ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1788 ตัวเลือกที่แท้จริง
คนในสำนักเต๋ามองหน้ากัน
ลู่ยาเต้าจวินคนที่ดำเนินการวางหมากบนนพยมโลกในตอนนี้ ใช้สารีริกธาตุศากยมุณีเชิญมหาวิทยราชมยุรีลงมือช่วยเหลือ สะกดเหล่าพุทธะศาสนาพุทธก่อน
แต่ด้านหน้ามีผู้เข้มแข็งสำนักเต๋าขวางทาง หลังมีสถูปอภิรดีศูนย์กลางสะกด
ต่อให้สถูปอภิรดีศูนย์กลางหายไป รอบๆ ก็ยังมีพวกเยี่ยนจ้าวเกอ หยางเจี่ยน สั่วหมิงจางจากสำนักเต๋าที่ยากจะสู้ได้
ตอนนี้ลู่ยาเต้าจวินกลับกลายเป็นคนที่เป็นไปได้ที่สุดว่าจะออกจากกระดานก่อน
ทีปังกรพุทธะก่อนหน้านี้ดูเหมือนเสียเปรียบ แต่หลังจากอดทนรอคอย ใช้วัชระเสริมพลังกับสารีริกธาตุศากยมุณีลอบเล่นงานมหาวิทยราชมยุรี พลิกกระดานในหนึ่งกระบวนท่า พลิกจากแพ้เป็นชนะ ขณะสถูปอภิรดีศูนย์กลางสะกดทั่วสมรภูมิ ตนก็ห่างจากความสำเร็จแค่ก้าวเดียว
แต่หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอขึ้นสู่มหาชาล ก็กวาดล้างเหล่าพุทธแห่งแดนสุขาวดีตะวันตก
อามิตาภพุทธเจ้าอยู่ในค่ายกลนพยมโลก เทวกษัตริย์ไร้ประมาณถูกพระศรีอาริย์กับค่ายกลลงทัณฑ์เซียนสะกด
ทีปังกรพุทธะก็มองดูความหวังกลายเป็นฟองเงาตาปริบๆ
ขณะนี้ สำนักเต๋ายึดครองความได้เปรียบเด็ดขาด กำหนดผลลัพธ์การวางหมากบนนพยมโลกในวันนี้ได้
พระอาจารย์เสวียนตูเดิมทีเป็นคนที่ช่วงชิงวาสนานี้ของฝ่ายสำนักเต๋า
แต่จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋เป็นยอดเขาโผล่พรวด ทำให้เรื่องราวเกิดระลอกคลื่น
พวกเขาสองคนตอนนี้เกิดความขัดแย้งกับเยี่ยนจ้าวเกอที่เกาะกุมกุญแจสำคัญ
ในคนที่เหลือของสำนักเต๋า ถึงหยางเจี่ยนจะค่อยๆ ทำให้เส้นทางกระจ่างแล้ว แต่วาสนาขึ้นสู่ระดับมรรคาก็ไม่ได้อยู่ที่การวางหมากบนนพยมโลกในครั้งนี้
ต่อให้เขาเตรียมตัวเรียบร้อย ก็ไม่อาจทะลวงก้าวสุดท้ายในวันนี้ได้
สั่วหมิงจางสำเร็จมรรคาตัดนภา ทั้งยังลึกซึ้งลี้ลับ แต่ว่ายังมีระยะห่างจากการทะลวงสู่ระดับมรรคา
เฟิงอวิ๋นเซิงที่สร้างหุบเหวโกลาหลสูญมีสถานการณ์คล้ายสั่วหมิงจาง
นอกจากนี้ต่อให้นางต้องการทะลวงสู่ระดับมรรคา ก็ต้องรอหลังจากการวางหมากบนนพยมโลก ไม่อย่างนั้นเพิ่มระลอกขึ้น อาจเป็นการช่วยมารสวรรค์ปัจฉิมธรรมกับค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์อีกแรง
เยี่ยนจ้าวเกอมีพลังฝึกปรือสะท้านโลกสะเทือนสวรรค์ แต่เหมือนดั่งคำกล่าวของทีปังกรพุทธะ ถึงอย่างไรเขาก็เพิ่งขึ้นสู่ระดับมรรคา เป็นเส้นทางฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกันที่แผ้วทางอีกสาย ต้องรอศึกษาค้นคว้าต่อ
คนอื่นๆ อย่างเช่นเยี่ยนตี๋ที่ไม่อยู่ที่นี่ ไม่ทราบว่าสำเร็จระดับเซียนสวรรค์มหาชาลหรือยัง
ต่อให้เขาขึ้นสู่มหาชาล ก็จำเป็นต้องปรับปรุงดาบกฎเกณฑ์ต่อไปในเวลาอันยาวนาน เหมือนกับหยางเจี่ยน สั่วหมิงจาง เฟิงอวิ๋นเซิง
