ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1324 ราชันพระเสาร์ที่คับข้อง
ถึงแม้ทุกฝ่ายจะมีจุดยืนเป็นศัตรู แต่เยี่ยนจ้าวเกอสำนึกตัวว่า หากสมมติให้ตัวเองไปอยู่ในตำแหน่งของเจี่ยงเซิ่น ก็คงเหนื่อยใจยิ่ง
ยังไม่เอ่ยถึงราชันพระอาทิตย์เกาหาน ครั้งกระโน้นเขาเองก็เป็นฝ่ายตรงข้ามที่อันดับหนึ่งของเจี่ยงเซิ่น
เจี่ยนซุ่นหวาราชันพระราหู ขึ้นชื่อเรื่องการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว ไม่สนใจผู้ใด ไม่แน่ว่าจะสร้างข่าวใหญ่ออกมาตอนไหน
ราชันพระจันทร์หลิงชิงปกติไม่แสดงท่าที ดูไว้ใจได้มากกว่าเกาหานกับเจี่ยนซุ่นหวา แต่ก็ว่ากันว่าเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองมากคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะร่วมรุกร่วมถอยกับเกาหาน หากแต่ราชันพระอาทิตย์คงไม่กล้าบอกว่าสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวทั้งหมดของนางได้
ราชันพระอังคารสั่วหมิงจางรักสันโดษ ไปไหนมาไหนคนเดียว แต่เมื่อเทียบกันแล้ว เป็นคนไม่อะไรกับผู้ใด สนใจการฝึกฝนวรยุทธ์บำเพ็ญเต๋ามากกว่า
เจียนเซิ่นไม่กลัวว่าเขาจะมีแผนการอะไร แต่เทียบกันแล้ว ไม่มีใครสามารถชี้นิ้วบกการสั่วหมิงจางได้
ข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวอาจเป็นราชันพระพฤหัสบดีเซ่าจวินหวง แต่เซ่าจวินหวงกับเจี่ยงเซิ่นมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องทิศทางใหญ่
เยี่ยนซิงถางราชันพระศุกร์ยอมหักไม่ยอมงอเหมือนกับกระบี่ บางครั้งถึงขั้นสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าแก่เจี่ยงเซิ่นยิ่งกว่าเกาหานกับเซ่าจวินหวงเสียอีก
เฉินเสวียนจงราชันพระพุธแทบบอกได้ว่าเป็นคนที่มีนิสัยเยือกเย็นที่สุดในเก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่ แต่เป็นเพราะเยือกเย็น ดังนั้นไม่ว่าเป็นเรื่องใหญ่เรื่องเล็กเขาจึงไม่จดจำใส่ใจ ไม่ได้มีการเอนเอียงทางจุดยืนที่ชัดเจน
ความรุ่งเรืองของสำนักเต๋าสายหลักนับว่าเป็นเรื่องที่เขาค่อนข้างให้ความสนใจ เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้เอนเอียงไปทางจักรพรรดิโกวเฉินหรือจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋
กระนั้นเขาก็ค่อนข้างสนิทกับเยี่ยนซิงถางราชันพระศุกร์ ครั้งกระโน้นได้เข้าร่วมเรื่องการบุกเบิกโลกซ้อนโลก เพราะเยี่ยนซิงถางติดต่อ
ดังนั้นเหมือนกับที่เซ่าจวินหวงมีอิทธิพลต่อสั่วหมิงจาง ในตอนที่มีชีวิตเยี่ยนซิงถางก็มักมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเฉินเสวียนจงเช่นกัน
จนกระทั่งเยี่ยนซิงถางเสียชีวิต จุดยืนของเฉินเสวียนจงค่อยเปลี่ยนไปอยู่จุดกึ่งกลางใหม่ เจี่ยงเซิ่นขอให้เขาช่วยเหลือ หากช่วยได้ เฉินเสวียนจงมักลงมือ แต่ว่าหวังให้เขาทำสุดความสามารถ พลีชีพไม่สนใจความตาย กลับยากเย็นยิ่ง
หยางเซ่อราชันพระเกตุยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เยี่ยนจ้าวเกอคิดว่า ขอแค่เจียงเซิ่นคิดถึงใต้เท้ากษัตริย์เร้นลับ ก็จะรู้สึกคับข้อง
เก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่ล้วนเป็นคนโดดเด่น ร่วมกันส่องแสงให้แก่ยุคสมัยหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ กลายเป็นประกายแสงแรกของสำนักเต๋า
แต่ไม่ทราบว่าเป็นเพราะยิ่งเก่งกาจเท่าใด ยิ่งมีลักษณะนิสัยเฉพาะตัวมากเท่านั้นหรือไม่ ต่างคนต่างไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน เป็นเหตุให้ตอนสุดท้ายต้องไปตามทางของใครของมัน
ขณะที่ทำให้คนทอดถอนใจ กลับเหมือนเป็นเรื่องที่ร้องเกิด
“คนอย่างราชันพระเสาร์ บางทีอาจนึกทบทวนบ่อยครั้ง แต่ไม่อาจโยกคลอนง่ายๆ” เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ “ถึงทุกคนจะเป็นศัตรู แต่ไม่อาจไม่ยอมรับว่า ความมุ่งมั่นด้านจิตใจของคนที่ผ่านมรสุมมากมายขนาดนั้น สุดที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้ ยิ่งเหลือคนเดียวไร้ผู้ช่วยเหลือ กลับอาจแน่วแน่ยิ่งกว่าเดิม”
อาหู่พอฟังก็หัวเราะอย่างสัตย์ซื่อ “ถูกราชันพระอาทิตย์เล่นงานเช่นนี้ ต่อจากนี้เขาจะเปลี่ยนเป็นหวาดระแวง ไม่เชื่อใครนอกจากตัวเองแล้ว?”
เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “นั่นยากจะบอกแล้ว”
หลังจากแต่ละคนพูดคุยหยอกล้อกัน อาหู่กับเสี่ยวอ้ายก็นั่งสมาธิ สูดแก่นของกลิ่นโอสถเพื่อฝึกฝนต่อ
เยี่ยนจ้าวเกอับกับเฟิงอวิ๋นเซิงทอดน่องอยู่กลางป่า
“ถึงแม้ว่าจะเคยไปถึงจักรวาลแดนสุขาวดีศาสนาพุทธ ไปถึงโลกที่ชื่อว่าแดนขวางกั้นพร้อมกับท่าน แต่ถ้าไม่ใช่เพราะการเคลื่อนไหวของนพยมโลกในครั้งนี้ ข้าไม่ทราบจริงๆ ว่า โลกถึงกับมีการดำรงอยู่ของโถงเซียน” เฟิงอวิ๋นเซิงทางหนึ่งเดิน ทางหนึ่งถอนใจพลางกล่าว “ยังมีเทวกษัตริย์ไร้ประมาณนั้น ช่างสุดจินตนาการจริงๆ”
เยี่ยนจ้าวเกอหยีตาเล็กน้อย “ในนี้เกรงว่าจะมีเลศนัยมากมาย เพียงแต่ตอนนี้เรามีเบาะแสในมือจำกัด ต่อให้คาดเดาอย่งไร ก็เหมือนคนตาบอดลูบคลำช้าง”
เขาเอ่ยเสียงเบา “วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในครั้งนั้นมีเรื่องราวที่พวกเราไม่เข้าใจเกิดขึ้นมากมาย”
เว้นเล็กน้อย เยี่ยนจ้าวเกอก็กล่าวเสริม “ตอนนี้ความจริงยังมีเรื่องมากมายไม่อาจยืนยัน ได้แต่คาดเดาดู”
“ปีศาจกวางขาวที่มีพลังเทียบกับจ้าวสวรรค์ของสำนักเต๋าเราตามหาตำหนักโอสถ กับผู้ร่วมทางของเขาไม่ได้เกี่ยวพันกับแค่เผ่าพันธ์จิ้งนอกหน้าขาว ยังมีเผ่าจิ้งจอกหน้าหยกและปีศาจกระทิงซึ่งเกี่ยวข้องกัน นี่แสดงให้เห็นเป็นนัยๆ ว่า อาจไม่ได้มีแค่ปีศาจกวางขาวที่ลงมือ”
หลังจากเร้นกายหลังยุคไซอิ๋วเพื่อฟื้นฟูกำลังเผ่าปีศาจที่ เผ่าปีศาจก็เริ่มมีความคิดก่อหวอดแล้ว
“โถงเซียน แดนสุขาวดี ตอนนี้ยังมีเผ่าปีศาจโผล่มา สถานการณ์สับสนยิ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ต่อให้ในเวลาส่วนใหญ่นพยมโลกจะเป็นศัตรูของทุกๆ ฝ่าย ไม่แน่ว่าอาจมีการร่วมมือกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชั่วคราวก็ได้”
ไม่มีใครมองข้ามการดำรงอยู่ของนพยมโลก
แม้จะเป็นจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กับจักรพรรดิโกวเฉิน ในยุคที่ยากลำบากหลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ก็ไม่เคยลืมเลือนนพยมโลก
ไม่อย่างนั้นคงไม่มีการเคลื่อนไหวของเจี่ยนซุ่นหวาราชันพระราหู
เพียงแต่ว่า จับตาดูมารสวรรค์ปัจฉิมธรรมมาตั้งแต่แรก หรือว่าเป็นเจี่ยนซุ่นหวาเปลี่ยนแปลงแผนดั้งเดิมอย่างกะทันหัน ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอยังไม่อาจยืนยัน
เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้าอย่างเงียบงัน “พูดถึงนพยมโลก…”
“ในการฝึกฝนของคนจากเส้นทางนอกรีต จะอาศัยแสงวิเศษและแสงพุทธ พวกเขาไม่เพียงแต่มีความเร็วในการรุดหน้าสูงเท่านั้น” นางหยุดฝีเท้า หันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ “มิหนำซ้ำยังอาจเลื่อนสู่ระดับที่พลังฝึกปรือของตนเองไม่อาจไปถึง?”
