ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล] - ตอนที่43 ไม่กล้าขัดขืน
ตอนที่43 ไม่กล้าขัดขืน
เมื่อเห็นว่าหวังเฉียงกับเจียงเสี่ยวปิงกำลังจิกหัวต่อยกันอย่างดุเดือด จ้าวเฉียนแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาเป็นถึงผู้จัดการ จะยืนดูลูกน้องทำร้ายร่างกายกันอยู่เฉยๆ ก็กระไรอยู่ เขาต้องเข้าไปหยุดพวกเขาโดยเร็ว
จ้าวเฉียนวิ่งออกไปเรียกเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ อีกสองสามคน และแห่กันไปที่ห้องประชุมเพื่อจับทั้งคู่แยกออกมา
จ้าวเฉียนตวาดเสียงเข้มเข้าตำหนิว่า
“พวกนายกำลังทำบ้าอะไรกัน? นี่บริษัทไม่ใช่บ้านให้เคลียร์ปัญหาเรื่องส่วนตัว!”
หวังเฉียงตอบสวนอย่างโกรธเกรี้ยวว่า
“หุบปากไป! แกยังไม่ได้ขึ้นเป็นผู้จัดการอย่างเป็นทางการ แกไม่มีสิทธิ์!!”
สีหน้าของจ้าวเฉียนมืดขรึมลงทันที กล่าวพร้อมใบหน้าจริงจังว่า
“ผมยังไม่ได้เป็นผู้จัดการอย่างเป็นทางการก็จริง แต่ประธานฟางก็บอกชัดเจนแล้วไม่ใช่รึไง ระหว่างที่เธอไม่อยู่ ฉันมีหน้าที่ดูแลบริษัทแห่งนี้ชั่วคราว ถ้าคุณยังกล้าขัดคำสั่งของผม ผมจะหักเงินเดือนคุณเดี๋ยวนี้! ถ้ายังไม่ฟังอยู่อีก พวกเราเตรียมพบกันที่ศาลได้เลย! ผมจะฟ้องคุณเรื่องสัญญาจ้าง เอาให้หมดตัวไม่เหลือแม้แต่หยวนเดียวเลยคอยดู!!”
การจะอาศัยอยู่ในเมืองที่มีค่าครองชีพสูงอย่างเมืองตงไห่ ถ้าไม่เหลือเงินเลยมันเท่ากับนรกทั้งเป็น ก็เหมือนกับพวกอาชีพนายหน้าหรือพนักงานสินเชื่อรถ ถ้ารายได้ไม่เข้าสักเดือนก็เท่ากับรอวันตาย
หวังเฉียงดูโกรธจัด แต่สุดท้ายจำใจต้องพยักหน้าเชื่อฟัง และเขาก็ยังทิ้งท้ายเจือน้ำเสียงอาฆาตไว้ว่า
“วันนี้แกยังโชคดี รอก่อนเถอะ…อีกไม่นานแกจะต้องร้องไห้คุกเข่าขอขมาฉัน! จำไว้!!”
