ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1264 เสียงพิณกลายเป็นกระบี่ ท่วงทำนองเข้าสู่มรรคาวิถี
ปีศาจสามตนที่เหลือเห็นดังนั้นต่างตกตะลึง จากนั้นในที่สุดก็บังเกิดความเย็นเยียบในส่วนลึกของจิตใจ
อีกฝ่ายทั้งๆ ที่ทราบแล้วว่าการเข้ามาในตำหนักโอสถในครั้งนี้ของพวกตนมียอดฝีมือระดับสุดยอด กลับยังกล้าสังหารโดยไร้ข้อกริ่งเกรงเช่นนี้
ในเมื่อฆ่าเกาหลิ่งแล้ว นั่นหมายความว่าต้องการฆ่าพวกเขาสามคนจนหมดสิ้นอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน
ปีศาจจิ้งจอกหัวเราะ “ประเสริฐ ประเสริฐ ประเสริฐนัก! พวกท่านกล้าลงมือ หมายความว่าพวกท่านยังคิดช่วงชิงตำหนักโอสถนี้กับท่านบรรพบุรุษ หาที่ตายเองแท้ๆ ท่านบรรพบุรุษจะต้องน้อมสนองให้ พวกเราพี่น้องขอไปก่อน จะรอพวกท่านอยู่บนเส้นทางไปปรโลก!”
“พิรี้พิไร” จักรพรรดิสัญญะเมฆส่ายหน้า ออกกระบี่ติดต่อกัน แทงปีศาจกระทิงดำกับปีศาจจิ้งจอกสองตนที่เหลืออยู่จนตาย
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “เรื่องราวไม่อาจชักช้า พวกเรารีบออกเดินทางเถอะ”
สามคนออกเดินทางต่อ มุ่งหน้าไปยังทิศทางของโกดังสมุนไพร
เยี่ยนจ้าวเกอขณะเดินทาง ความจริงความสนใจมีอยู่ส่วนหนึ่งอยู่ที่ตัวจักรพรรดิสัญญะเมฆโดยตลอด รักษาความระมัดระวัง
สำหรับจักรพรรดิเมฆแล้ว สุดท้ายก็ต้องการเตาโอกสถล้ำค่าเช่นเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ ของวิเศษทรัพยากรอย่างอื่นในตำหนักโอสถ ในสายตาของเขาอยู่รองลงไป โดยเฉพาะตอนนี้นอกจากวิญญาณตำหนักแล้ว ยังอาจจมีปีศาจกวางขาวจอมปีศาจในตำนานสอดมือเข้ามา
จักรพรรดิสัญญะเมฆเผชิญมรสุมมาหลายปี อันตรายที่เคยพบมีอยู่มากมายเหลือคนานับ จิตใจแน่วแน่ ไม่กลัวอันตราย แต่ถ้าหากสิ่งที่จะได้มากับความเสี่ยงที่จำเป็นต้องแบกรับไม่สอดคล้องกัน เสี่ยงอันตรายยิ่งใหญ่กลับได้ประโยชน์อย่างจำกัด เช่นนั้นหากไม่มีเหตุผลพิเศษ จักรพรรดิสัญญะเมฆใช่ว่าจะยินดีเสี่ยงแล้ว
ในมุมมองด้านหนึ่ง การคิดหาวิธีชิงเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับจากมือของเยี่ยนจ้าวเกอในสถานการณ์ตอนนี้ เกรงว่าจะง่ายดายกว่าเล็กน้อย
เวลาแบบนี้ เยี่ยนจ้าวเกอย่อมต้องระวังจักรพรรดิเมฆสองศิษย์อาจารย์สร้างความลำบากอย่างกะทันหัน หรือว่าฉวยโอกาสตอนที่เขาต่อสู้กับคนอื่น ทำตัวเป็นชาวประมงได้ประโยชน์
จักรพรรดิเมฆบอกว่าไม่ยินยอมกลับไปมือเปล่า ถ้าหากมีโอกาสชิงเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับมาได้ ย่อมไม่นับว่ากลับไปมือเปล่าแล้ว
ถึงจักรพรรดิสัญญะเมฆจะสังหารจอมปีศาจสี่ตนนั้นด้วยตัวเอง ตัดความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกับเผ่าปีศาจ แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ เยี่ยนจ้าวเกอกลับยิ่งระวังตัวกว่าเดิม
คนที่อำมหิตเด็ดเดี่ยวเช่นจักรพรรดิเมฆ ไม่มีโอกาสยังพอทำเนา หากว่ามีจะต้องไม่มีการลังเลใดๆ แน่นอน
สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดอย่างแท้จริงไม่ใช่โอสถเซียนในโกดังโอสถ ยาวิญญาณในโกดังสมุนไพร สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลพลอยได้
สิ่งที่เขาต้องการคือตำหนักโอสถทั้งตำหนัก เมื่อได้ตำหนักโอสถนี้มาครอง แผนการที่ตอนแรกหยุดบนหน้ากระดาษจะมีโอกาสกลายเป็นจริง
คนทั้งสามไม่พูดอะไรกัน เคลื่อนไหวอยู่ในจักรวาลตำหนักโอสถอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่พวกเขาเริ่มเข้าใกล้อาณาเขตที่โกดังสมุนไพรอยู่ กลางอากาศพลันมีเสียงพิณดังขึ้น ไพเราะแผ่วโผย
ทว่าเสียงพิณเหมือนกลายเป็นระลอกคลื่นที่จับต้องได้หลายระลอก กระเพื่อมไปทั่ว มิติจักรวาลพังทลายเสื่อมโทรม
ในระลอกคลื่นทรงโค้งกลับปรากฏเจตจำนงกระบี่อันคมกล้า ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกว่าวิญยาณถูกทะลวง
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฮ่อเหมี่ยนต่างขมวดคิ้ว เป็นเพราะว่าพวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า เจตจำนงกระบี่อันคมกล้ากับการคุกคามจากคลื่นเสียง คล้ายไม่เห็นญาณจริงแท้ของจอมยุทธ์ที่เหนือกว่าจอมยุทธ์มนุษย์ธรรมดาโดยสิ้นเชิง
การระวังป้องกันกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
“เซียนลี้ลับสงบนิ่ง มนุษย์ไม่อาจรบกวน…” เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตา “เจตจำนงกระบี่ที่อันตรายเช่นนี้ วิชากระบี่สายเหนือพิสุทธิ์ แตกฉานเรื่องทำนอง ใช้พิณแทนกระบี่…”
เขาหันไปมองจักรพรรดิสัญญะเมฆกับเฮ่อเหมี่ยน “ตรงหน้าเป็นกษัตริย์อนันต์?”
กษัตริย์อนันต์จางปู้ซวี ในอดีตเคยได้รับการขนานนามเป็นเจ็ดปราชญ์แห่งมรกตท่องฟ้า ร่วมกับกษัตริย์ลี้ลับเกาชิงเสวียน จักรพรรดิเมฆอวิ๋นเจิงนักพรต
คนผู้นี้ขึ้นชื่อในเรื่องท่วงทำนองเพลง ใช้พิณแทนกระบี่ สร้างเส้นทางขึ้นมาใหม่
อันคำว่า ‘ปู้ซวี’ (ย่ำอากาศ) ความจริงแล้วหมายถึงการพลิกแพลงท่วงทำนองในตอนที่นักพรตท่องคาถาบนแท่นบูชา ว่ากันกว่าเขามีท่วงทำนองเหมือนกับเหล่าเซียนเหาะเหินเหยียบย่างอากาศ จึงได้ชื่อว่า ‘ปู้ซวีเซิง’ (เสียงย่ำอากาศ)
กษัตริย์อนันต์ กษัตริย์ลี้ลับเกาชิงเสวียน จักรพรรดิกระบี่ตี๋ชิงเหลียนเป็นลูกศิษย์สำนักเดียวกันของกษัตริย์เถา บูรพาจารย์ชราแห่งมรกตท่องฟ้า
เขามีชื่อเดิมว่าจางชิงเฉา มีคำว่า ‘ชิง’ (พิสุทธิ์) อยู่กลางชื่อ คำที่สามมีความหมายเกี่ยวกับน้ำเหมือนกับเกาชิงเสวียนและตี๋ชิงเหลียน
เพียงแต่ต่อมาเขาบรรลุมรรดาวิถีด้วยท่วงทำนองเพลง มีความสำเร็จสูงส่ง หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่สามารถงอนิ้วนับได้ ดังนั้นมีคนเรียกเขาว่า ‘ปู้ซวีเซียน’ (เซียนเหยียบอากาศ)
ภายหลังชื่อของจางปู้ซวียิ่งมายิ่งขจรขจาย ชื่อเดิมไม่ค่อยมีใครเรียกอีก
รอเขามีความเห็นต่าง ออกจากมรกตท่องฟ้า ชื่อเดิมก็แทบไม่ได้ใช้อีก ผู้คนจึงเรียกเขาว่าจางปู้ซวี