ส่วนเซียนสวรรค์มหาชาลสำนักเต๋าเช่นไท่อี้จินหยิน จักรพรรดิโกวเฉิน เจ้าแม่อู๋ตัง นางเซียนอวิ๋นเซียว นาจา ปัจจุบันไม่ได้เตรียมตัวเรียบร้อย ไม่พร้อมจะทะลวงก้าวสุดท้ายนั้น
ดังนั้นนับไปนับมา คล้ายเหลือแค่พระอาจารย์เสวียนตูกับจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋สองคน
ถ้าไม่มีตัวเลือกอื่นๆ แม้แต่หยางเจี่ยน นาจา รวมถึงเจ้าแม่อู๋ตังกับนางเซียนอวิ๋นเซียวที่ควบคุมค่ายกลลงทัณฑ์เซียนก็จะช่วยเกลี้ยกล่อม เสริมบารมีให้พระอาจารย์เสวียนตูกับจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ และบรรเทาความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับเยี่ยนจ้าวเกอ
ถึงขั้นที่จักรพรรดิโกวเฉินซึ่งก่อนหน้านี้หลายปีไม่ถูกกับจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ ก็จะโน้มน้าวให้เยี่ยนจ้าวเกอยึดถือสถานการณ์ใหญ่เป็นหลัก
เหล่าจวินยากคาดเดาความคิด ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนมีข้อเสียโดยกำเนิด
สำนักเต๋าสายหลักต้องการผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาคนหนึ่งเฝ้าดูแลเป็นการเร่งด่วน
ดังนั้นไท่อี้จินหยินจึงออกปากโน้มน้าว หมายจะไกล่เกลี่ย
ทว่าตอนนี้ได้ยินคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอ ทุกคนอดงงงันไม่ได้
ไฟตะเกียงสีม่วงในแสงพุทธกลมสมบูรณ์หลังศีรษะทีปังกรพุทธะส่ายไหว
บุปผาแสงสีเขียวมรกตกะพริบในสองตาของจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋
หยางเจี่ยนเปิดดวงตาที่สามตรงหว่างคิ้ว ด้านในมีแสงสว่างทะลัก
พระอาจารย์เสวียนตูมองเหล่าจวินในค่ายกลใต้ทะเลเลือด สีหน้าค่อยๆ ซับซ้อน
บนใบหน้าของคนอื่นๆ ปรากฏสีหน้าเหมือนนึกอะไรออก
ไท่อี้จินหยินไม่ไกล่เกลี่ยอีก สายตาเคลื่อนไหวบนร่างเหล่าเจ้ามรรคา
อย่างค่อยเป็นค่อยไป บนใบหน้าทุกคนฉายแววตแตกตื่นงุนงง
ลู่ยาเต้าจวินมองเยี่ยนจ้าวเกอ “หรือว่า…”
“ท่านเดาไม่ผิด” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างราบเรียบ “ระหว่างใต้เท้ากษัตริย์บูรพากับอามิตาภพุทธเจ้า ครั้งนี้เหล่าจวินลงมือ ผู้ได้รับประโยชน์เป็นใต้เท้ากษัตริย์บูรพา”
แก้ไขสภาพลำบากที่อามิตาภพุทธเจ้ากับเทวกษัตริย์ไร้ประมาณโจมตีพระศรีอริยเมตไตรยเสร็จแล้ว กลับไม่ปล่อยให้นพยมโลกทำสำเร็จ
“ดังนั้นท่านความจริงไม่ใช่ตัวเลือกของใต้เท้ากษัตริย์บูรพา” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างราบเรียบ “ตัวเลือกที่ใต้เท้ากษัตริย์บูรพาเลือกออกมา จำเป็นต้องได้การสนับสนุนจากเหล่าจวิน ส่วนพี่ร่วมเส้นทางลู่ยาท่าน ไม่ตรงกับเงื่อนไขนี้”
ลู่ยาเต้าจวินกลับไม่มีความโกรธแค้นขุ่นข้อง เพียงแต่ถอนใจอย่างเหนื่อยล้า
เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองพระอาจารย์เสวียนตูต่อ สบตากับอีกฝ่ายอย่างสงบ “กลับกัน ท่านไม่เคยเป็นตัวเลือกที่เหล่าจวินเลือกอยู่แล้ว”
ไม่เพียงแต่เป็นท่าทีไม่สนับสนุนไม่ปฏิเสธ
