ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่182 เหนือหัวมาเอง
ตอนที่182 เหนือหัวมาเอง
ตอนนี้จ้าวเฉียนเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ซื้อบ้านตามอิสระเสรีในราคาที่ถูกแสนถูก แต่กลับถูกพวกรปภ.ชัดชวางไม่ให้ลงทะเบียน นี่ยิ่งกว่าตัดน้ำเลี้ยงฆ่าพ่อฆ่าแม่กันเลยก็มิปาน
บรรดาฝูงชนมีหรือจะยอม? พวกเขาลงไม้ลงมือกับรปภ.เหล่านั้นทันทีที่มาขวาง ในไม่ช้าพวกพนักงานขายผู้ชายต้องเข้าไปห้ามปรามศึกอีกแรง จนท้ายที่สุดก็พัฒนากลายเป็นความขัดแย้งรุนแรงระหว่างคนสองกลุ่ม
ไม่นานเกินรอ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามาหยุดเหตุทะเลาะวิวาทนี้ลง
หลังจากที่เข้ามาสอบถามเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว ตำรวจนายหนึ่งก็หันไปถามจ้าวเฉียนว่า
“รบกวนแสดงบัตรประชาชนกับบัตรเครดิตของคุณทีครับ”
จ้าวเฉียนเองก็ให้ความร่วมมือกับพวกเขาเช่นกัน และนำบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรเครดิตใบนั้นออกมา ตำรวจนำไปตรวจสอบทันทีก่อนพบว่า มันไม่ได้มีปัญหาอะไร
“อืม…แต่ผมไม่เข้าใจจริงๆนะครับ ทำไมคุณถึงทำการอุจอาจขนาดนี้?”
ตำรวจเอ่ยถามด้วยความงุนงง
จ้าวเฉียนยิ้มตอบไปว่า
“ข้อแรกเลยนะครับ เธอคนนี้สบประมาทผมต่อหน้าฝูงชนว่าไม่มีเงิน ดังนั้นผมจึงอยากประชันกับเธอให้ถึงที่สุด”
“เอาเงินตั้ง300กว่าล้านมาใช้ในเรื่องแบบนี้ คุณไม่รู้สึกเสียดายเลยเหรอครับ?”
ตำถามเอ่ยถามต่อ
“คุณตำรวจ พูดตามตรงเลยนะครับ นี่มันก็เงินผม ที่จริงก็ไม่อยากจะทำแบบนี้เท่าไหร่หรอก แต่เธอทำล้ำเส้นผมเกินไป อย่าว่าแต่300ล้านเลยครับ มากกว่านี้ก็พร้อมหยิบออกมาตบหน้าเธอ”
จ้าวเฉียนกล่าวตอบไปตามความจริง
ตำรวจเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้กับ‘พฤติกรรมคนรวย’ได้เช่นกัน
“ทางเรายืนยันแล้วว่า ข้อมูลธนาคารในบัญชีดังกล่าวตรงกับบัตรประชาชนของเขา ดังนั้นเขามีสิทธิ์ที่จะซื้อบ้านอีกกี่หลังก็ได้ครับ นี่ถือว่าไม่มีความผิด”
ตำรวจนายนั้นหันมาพูดกับหวังซินซิน
แต่หวังซินซินบ่นตอบทันทีว่า
“จะไม่มีความผิดได้ยังไง! มันตัดหน้าฉันขายครึ่งราคา นี่มันกีกระทบกับราคากลางนะคุณตำรวจ! คุณต้องจัดการได้สิ!”
จ้าวเฉียนแสยะยิ้มมุมปากกล่าวไปว่า
“พอดีผมกำลังวางแพลนขายต่อบ้านมือสองน่ะครับคุณตำรวจ ซึ่งเอกสารสัญญาการซื้อขายก็ถูกต้องตามกฎหมายดี ผมก็มีสิทธิ์ขายได้ตราบเท่าที่ผมพอใจไม่ใช่เหรอครับ?”
เจอคำกล่าวนี้ของจ้าวเฉียนเข้าไป หวังซินซินถึงกับพูดไม่ออก พวกตำรวจเองก็ไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงล่าถอยกลับไปทันที
คนที่มาซื้อบ้านพวกนี้ไม่พอใจอย่างมากที่หวังซินซินกีดกันพวกตนโดยไร้ซึ่งเหตุผลแบบนี้ พอยิ่งได้ยินตำรวจยืนยันว่า การกระทำของจ้าวเฉียนไม่มีความผิด พวกเขาจึงลุกหือขึ้นมาทันที
“นี่! อย่ามาขวางพวกเรานะ! ออกไป! ฉันจะลงทะเบียน!”