“มิผิด เป็นสหายร่วมเส้นทางจาง” จักรพรรดิสัญญะเมฆพยักหน้าตอบคำถามของเยี่ยนจ้าวเกอ สีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ ไม่มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
เฮ่อเหมี่ยนกล่าวเสียงเบา “ท่านอาจารย์ กษัตริย์อนันต์คล้ายกำลังต่อสู้อยู่”
“สหายร่วมเส้นทางจางมาเพราะตำหนักโอสถเช่นกัน วิญญาณตำหนักดูเหมือนจะอยู่ที่นี่ สหายร่วมเส้นทางจางกำลังสู้กับเขาอยู่” จักรพรรดิเมฆตาเป็นประกายเล็กน้อย “ระวังตัวด้วย ปีศาจกวางขาวตนนั้นตอนนี้ไม่ทราบอยู่ที่ไหน วิญญาณตำหนักโอสถยุ่งกับพิธีเกิดใหม่ในร่างมนุษย์ ตอนนี้ค่อนข้างอ่อนแอ ปีศาจกวางขาวยังน่ากลัวกว่ามัน”
เฮ่อเหมี่ยยนรีบพยักหน้า
เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังความว่างเปล่าไกลออกไป ซึมเซาอยู่บ้าง
พวกเขาถอยท่าร่างไปนอกวงล้อม หลีกเลี่ยงไม่ให้เสียงพิณกระทบโดน จักรพรรดิเมฆถึงไม่กลัวคลื่นหลงเหลือเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้เข้าใกล้
กระนั้นในขณะนี้เสียงพิณอ่อนลง เสียงอันกระจ่างใสเสียงหนึ่งดังมา “เป็นสหายร่วมเส้นทางอวิ๋นเจิง?”
“สหายร่วมเส้นทางจาง สบายดีหรือไม่” จักรพรรดิเมฆตอบอย่างราบเรียบ
“มิกล้ากล่าวว่าสบายดี” อีกฝ่ายเอ่ยอย่างจริงใจ “ไม่คิดมาก่อนเลยว่าตำหนักโอสถของวังเทพในตำนานไม่เพียงไม่พินาศ วิญญาณตำหนักยังมีสติปัญญาเป็นของตัวเอง ถึงดูออกว่ามันมีอาการบาดเจ็บเก่า ข้ากลับไม่มีความมั่นใจว่าจะชนะได้ กระนั้นมันคล้ายกับกำลังดำเนินพิธีการบางอย่าง ยากเพ่งสมาธิ ทำให้ข้ามีโอกาส แต่ไม่ทราบว่าจะทันเวลาหรือไม่”
กษัตริย์อนันต์พูดไม่ทันจบก็มีเสียงที่เย็นชาอีกเสียงดังขึ้น “พวกโจรชั่ว ฉวยโอกาสตอนข้าตกอยู่ในอันตราย ช่างเพ้อฝันนัก”
เสียงเย็นเยียบเสียดกระดูำ ทำให้ผู้คนสั่นระริก
ด้านในเผยให้เห็นความแข็งกระด้างและความเย็นแบบเครื่องจักร แต่กลับเหมือนแฝงความเดือดดาลและความเคียดแค้นอันร้อนเร่าเอาไว้
พอได้ยินวิญญาณตำหนักพูดเหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตจริงๆ พวกเยี่ยนจ้าวเกอต่างเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดในใจ
กษัตริย์อนันต์ไม่สนใจวิญญาณตำหนักโอสถ กล่าวขึ้นว่า “สหายร่วมเส้นทางอวิ๋นเจิงไยไม่มาช่วยข้าอีกแรง ไม่ว่าระหว่างพวกเราจะมีความเห็นต่างอย่างไร อย่างน้อยตอนนี้ก็สามารร่วมมือกันได้ ตำหนักโอสถมีทรัพย์สมบัติมหาศาล สุดท้ายสามารถตกมาอยู่ในมือผู้สืบทอดกระแสตรงสายเหนือพิสุทธิ์ ตกมาอยู่ในมือสามพิสุทธิ์สายหลักเช่นพวกเรา”
“มีบางสถานการณ์ที่จำเป็นต้องแจ้งให้ท่านทราบก่อน” จักรพรรดิเมฆไม่ปิดบังเขา “ยอดฝีมือที่เป็นผู้นำในเข้ามาในครั้งนี้ของเผ่าปีศาจนั้นไม่ธรรมดา เป็นไปได้ถึงขีดสุดว่าจะเป็นกวางขาว พาหนะของเทพโซ่วซิงในวังเทพก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในตำนาน ปีศาจเฒ่าบรรพกาล พลังเหี้ยมหาญ อีกทั้งยังคุ้นเคยกับสภาพของที่นี่”
ในเสียงของกษัตริย์อนันต์มีความประหลาดใจอยู่หลายส่วน “อ้อ? ถึงกับเป็นปีษาจเฒ่าออกโรงด้วยตัวเอง?”
………………..