั้น พลังสูงกว่าตนในตอนนี้แน่นอน
ต่อให้เพราะพลังฟ้าดินบนโลกแห้งเหือด ดังนั้นวิชาที่เป็นมรดก พวกนี้จะเป็นเหมือนกับ ‘หมัดยุทธ์แท้’ และ ‘วิชาก่อนกําเนิด’ ที่ซินแส เฒ่าถ่ายทอดให้ ไม่อาจฝึกฝนบนโลกได้ กลายเป็น ‘ท่ากายบริหาร’ เท่านั้น แต่ก็จะต้องมีร่องรอยหลงเหลืออยู่แน่นอน
ตอนนี้พลังฟ้าดินปรากฏบนโลกอีกครั้ง ร่องรอยพวกนี้จะฟื้ น คืนกลับมาหรือไม่?
คนที่กุมมรดกของปรัชญาเมธีสมัยโบราณเอาไว้พวกนี้จะปรากฏ ตัวขึ้นมาไหม?
หลี่มู่คาดหวังกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
งานประลองยุทธ์ที่ทางการจัดขึ้นครั้งนี้เป็นโอกาส บางทีอาจจะมี คนเช่นนี้ปรากฏขึ้น
เสี้ยวขณะนี้หลี่มู่รู้สึกตื่นเต้น คิดไปมากมาย
ส่วนทหารหนุ่มเซียวตงที่อยู่ข้างๆ ก็มองทุกอย่างข้างนอกอย่าง ค่อนข้างตื่นเต้น
เขาเป็นทหารรักษาการณ์ธรรมดาๆ ล้มลุกคลุกคลาน อยู่ใน สภาพแวดล้อมที่หนาวเหน็บ สร้างคุณูปการให้กับประเทศ แต่เพราะ การจํากัดจากหน่วย ชั้นทหาร และยศทหาร จึงไม่เคยได้เห็นเขตหวง ห้ามทางทหารที่แน่นหนาเข้มงวดเช่นนี้มาก่อน
ครั้งนี้เป็นเพราะป้อมปราการ 9527 เกิดเหตุ ก่อนหน้านี้ข้างบนได้ ออกคําสั่ง อนุญาตเป็นการพิเศษ เขารับคําสั่งมารายงาน ดังนั้นจึงได้ เข้ามาในเขตหวงห้ามทางทหารลึกลับแห่งนี้
บนทะเลทราย ค่ายเล็กใหญ่ และอาวุธระดับทําลายล้างก็มีให้เห็น
ด้วย ‘สายตาเหยี่ยว’ ของเขาในตอนนี้ ต่อให้เป็นตัวอักษรหรือ สัญลักษณ์บนกําแพงหรือบนอาวุธที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งพันเมตรก็ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ที่นั่งอยู่ข้างๆ เขานอกจากจะมีหลี่มู่ ‘เทพเซียน’ องค์นี้แล้ว ก็ล้วน เป็น ‘หัวหน้า’ ที่ยศสูงกว่าเขามาก นี่ทําให้เซียวตงยิ่งประหม่า
“สหาย สนใจอยากเรียนวิชายุทธ์ไหม?”
หลี่มู่ดึงสติกลับมา มองทหารหนุ่มที่อยู่ข้างๆ จู่ๆ ก็เอ่ยปากถามขึ้น
“เอ๋?” เซียวตงอึ้งตะลึง จากนั้นก็เข้าใจ
หลี่มู่ถามแบบนี้ น่าจะคิดอยากถ่ายทอดวิชาให้ตน
วันนี้ วิชาดาบบินที่หลี่มู่สังหารศัตรูห่างออกไปหลายสิบลี้ทั้งวัน ช่างทําให้เขาหลงใหลเคลิบเคลิ้ม หากมีพลังแบบหลี่มู่เช่นนั้นได้ อย่าง นั้นเขาก็จะยิ่งปกป้องคนได้มากขึ้น แต่ทหารหนุ่มคิดๆ ดูแล้วก็ตอบ ตะกุกตะกัก “ผ ผ ผม…ผมต้องรายงานหัวหน้า ยื่นขออนุญาตจาก หน่วย”
หลี่มู่ได้ยินดังนั้นก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
สาวงามเย็นชาซูชั่วที่อยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจแทนทหารหนุ่ม “นายนี่มันซื่อ ไม่ ทึ่มจริงๆ โอกาสยากจะหาได้แบบนี้ หากพลาดไปได้
เสียใจตลอดแน่ นายตอบตกลงไปก่อน เรื่องขออนุญาตหน่วย ฉันยื่นขอ แทนนายเอง” ตลอดวันนี้ เธอก็นับว่าคุ้นเคยกับเซียวตงแล้ว ดังนั้นจึง ใช้น�าเสียงอย่างเจ๊ใหญ่พูดด้วย
สําหรับเซียวตง เธอเองก็นับถือและชื่นชอบเช่นกัน
นี่คือทหารประชาชน ของจริง เป็นทหารอย่างแท้จริง มีร่างกายที่ แข็งแกร่งและความมุ่งมั่นที่เด็ดเดี่ยว ทั้งยังจงรักภักดีต่อชาติเป็นที่สุด
สําหรับซูชั่ว หากเด็กหนุ่มเช่นนี้สามารถสืบทอดมรดกของหลี่มู่ได้ ล่ะก็ วันหน้าเมื่อเติบโตขึ้น ก็มากพอจะที่จะต้านทานกับกองทัพเกรียง ไกรได้ สําหรับตัวเซียวตงเอง สําหรับกองทัพ สําหรับมาตุภูมิ สําหรับ ประชาชนแล้ว ล้วนเป็นเรื่องดีที่มีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษ
ดังนั้น เธอถึงได้รีบเตือนให้เซียวตงตกลงรับคําอย่างค่อนข้างออก นอกหน้า
ทหารหนุ่มไหลไปตามน�า
ซูชั่วถึงแม้จะเป็นหัวหน้าหน่วย แต่ทั้งสองไม่ใช่หน่วยเดียวกัน และ ก็ไม่ใช่นายกับลูกน้อง เขาอยากตกลง แต่ในใจยังคงพะวงกับกฎวินัย ค่อนข้างลําบากใจ ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
หลี่มู่ยิ้มพลางเอ่ย “ไม่รีบ นายไปยื่นคําร้องก่อน คําพูดของฉันพูด คําไหนคํานั้นเสมอ”
เขามีใจคิดจะฝึกฝนอบรมจริงๆ นั่นแหละ
วิชาของตนแข็งแกร่งเกียงไกร ออกไปนอกโลกสามารถท่องไปใน จักรวาลได้ แต่ด้วยพลังของตนเพียงคนเดียวคิดจะปกป้องสิ่งสําคัญใน โลกนั้นยากลําบากมาก หัวเดียวกระเทียมลีบ หลักเหตุผลนี้ ตอนอยู่ที่ แผ่นดินใหญ่เสินโจวเขาก็คิดได้แล้ว ดังนั้นจึงได้ฝึกฝนพวกชิงเฟิงหมิง เยวี่ย
และเมื่อมาถึงโลก หลี่มู่ก็อยากเลือกผู้ที่มีจิตใจฮึกเหิมจงรักภักดี ตรงไปตรงมาอย่างแท้จริงบางคน ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับตน ค�าผืน ดินแห่งนี้บนโลกเอาไว้
ความมุ่งมั่นและคุณลักษณะอันสูงส่งที่เซียวตงแสดงออกมาเมื่อ เผชิญหน้ากับ ‘อูฐทราย’ ผู้เหี้ยมโหดทําให้หลี่มู่ประทับใจ
หลี่มู่ตอนนั้นก็มีใจคิดอยากฝึกฝนเซียวตงแล้ว ดังนั้นจึงได้ ถ่ายทอดพลังวิญญาณของเหยี่ยวตาสีอําพันเข้าไปในร่างของเซียวตง
ส่วนปฏิกิริยาที่เซียวตงแสดงออกมาเมื่อครู่ก็ยิ่งทําให้หลี่มู่ชื่นชอบ
เผชิญหน้ากับ ‘อูฐทราย’ เขา ‘อํานาจไม่สยบ’ เมื่อประจําการณ์ อยู่ที่ป้อมปราการเผชิญหน้ากับความโหดร้ายของธรรมชาติ เขา ‘ความ ความยากจนและทุกข์ยากไม่อาจคลอนแคลน’ และเมื่อได้เห็นกลวิชา อภินิหารของตน เผชิญหน้ากับความเย้ายวนถ่ายทอดวิชา เขาก็ พิจารณาของวินัยในฐานะที่เป็นทหาร นี่คือ ‘ลาภยศสรรเสริญไม่อาจ ทําให้หวั่นไหว’
เมิ่งจื่อกล่าวไว้ว่า ‘ลาภยศสรรเสริญไม่อาจทําให้หวั่นไหว ความ ความยากจนและทุกข์ยากไม่อาจคลอนแคลน อํานาจไม่สยบ นี่คือ ลูกผู้ชายตัวจริง’
เซียวตงคือลูกผู้ชายอย่างแท้จริง
ระหว่างพูด หลังจากรถทหารผ่านการตรวจสอบต่างๆ นานา ใน ที่สุดก็เข้ามาในฐานปล่อยดาวเทียมจิ่วเฉวียนที่การป้องกันเข้มงวด มี คนมารับเซียวตงโดยเฉพาะ ซูชั่วก็ไปทํารายงานกับหน่วยของตัวเอง ทั้งยังหาคนถอดรหัสแฟลชไดร์ฟอันนั้น ส่วนคนที่มารับหลี่มู่ก็คือ ‘คน คุ้นเคยกันดี’ ฟ่านจู่อั๋ง ข้าราชการระดับสูงหน่วยสนับสนุนยุทธศาสตร์ คนนี้มาอยู่ประจําที่ฐานปล่อยดาวเทียมแล้ว
“ท่านผู้นําทั้งหลายอยากเจอนาย” ฟ่านจู่อั๋งพูดอย่างจริงจัง
หลี่มู่อึ้งไปเล็กน้อย ในใจทอดถอน
ในที่สุดก็จะได้พบกับท่านทั้งหลายที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของอํานาจ ของประเทศแล้วหรือ?
หากเป็นเมื่อห้าหกปีก่อน นี่เป็นเรื่องที่เป็นความฝันชัดๆ
“ข่าวที่เสี่ยวซูส่งกลับมาพวกเรารู้หมดแล้ว เสี่ยวมู่ นายทําให้ฉัน ต้องตกใจอีกครั้งแล้ว หลังจากท่านผู้นําเห็นฉากที่นายฆ่าผู้แข็งแกร่ง ต่างชาติ ก็หาเวลามาฐานที่มั่นโดยเฉพาะ รอนายมาชั่วโมงนึงแล้ว” ฟ่านจู่อั๋งเอ่ย “น้อยครั้งที่จะได้เห็นท่านผู้นําดีใจขนาดนี้ ได้ยินว่ายัง เตรียมเหล้าเหมาไถ มาเป็นการเฉพาะด้วย นี่เป็นการปฏิบัติต่อบุคคล ชั้นยอดของประเทศเชียวนะ ฉันล่ะอิจฉาจริงๆ”
………………………………………