“ใช่แล้ว! มีกฎหมายข้อไหนที่ไม่อนุญาตให้เจ้าของบ้านขายถูก? หวังฟันกำไรพวกเราล่ะสิ!”
“พวกอสีงหาริมทรัพย์ของตระกูลหวังนี่มันไร้ยางอายจริงๆ! ใจดำมาก!”
หวังซินซินโมโหอย่างมาก เธอตวาดใส่จ้าวเฉียนลั่น
“ฉันจะขายบ้านของฉัน นายออกไป!”
จ้าวเฉียนพยักหน้าตอบและเดินออกไปทันทีด้วยท่าทีแสนหยิ่งผยอง ทันทีที่เห็นเขาเดินจากไป บรรดาฝูงชนทั้งหมดก็แห่แหนวิ่งติดตามกันออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้หวังซินซินกับพวกพนักงานยืนหงอยกันแบบนั้น
ผู้จัดการรีบสอบถามหวังซินซินทันทีว่า
“คุณหนู พวกเราควรทำยังไงกันดี? ถ้าบ้านทั้งห้าหลังนั้นถูกเขาขายออกไปได้จริง คนที่ทำสัญญาซื้อบ้านกับเราก่อนหน้ามีหวังโวยวายกันใหญ่แน่นอน จะให้ลดราคาสู้ก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน ดิฉันกังวลว่า มูลค่าแท้จริงจะลดลงไปด้วยในอนาคต!”
หวังซินซินกระทืบเท้าด้วยความเดือดจัด ตะโกนตอบไปว่า
“ฉันไม่รู้! กำลังคิดหาวิธีอยู่นี่ไง! พวกเธอเองก็รีบหาวิธีแก้ไขเดี๋ยวนี้เลยนะ! แล้วฉันไม่อนุญาตให้พวกเธอลาออกด้วย!”
หลังจากนั้นไม่นาน พนักงานขายคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามารายงานสถานการณ์กับหวังซินซินว่า
“คุณหนู แย่แล้ว! จ้าวเฉียนเปิดตั้งโต๊ะตรงสี่อยกหน้าหมู่บ้าน ประกาศขายห้องชุด40ห้อง กับบ้านเดี่ยวอีก4หลังในราคาครึ่งเดียว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปใครจะมาซื้อบ้านกับเรา?!”
“ไอ้สารเลว! แกคิดจะเล่นแบบนี้กับฉันจริงๆใช่ไหม!!”
หวังซินซินกรนเสียงเย็นยะเยือกขึ้นคำโต
“ดิฉันคิดว่า สถานการณ์แบบนี้ คุณหนูควรโทรรายงานประธานหวังนะคะ บางทีเขาอาจจะช่วยเราแก้ปัญหาได้!”
ผู้จัดการนึกอะไรขึ้นได้ เธอเอ่ยปากแนะนำไปทันที
หวังซินซินพยายามหาทางแก้ไขด้วยตัวเองอยู่สักพักใหญ่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีความคิดดีๆผุดขึ้นมาเลย ในท้ายที่สุดเธอก็ต้องยอมทำตามที่ผู้จัดการเสนอไป และโทรรายงานสถานการณ์ให้พ่อฟังโดยตรง
หวังจิ้งหลินเห็นว่าสถานการณ์ค่อนข้างเลวร้ายมากแล้ว เขาจึงตอบกลับไปโดยไวว่า
“เดี๋ยวพ่อมาดูด้วยตัวเองเลยดีกว่า ลูกอย่าเฝ้ามันไว้ก่อน จะรีบไปหาเดี๋ยวนี้แหละ”
หวังซินซินวางสายและวิ่งออกไปหาจ้าวเฉียนในทันที
ยามนี้เขาครองใจผู้คนได้อยู่หมัด ขณะลงทะเบียนก็ตะโกนลั่นว่า
“เดิมทีมีคนยกมือแค่30คน แต่ยอดลงทะเบียนตอนนี้พุ่งไปกว่า50คนได้แล้ว เราจะตัดสินกับด้วยวิธีจับฉลากนะครับ ขอให้ทุกคนโชคดี!”