เยี่ยนจ้าวเกอหยุดเดินเช่นกัน พยักหน้า “มิผิด สถานการณ์อย่างเป็นรูปธรรมแตกต่างไปตามแต่ละคน ตอนแรกยิ่งเป็นคนที่ธรรมดาเท่าไร เทียบกันแล้วผลลัพธ์อาจจะดีกว่า”
ไม่เพียงแต่มาจากคำอธิบายของพวกสั่วหมิงจาง เฉินเสวียนจง และเยว่เจิ้นเป่ยเท่านั้น ตัวเยี่ยนจ้าวเกอเพื่อตามหาสั่วหมิงจางในตอนแรก ได้แอบลักลอบเดินทางไปยังโลกของโถงเซียนจำนวนไม่น้อย
ตอนที่ได้ไปถึงแดนสุขาวดีศาสนาพุทธเป็นครั้งแรก เพื่อตามหาเส้นทางกลับจักรวาลสำนักเต๋า นอกจากแดนขวางกั้นแล้ว ก็ได้ไปยังโลกของแดนสุขาวดีเป็นจำนวนมากเช่นกัน
จอมยุทธ์เส้นทางนอกรีตที่เยี่ยนจ้าวเกอได้สัมผัสด้วยตัวเอง ไม่ว่าพลังฝึกปรือจะสูงหรือต่ำต่างมีอยู่ไม่น้อย ในคัมภีร์มีการบันทึกสถานการณ์ของจอมยุทธ์ศาสนาพุทธก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ไว้ เขาจึงมีความเข้าใจทางด้านนี้ดียิ่ง
คนที่ต่อให้ตั้งใจฝึกฝนก็ได้แต่หยุดอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบ เมื่อสวามิภักดิ์กับเส้นทางนอกรีต บางทีอาจมีโอกาสผลักเปิดประตูเซียน
คนที่พึ่งพาตัวเองหากแต่หยุดอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ เมื่อสวามิภักดิ์กับเส้นทางนอกรีต ไม่เพียงแต่มีหวังที่จะสำเร็จระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ถึงข้้นอาจสูงกว่านี้
แน่นอนว่า ต่อให้สูงกว่าเดิมก็ไม่มีทางสูงมากเกินไป เพียงแต่ว่าถ้าพื้นฐานดั้งเดิมแย่อยู่แล้ว โอกาสเพิ่มระดับของขีดจำกัดบนก็อาจจะสูงกว่าเดิมเล็กน้อย
“ข้ายังจำความปั่นป่วนที่เกิดจากการก่อตัวของบึงน้ำไร้ขอบเขต ในตอนที่อยู่บนโลกแปดพิภพได้ดี” เฟิงอวิ๋นเซิงทบทวน “ในนี้มียอดฝีมือผู้อาวุโสจำนวนไม่น้อยร่วมหล่นสู่วิถีมาร ควบคุมตัวเองไม่ได้อีก”
“สาเหตุที่พวกเขาบังเกิดจิตมารเพราะการล่อลวงจากบึงน้ำไร้ขอบเขตของนพยมโลก ส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าอายุขัยใกล้หมดลง กลับไม่มีหวังในการรุดหน้า เพื่อหลีกหนีจากอายุขัยซึ่งกำลังจะสิ้นสุด ดังนั้นจึงลองเสี่ยง เพื่อที่จะเลื่อนจากระดับพลังฝึกปรือในปัจจุบัน เพื่อให้ได้มาซึ่งการเพิ่มขึ้นของอายุขัย”
เฟิงอวิ๋นเซิงขมวดคิ้ว “ท่านว่าจะมีคนที่ยินยอมเข้ากับเส้นทางนอกรีต ยอมรับการชำระล้างเพราะสาเหตุนี้หรือไม่?”
………………..