สิ้นเสียง หวังเฉียงก็เดินจากไป
เจียงเสี่ยวปิงค่อยๆ ทรงตัวขึ้นมาอย่างทุลักทุเล มีบรรดาเพื่อนร่วมงานสาวช่วยกันพยุงขึ้นมา จ้าวเฉียนตรงไปถามเธอทันทีว่า มันเกิดอะไรกันขึ้น แล้วทำไมเธอถึงตะลุมบอนกับหวังเฉียงแบบนั้น
เจียงเสี่ยวปิงปล่อยโฮร้องไห้เกินหักห้าม กล่าวทั้งน้ำตาว่า
“พอนายได้รับตำแหน่งผู้จัดการ เขาก็ไม่พอใจอย่างมาก และดึงฉันเข้าไปตบตีเพื่อระบายอารมณ์ แถมยังบอกอีกว่า ฉันจะกลับไปหานายเพราะตำแหน่งผู้จัดการ พอพูดจบก็เริ่มทุบตีไม่หยุด เขา…เขาชอบทำร้ายฉันตั้งแต่ที่บ้านแล้ว พอเห็นว่าฉันไม่สู้คืน เขาก็ทำกับฉันแบบนี้เรื่อยมา… ฉัน…ฉันสำนึกผิดแล้ว… ตอนที่คบกับนาย ไม่ว่าฉันจะงี่เง่าแค่ไหนนายก็เคยไม่ทุบตีฉันเลย ฉันขอโทษ…ฉันขอโทษ…ฮึกฮึก…”
จ้าวเฉียนแสร้งทำเป็นใสซื่อไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร และเอ่ยถามราวกับพระเอกละครขึ้นว่า
“นี่เธอหมายความว่ายังไง? ก็ฉันไม่ใช่พวกที่ชอบใช้กำลังอยู่แล้ว เธอก็น่าจะรู้ดีหนิ?”
เจียงเสี่ยวปิงส่ายหัวโดยเร็ว
“ฉัน…ฉัน…ฉันขอโทษ ฉันไม่ควรสนใจเขาตั้งแต่แรกเลย ตอนนี้ฉันรู้แล้ว พอเทียบกับเขา นายดีกว่าไม่รู้กี่เท่า ฉันเสียใจ…เสียใจจริงๆ ที่ทิ้งนายและไปเลือกเขา ฮึกฮึก…”
ความหมายที่เจียงเสี่ยวปิงพยายามสื่อออกมาชัดเจนมาก จ้าวเฉียนที่ได้ฟังแบบนั้นก็อดหัวเราะเยาะขึ้นลั่นไม่ได้ ทำเอาเธอตกใจจนหยุดชะงักไปชั่วขณะ
“เธอนี่เป็นคนเอาแต่ใจจริงๆ นะ อยากคบใครก็คบ อยากเลิกกับใครก็เลิก แต่ไม่ต้องกังวลไป ฉันเป็นแค่ผู้จัดการชั่วคราวเท่านั้น บางทีเขาอาจจะกลับคืนตำแหน่งได้ในสักวัน อย่าห่วงไปเลย ช่วงนี้เขาคงอารมณ์ร้ายเป็นพิเศษ ทนๆ ไปหน่อย เดี๋ยวทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมเองแหละ”
เจียงเสี่ยวปิงยิ่งตื่นตะลึงหนักเข้าไปใหญ่ทันทีที่ได้ยินจ้าวเฉียนพูดแบบนั้น ทีแรกเธอมั่นใจอย่างมากว่า จ้าวเฉียนที่เห็นเธออ่อนแอ ทั้งยังสารภาพความในใจทั้งน้ำตาแบบนี้ เขาต้องใจอ่อนยอมกลับมาคบกับเธออีกครั้งแน่นอน แต่ที่ไหนได้ เธอไม่คิดด้วยซ้ำว่า เขาจะพูดปลอบเธอด้วยถ้อยคำแสนเลวร้ายแบบนี้
เมื่อบรรดาเพื่อนร่วมงานเห็นว่า นี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างจ้าวเฉียนกับเจียงเสี่ยวปิงแล้ว พวกเขาก็กล้าอยู่ต่อเป็นก้างขวางคอ ทั้งหมดจึงเดินออกจากห้องไปพร้อมข้ออ้างที่ว่า ขอตัวกลับไปทำงานต่อให้เสร็จ
เจียงเสี่ยวปิงยิ้มขื่น เอ่ยถามขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ว่า
“ฉันพยายามเปิดใจอีกครั้งให้นายแล้ว แต่นายไม่คิดจะเปิดใจให้ฉันอีกสักครั้งเลยเหรอ?”
จ้าวเฉียนตกใจไม่น้อยกับคำพูดนี้ของเธอ มาขอกันทั้งแบบนี้ไม่หน้าด้านเกินไปหน่อยรึไง?