ตราบใดที่สามารถเป็นเจ้าขายบ้านหรือห้องคอนโดหรูในราคาที่ถูกได้ ต่อให้ต้องต่อแถวจับฉลาก พวกเขาก็ยอมทั้งนั้น
หวังซินซินเข้ามาพบเห็นภาพฉากนี้พอดี อดคำรามลั่นเสียงดังสนั่นใส่จ้าวเฉียนไม่ได้เลยว่า
“จ้าวเฉียน! แกต้องการจะทำอะไรกันแน่! ทำแบบนี้แล้วมันได้ประโยชน์อะไร? ทุ่มเงินหลักร้อยล้านเพื่อแค่กลั่นแกล้งฉันงั้นเหรอ!?”
จ้าวเฉียนหัวเราะขึ้นมาทันใดและตอบกลับไปว่า
“ก็อย่างที่ผมบอกตำรวจนั่นแหละ คุณล้ำเส้นผมเกินไปแล้ว ถ้าไม่ได้แก้แค้นผมคงนอนตายตาไม่หลับ! จะหนึ่ง สองหรือสามร้อยล้านก็ทุ่มเข้าไปให้หมด! ผมคิดว่ามันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม! อย่าเพิ่งหนีไปไหนนะครับ ถ้ากล้าหนีแสดงว่าคุณไม่แน่จริง!”
“ฮ่าฮ่า…นายคิดผิดแล้วที่เล่นกับฉัน! ก็ลองดูสิ ฉันจะสั่งให้หมู่บ้านตัดน้ำตัดไฟบ้านในแถบนั้นให้หมด! เชื่อไหมว่าฉันกล้า!”
“โอ้ย โอ้ย น่ากลัวจังเลยครับ แต่ได้ข่าวว่าผมทำสัญญาอย่างถูกต้องตามกฎหมายไม่ใช่เหรอครับ? ถ้าคุณกล้าตัดน้ำตัดไฟ ผมก็มีสิทธิ์ฟ้องหมู่บ้านคุณได้ ดีไม่ดีกลับเป็นผมมากกว่าที่ต้องเรียกร้องค่าเสียหายจากคุณ! ถ้าคิดว่ามันไม่ยุติธรรมก็ฟ้องได้นะครับ แต่ระวังขายหน้า!”
ตามที่จ้าวเฉียนกล่าวไปไม่ผิด ทั้งหมดอยู่ภายใต้ขั้นตอนตามกฎหมายทั้งสิ้น และฝ่ายหวังซินซินไม่มีสิทธิ์มาตัดน้ำตัดไฟบ้านของเขาได้ มิฉะนั้นเจ้าของบ้านทั้งห้าหลังก็มีสิทธิ์ฟ้องเรื่องนี้ถึงศาลเช่นกัน
หวังซินซินไม่สามารถเถียงตอบจ้าวเฉียนได้ เธอทำได้เพียงยืนเงียบรอการมาถึงของพ่อ
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา หวังจิ้งหลินก็เดินทางมาถึง และขอให้พวกพนักงานและคนนอกออกไปให้หมด รวมไปถึงหวังซินซินด้วยเช่นกัน เขาต้องการคุยกับจ้าวเฉียนแบบสองต่อสอง
“เจ้าหนุ่มชื่ออะไร? ทำธุรกิจอะไรอยู่?”
หวังจิ้งหลินเปิดฉากถามก่อนทันที
“ชื่อจ้าวเฉียน เป็นแค่คนว่างงาน เข้าเรื่องเลยดีกว่า ผมก็แค่ทำธุรกิจของผมเฉยๆ สัญญาซื้อขายบ้านก็ลงนามกันครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนั้นผมมีสิทธิ์ขายบ้านเหล่านี้โดยชอบธรรม และเธอไม่มีสิทธิ์มายุ่ง!”