ถึงพระอาจารย์เสวียนตูที่แล้วมาจะกางธงของเหล่าจวิน เพื่อหาผลประโยชน์มากมายให้ตัวเองมาโดยตลอด เหล่าจวินก็คล้ายมีท่าทีไม่ได้ยินไม่ถามไถ่ กระนั้นเหล่าจวินในเมื่อออกโรงด้วยตัวเอง สถานการณ์ย่อมเปลี่ยนไปแล้ว
“สุดท้ายยังเป็น…” พระอาจารย์เสวียนตูเงยหน้าถอนใจเช่นกัน
“ส่วนท่าน…” เยี่ยนจ้าวเกอมองจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ “ท่านยิ่งไม่มีหวังแล้ว”
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋มองเยี่ยนจ้าวเกอเขม็ง
เยี่ยนจ้าวเกอสบตากับเขาอย่างสงบ
“ข้าไม่แน่ใจว่าท่านเดาความคิดของเหล่าจวินออกขนาดไหน ทำให้ท่านคิดใช้ประโยชน์จากเหล่าจวิน แต่วันนี้ความหวังท่านสูญเปล่าแล้ว”
“เขาอยู่ที่ไหน?” จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ถามอย่างแช่มช้า
“ถ้าตอนนี้ สมควรอยู่ที่แดนสุขาวดีตะวันตกกระมัง” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ
ทีปังกรพุทธะมองไปยังด้านนอกนพยมโลก สายตามข้ามความว่างเปล่าหลายชั้น
ตอนนี้ ในแดนสุขาวดีตะวันตก ระหว่างบัวเขียวหลายดอก ลำแสงสายหนึ่งทะลวงเข้ามาด้านใน!
ไม่มีอามิตาภพุทธเจ้าคอยเฝ้าดูแล ที่นี่ไม่สุขสงบเหมือนก่อนหน้า
ลำแสงสายนั้นข้ามผ่านบัวเขียวหลายดอก เข้าไปในแดนสุขาวดีพุทธเกษตรของยุทธวิชัยพุทธะ
เทวกษัตริย์ไร้ประมาณกำลังจะมีการเคลื่อนไหว กระนั้นพระศรีอาริย์กับค่ายกลลงทัณฑ์เซียนยังทำให้เขาแยกตัวไม่ได้
ลำแสงกะพริบหลายครั้ง พุทธะเกษตรของยุทธวิชัยพุทธะแหลกสลาย!
ใต้ทะเลเลือดนพยมโลก ธงวิเศษบนศีรษะอามิตาภพุทธเจ้าปล่อยแสงสว่าง กลายเป็นไฟตะเกียงสีทอง
ตะเกียงทองกระตุ้นจากระยะไกล ข้ามความว่างเปล่าหลายชั้น เหมือนจะรับคนมาจากแดนสุขาวดีตะวันตก ช่วยชีวิตยุทธวิชัยพุทธะ
แต่เหล่าจวินขัดขวางมารสวรรค์บรรพกำเนิดกับมารสวรรค์ไร้พันธนา บนศีรษะกษัตริย์บูรพาไท่อี้ปรากฏระฆังสำริดแล้วดังขึ้น
เสียงระฆังสั่นสะเทือน ไฟตะเกียงของตะเกียงทองบนยอดธงเหนือศีรษะอามิตาภพุทธเจ้าพลันกะพริบ
ไฟตะเกียงพอมืดมัวลง ยุทธวิชัยพุทธะที่ถูกรับมายังด้านหน้าอามิตาภพุทธเจ้า ก็หยุดอยู่ด้านนอกนพยมโลก
พวกเยี่ยนจ้าวเกอทอดตามองไป เห็นบนเมฆทองเกล็ดปลากลุ่มหนึ่ง นั่งด้วยพุทธะกายทองที่มียี่สิบสี่เศียร สิบแปดกรองค์หนึ่ง นั่งบนบัวเขียว บนศีรษะเป็นสารีริกธาตุและตะเกียงทอง
ลำแสงกะพริบวูบวาบ แท่นบัวสีเขียวนั้นแหลกสลาย ตะเกียงทองดับลง สารีริกธาตุหล่นร่วง
พุทธะสีทองบนร่างพลันระเบิดพิรุณแสงหลายผืน สาดกระจายไปทั่วความว่างเปล่าในจักรวาลอันไพศาล กระจายไปทุกทิศทุกทาง
แสงสว่างกระจายสิ้น พุทธะไม่คงอยู่ ที่เดิมหลงเหลือเพียงสารีริกธาตุที่มืดสลัวชิ้นหนึ่ง
อุ้งมือที่เต็มไปด้วยขนข้างหนึ่งจับสารีริกธาตุชิ้นนั้น
เจ้าของอุ้งมือใส่ชุดนักพรต กลับมีปากงุ้มหน้าขนลักษณะปากแหลมแก้มลิง
เพียงในร่างกายผอมเล็กของวานรแต่งชุดคนที่น่าขบขัน เป็นสภาวะสะท้านฟ้า
………………..