“อ่า…ฉันก็แค่ลูกไก่ตัวน้อยตัวหนึ่งที่พยายามหาเลี้ยงปากท้องไปวันๆ จะใจกว้างรับเลี้ยงคนอื่นไหวได้ยังไง? ฉันขอพูดกับเธอให้ชัดไปเลยนะ ฉันคงไม่กลับไปคบกับเธอแล้วล่ะ นอกจากนี้เธอยังต้องอยู่ร่วมกับหวังเฉียงต่อ ไม่อย่างนั้น…ฉันจะใช้เงินจ้างให้พี่หยางหู่จับเธอทำเมียซะ! ฮ่าฮ่า…คงรู้ใช่ไหมว่า พี่หยางหู่เป็นคนแบบไหน วันไหนเบื่อๆ อาจจะโยนเธอไปให้ลูกน้องในแก๊งเล่นแก้เหงา พอเทียบกับพี่หยางหู่แล้ว ไปถูพื้นขัดส้วมกับหวังเฉิงดีกว่าไหนๆ เลยจริงไหม? อย่างน้อยก็ไม่ตายไวนะ”
“จ้าวเฉียน! นาย…นายยังมีความเป็นมนุษย์อยู่ไหม?! พวกเราเองก็ยังเหลือความทรงจำดีๆ ด้วยกันอยู่ไม่ใช่รึไง นายใช้อำนาจขมขู่ฉันแบบนี้ ไม่กลัวถูกเพื่อนร่วมงานคนอื่นหัวเราะเยาะเอาเหรอ?”
สีหน้าของจ้าวเฉียนช่างเย็นชาไร้ความรู้สึก เขากล่าวตอบพร้อมแววตาแสนเหยียดหยามว่า
“ตอนที่เธอไปได้กับหวังเฉียง ฉันก็ถูกหัวเราะเยาะมาเกินพอแล้ว ถ้างั้น…ฉันยังต้องกลัวอะไรอีก? เสียเวลาพล่ามมามากพอแล้ว จากนี้ต่อไป กลายมาเป็นพวกเธอบ้างแล้วที่ต้องถูกหัวเราะเยาะใส่ เธอถูกย้ายไปที่แผนกการตลาด เพราะฉันไม่ต้องการผู้ช่วย”
คล้อยหลังพูดจบ จ้าวเฉียนก็หมุนตัวกลับและเดินจากไป เจียงเสี่ยวปิงไม่ลดละความพยายาม รีบวิ่งมาตามตื้อเขาพร้อมกล่าวว่า
“นายจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ! จะปลดฉันออกเพียงเพราะนายเกลียดฉัน นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี! แล้วอีกอย่าง…แผนกการตลาดนี่มัน…มันต่างจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการมากเกินไป ฉัน…ฉัน…”
“ฉันไม่สามารถดื่มชาที่เธอชงได้ลงหรอก มือนั่นจับอะไรบนร่างกายของหวังเฉียงมาบ้างแล้วก็ไม่รู้ ฉันรังเกียจน่ะ”
“นาย…”
เจียงเสี่ยวปิงถึงกับพูดไม่ออก ร่างชะงักหยุดไปชั่วขณะ คำพูดคำจาที่ออกมาจากปากจ้าวเฉียนมันชัดเจนมากอยู่แล้ว เขาไม่ชอบเธอ…ไม่สิ…รังเกียจเธอฝังหุ่นเลยด้วยซ้ำ แถมยังบังคับให้เธออยู่กับหวังเฉียงต่อไป มิฉะนั้นเธออาจถูกหยางหู่ขื่นใจและจับเป็นเมียแน่นอน
“จ้าวเฉียน! แกมันไม่ใช่คนแล้ว! คิดจะแก้แค้นฉันด้วยวิธีนี้เหรอ แกไม่ตายดีแน่!”