จ้าวเฉียนเอ่ยตอบน้ำเสียงหนักแน่น ไม่มีความประหม่าใดๆแม้สักนิด
หวังจิ้งหลินโมโหอย่างมากในตอนนี้ แต่บนผิวเผินเขายังแสร้งทำเป็นยิ้ม และเอ่ยถามน้ำเสียงอย่างเป็นมิตรขึ้นมา
“พ่อหนุ่ม ฉันขอชื่นชมในความกล้านะที่กล้าต่อกรกับตระกูลหวัง อืม…เด็กหนุ่มที่มีไหวพริบแบบนาย จะต้องอนาคตไกลแน่นอนในสายธุรกิจ ดังนั้นฉันไม่อยากมีศัตรูตัวฉกาจอย่างนาย เอาแบบนี้แล้วกันนะ ฉันขอซื้อคืนบ้านจำนวนห้าหลังโดยจะเพิ่มเงินให้อีก10ล้าน นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาแบบวินวินทั้งคู่ พ่อหนุ่มคิดเห็นยังไง?”
จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นและตอบกลับไปว่า
“แค่10ล้าน? ประธานหวังผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นกลับมาค่าแค่10ล้านเท่านั้น!? ตราบใดที่ผมยังมีสิทธิ์ในบ้านจำนวนห้าหลังนี้ ความต้องการของผู้ซื้อคนอื่นๆคงไม่สนใจอีก15หลังที่เหลือแน่นอน เห้ออ…ถ้าขายไม่ออกแล้วจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายดอกเบี้ยธนาคารกันนะ? เครดิตของบริษัทอสังหาริมทรัพย์หวังคงเสียหายไม่น้อย แล้วแบบนี้ยังมีธนาคารไหนกล้าปล่อยกู้ให้อีก? อนาคตของบริษัทกลับมีค่าแค่10ล้านเท่านั้นเองเหรอครับ?”
สิ่งที่หวังจิ้งหลินกลัวที่สุดคือ จ้าวเฉียนจะนำเรื่องราคาบ้านของเขาไปปล่อยให้คนนอกทราบ ถ้าเป็นแบบนั้นขึ้นมาจริง ราคากลางของบ้านจะต้องถูกลดทอนจนต่ำกว่าความเป็นจริง และคงไม่มีคนโง่คนไหนมาซื้อบ้านที่เหลือกับเขาในราคาเต็มอีกต่อไป
ปัญหาใหญ่หลวงที่จะตามมาต่อไปคือ บริษัทอสังหาของเขาจะต้องมีปัญหากับธนาคาร ถ้าไม่มีเงินจ่ายธนาคาร ไม่เพียงแค่เสียเครดิตเท่านั้น แต่ดอกเบี้ยที่เข้ามาทบจะมากขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นตัวเลขมหาศาลเกินจินตนาการ
หวังจิ้งหลินผู้เจนจัดมากประสบการณ์ในวงการธุรกิจตระหนักถึงปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี และเขายินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวแน่นอน ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามไปตามตรงว่า
“ต้องการเท่าไหร่?”
จ้าวเฉียนหลี่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขพร้อมกล่าวว่า
“จะทำธุรกิจต้องหวังผล30%เป็นอย่างน้อย ถ้าน้อยกว่านี้เท่ากับว่าขาดทุนเสียเวลาฟรี ประธานหวังก็คร่ำวอดในวงการนี้มานาน ควรทราบนะครับว่าต้องจ่ายเท่าไหร่?”
หวังจิ้งหลินหน้าถอดสีในทันใด นี่มันจิ้งจอกเฒ่าในคราบเด็กหนุ่มชัดๆ ดวงตาคู่นั้นเย็นยะเยือกลงฉับพลัน เอ่ยถามน้ำเสียงขรึมว่า
“พ่อหนุ่ม ไม่โลภมากไปหน่อยเหรอ? ฉันให้100ล้านพอไหม?”
“ทำไมประธานหวังผู้ยิ่งใหญ่ใจแคบแบบนี้ครับ? ทีแรกผมคิดว่าระดับคุณแล้ว ขั้นต่ำต้องพันล้านหรือหมื่นล้านขึ้นไปนะครับเนี่ย!”
จ้าวเฉียนกล่าวเชิงติดตลก
หวังจิ้งหลินรู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้ชักจะไม่สู้ดีแล้ว ถ้าไม้อ่อนไม่ได้ผล เขาจำเป็นต้องใช้ไม้แข็งแล้ว “รปภ! จับตัวเจ้าหนุ่มนี้เข้าไป!”
หวังจิ้งหลินตะโกนเรียกพวกรปภ.ที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหลังทันที ไม่นานพวกเขาก็ตรงเข้ามาจับตัวจ้าวเฉียนโดยตรง