เจียงเสี่ยวปิงไม่ทำอะไรไม่ถูกแล้วนอกจาก กรนเสียด่าทอไม่หยุดหย่อน เธอรู้สึกขายหน้าเหลือเกิน ที่ต่อจากนี้จะต้องอยู่กินกับพนักงานทำความสะอาดออฟฟิศ รู้ถึงไหนอายไปถึงนั้น แต่เธอก็เลือกไม่ได้เช่นกัน เพราะรู้ดีว่าหยางหู่คือใครและโหดแค่ไหน
หวังเฉียงหยิบข้าวของตัวเองในห้องทำงานขนออกไป ระหว่างนั้นเองก็เดินเข้าไปข้างๆ จ้าวเฉียนที่กำลังนั่งอยู่และกล่าวขึ้นว่า
“ผู้จัดการจ้าว เอาแบบนี้ดีกว่า มอบตำแหน่งกลับคืนมาให้ผมก่อน แล้วมาเป็นผู้ช่วยผมก่อนสักพัก เฝ้าศึกษาดูงานจนกว่าจะคล่อง ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกทีดีไหม?”
จ้าวเฉียนส่ายหัวและตอบว่า
“ไม่ ผมจัดการเรื่องของผมเองได้ ส่วนคุณย้ายของออกไปจากห้องทำงานของผมซะ”
หวังเฉียงไม่เพียงเศร้าใจอย่างยิ่ง แต่ยังโมโหมากอีกด้วย
“จ้าวเฉียน แกนี่จะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ฉันเคยเป็นถึงผู้จัดการมาก่อน แล้วตอนนี้นายให้ฉันมาเป็นแม่บ้านทำความสะอาด แล้วเพื่อนร่วมงานที่เหลือจะมองฉันยังไง? นายคิดบ้างสิ!!”
จ้าวเฉียนไม่คิดที่จะปิดบังเจตนาความตั้งใจแต่อย่างใด และกล่าวตอบไปตามตรงว่า เพราะคิดแล้ว ทุกอย่างเลยลงเอยอย่างที่เห็นไง
พอได้ฟังแบบนั้น หวังเฉียงก็ยิ่งโกรธจัด จนโยนข้าวของลงบนโต๊ะดังปัง ตะวาดใส่ไปคำโตว่า
“นี่แกเอาแต่พูดว่า นี่ไม่ใช่การแก้แค้นโดยส่วนตัว ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ แล้วเมื่อกี้ที่พูดออกมาคืออะไร? นี่มันจงใจแกล้งกันชัดๆ!”
“ก็เพราะเห็นแก่ส่วนร่วมไง แถมยังเป็นห่วงว่านายอาจต้องจ่ายค่าชดเชยค่าฉีกสัญญาจ้างจนหมดตัว เลยพยายามรั้งให้นายอยู่ต่อนี่ไง แต่พอดีเหลือแค่ตำแหน่งแม่บ้านว่างพอดีน่ะ ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ โอ๋ะใช่แล้ว….ฉันว่าแอร์ในห้องมันไม่ค่อยเย็นเลย หลังจากออกไปเห็บของเสร็จช่วยมาล้างแอร์ให้ทีนะ แล้วตอนที่ฉันเข้าห้องน้ำ กลิ่นนี่ใช้ไม่ได้เลย ล้างแอร์เสร็จก็อย่าลืมล้างด้วย นายไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธหรอกนะ”
น้ำเสียงของจ้าวเฉียนฟังดูห้วนมาก ทั้งยังปัดข้าวของของหวังเฉียงลงจากโต๊ะ จนร่วงกราวระเรระนาดทั่วพื้น หวังเฉียนรู้สึกอัปยศอย่างที่สุดในชีวิต แต่ก็ไม่กล้าพูดจาอะไรโต้ตอบอีกต่อไป พร้อมก้มตัวลงไปเก็บข้าวของเหล่านั้นขึ้นจากพื้น และเดินออกจากห้องทำงานผู้จัดการไป
เมื่อมาถึงห้องเก็บของพนักงานทำความสะอาด เขาก็โกรธจัดโยนข้าวของกองลงกับพื้นอย่างแรง แต่หลังจากนั้นไม่นาน เจียงเสี่ยวปิงก็แอบเข้ามาหา
หวังเฉียงหันไปเหลือบมองเล็กน้อยและเอ่ยถามขึ้นว่า
“มาทำไม ยังหัวเราะเยาะฉันไม่พอรึไง?”
เจียงเสี่ยวปิงค่อยๆ ตรงเข้าไปกอดหวังเฉียน และกล่าวเสียงแผ่วขึ้นว่า
“คุณชายหวังของฉัน นี่นายคิดว่าฉันจะเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนั้นจริงๆ เหรอ? ฉันยอมรับนะว่า ทีแรกที่เลือกนาย ฉันมองแค่ตำแหน่งหน้าที่การงาน แต่แล้วยังไงล่ะ? ที่จริงยังมีอีกหลายคนที่ผ่านมาเข้ามากมายในชีวิตฉัน พวกเขามีดีกว่านายตั้งเยอะแยะ แต่ที่ไม่ไปไหนเพราะฉันรักนายไงล่ะ เมื่อกี้ขอโทษนะ…พอดีฉันหงุดหงิดเกินไปหน่อย”
หวังเฉียนร่าเริงขึ้นในพริบตา พร้อมถามย้ำกับเจียงเสี่ยวปิงว่า เธอพูดคาวมจริงใช่ไหม?
เจียงเสี่ยวปิงยกมือขึ้นสาบานทันที
“ถ้าฉันโกหกนาย ขอให้ฟ้าผ่าใส่เลย ทีนี้จะเชื่อฉันได้ยัง?”
หวังเฉียนระเบิดหัวเราะอย่างมีความสุข เขาพยักหน้าและขอให้เธอเชื่อใจอีกสักครั้ง
เจียงเสี่ยวปิงยังคงถามต่อว่า
“ฉันเต็มใจฝ่าฝันความลำบากไปพร้อมกับนาย แต่นายอย่าถอดใจง่ายๆ ช่วยกันขัดขวางไม่ให้จ้าวเฉียนคว้าตำแหน่งผู้จัดการได้เด็ดขาด ถึงในอนาคตนายจะไม่ได้เป็นผู้จัดการแล้วก็ตาม แต่ก็อย่าให้มันได้เป็นเช่นกัน มิฉะนั้นอนาคตของเราในบริษัทแห่งนี้คงแย่แน่นอน คิดดูสิว่า มันจะคอยสร้างปัญหาให้เรามากมายขนาดไหนหลังจากนี้?”
หวังเฉียนลูบหัวเจียงเสี่ยวปิงอย่างทะนุทะนอมและตอบกลับด้วยความมั่นใจว่า
“นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว หวังเฉียงคนนี้ไม่มีทางปลอมให้ไอ้จ้าวเฉียนได้ใจไปมากกว่านี้แล้ว! ฉันจะไม่จบลงแค่นี้แน่นอน! ฉันมีแผนเตรียมรับมือไว้อยู่แล้ว อีกไม่กี่วันรอดูได้เลย!”
เจียงเสี่ยวปิงกล่าวชื่นชมอย่างยิ้มแย้มขึ้นว่า
“ฉันรู้ว่านายทำได้ นี่แหละคือหวังเฉียงคนที่ฉันรัก!”
เมื่อเห็นว่าแฟนสาวของตนซื่อสัตย์และจริงใจต่อเขาขนาดนี้ ภายในใจหวังเฉียนเปี่ยมล้นไปด้วยเปลวไฟที่ลุกโชนอีกครั้ง
เจียงเสี่ยวปิงยิ้มเยาะอย่างลับๆ ไอ้เดนมนุษย์จ้าวเฉียน แกรอดูได้เลย!