ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 783 เทาเที่ยรับประทานอาหาร
วังศิลาก้นทะเลเกิดจากซากศพหลังจากเทาเที่ย ซึ่งเป็นอสูรร้ายที่แข็งแกร่งถึงขีดสุด
เทาเที่ยแม้จะตายไปแล้ว แต่เลือดเนื้อยังคงเหี้ยมหาญ ร่างกายไม่เน่าไม่สลาย ทั้งยังสร้างเป็นวังศิลาที่ซึ่งมีที่ว่างเป็นเอกเทศ
ที่นี่ไม่ได้แตกต่างจากโลกใบหนึ่ง ตัดขาดความว่างเปล่า แยกตัวจากโลกซ้อนโลก
ในขณะเดียวกัน ขอบเขตของเขตแดนมั่นคงเป็นพิเศษ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนสามารถต่อสู้กันด้านในได้
พลังฝึกปรือของพวกคังผิงและกู้หง ต่อให้กำลังต่อสู้กันอยู่ในฟ้าดินของโลกซ้อนโลก ก็จะทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน
แต่ว่าตอนนี้การโจมตีกระทบใส่วังศิลาโดยเผอเรอด้านในวังศิลาก้นทะเล เป็นเพียงคลื่นหลงเหลือจากการต่อสู้ ไม่อาจทำลายที่นี่ทิ้งได้
กระนั้นการต่อสู้กันของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนจำนวนหนึ่งก็ยังส่งผลกระทบยิ่งใหญ่อยู่ดี
ภายใต้การสั่นสะเทือนของปราณวิญญาณ พิธีกรรมที่ใช้เซ่นสรวงกระบี่วิเศษที่กลางวังศิลา เมื่อเจอกับการเปลี่ยนแปลงนี้ พลันปั่นป่วนขึ้นมา
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเห็นฝักกระบี่กลืนฟ้าที่กำลังดำเนินการผนึกและเซ่นสรวงพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
สิ่งที่สั่นสะเทือนไม่ใช่ตัวฝักกระบี่ แต่เป็นสิ่งที่อยู่ด้านในฝักกระบี่!
ครั้นถูกลำแสงที่อยู่บนฝักกระบี่เหนี่ยวนำ กระบี่วิเศษด้านในฝักกระบี่ยังไม่ทันได้รับการเซ่นสรวงสำเร็จ ก็กำลังจะพุ่งออกจากด้านในฝักกระบี่แล้ว
เสียงกรีดร้องที่เหมือนกับเสียงร้องไห้ของทารก ดังขึ้นในก้นบึ้งจิตใจของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก สั่นสะเทือนขวัญวิญญาณ
ด้วยพลังฝึกปรือในปัจจุบันของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ยังมีความรู้สึกหน้ามืดตาลาย
นั่นเป็นเสียงคำรามของเทาเที่ย!
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเพ่งตามองไป เห็นผิวของฝักกระบี่คืนฟ้าค่อยๆ มีใบหน้าของอสูรร้ายตัวหนึ่งลอยขึ้นมา เป็นลักษณะของเทาเที่ยที่อยู่ในตำนานอย่างชัดเจน
ลักษณะของเทาเที่ยตัวนั้นคล้ายปลอมคล้ายจริง แต่ว่าในตอนที่มันอ้าปากอันน่าสยองของมันขึ้น แรงดึงดูดมหาศาลที่ส่งมาจากด้านในกลับเป็นของจริง
อานุภาพกลืนฟ้ากินดิน เขมือบโลกหล้าปรากฏขึ้น ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพลันโซเซ ร่างลอยขึ้นมา
ขณะกำลังจะพุ่งเข้าไปในปากของเทาเที่ย ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็ออกแรงอย่างเหี้ยมหาญ ร่างหักเลี้ยวกลางอากาศ ฝืนหยุดร่างของตัวเอง
เตากลืนดินที่อยู่ในมืออีกข้างหนึ่งของมันเข้าปะทะกับปากขนาดใหญ่ของเทาเที่ยที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนฝักกระบี่กลืนฟ้า
การหลอมที่ยาวนานขนาดนี้ ทำให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสามารถควบคุมฝักกระบี่กลืนฟ้ากับเตากลืนดินได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว
ปัจจุบันมันสามารถกระตุ้นให้ของวิเศษชิ้นนี้แสดงความสามารถได้แล้วเช่นกัน
แต่น่าเสียดายที่เตากลืนดินอันดูดซับได้แม้แต่การโจมตีของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงเตานี้ กลับเหมือนสูญเสียความสามารถไป เมื่ออยู่ต่อหน้าเทาเที่ยตัวนี้
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสั่งความคิด ความเร็วเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด ออกห่างอย่างต่อเนื่อง
แต่ว่าระยะห่างของเขากับฝักกระบี่กลืนฟ้ากลับไม่แตกต่างไปจากเดิมแม้แต่น้อย ยังคงห่างกันแค่คืบเท่านั้น
ความพยายามของตัวเองได้แต่รับประกันว่าจะไม่เข้าใกล้เทาเที่ยตัวนั้นมากกว่านี้ชั่วคราว
ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสภาวะยื้อยัน
แต่ว่าเสียงคำรามของเทาเที่ยซึ่งเหมือนเสียงร่ำไห้ของเด็กทารกยิ่งมายิ่งดัง แทบจะทำให้แก้วหูแทบฉีกขาด
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่า บ่อเลือดที่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกับฝักกระบี่กลืนฟ้าอยู่ เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงชนิดไม่เคยมีมาก่อน
ฟองเลือดขนาดยักษ์ฟองแล้วฟองเล่าผุดขึ้นบนผิวบ่อเลือด จากนั้นก็ระเบิดออก เลือดปีศาจในบ่อเลือดเหมือนกับเดือดพล่านขึ้นมา
วังศิลาเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยความเร็วที่ใช้ตาเนื้อเห็นได้อย่างชัดเจน ตัววังที่บ่อเลือดอยู่เริ่มหดตัว เหมือนกับกลับคืนสู่ลักษณะเดิมของหัวใจปีศาจของเทาเที่ย
นอกจากกลิ่นคาวเลือดแล้ว ถึงกลับมีพลังชีวิตปรากฏขึ้นด้านในวังศิลาที่เดิมทีวังเวง
เลือดเนื้อหดตัว ชีพจรกระตุก กระดูกยืดหด!
จอมปีศาจเทาเที่ยที่ตายไปแล้ว ตอนนี้มีร่องรอยว่าจะคืนชีพขึ้นมา!
วิญญาณปีศาจของเทาเที่ยที่ถูกผนึกไว้ด้านในกระบี่โบราณสำริด เริ่มทำลายผนึก หมายทะลวงกระบี่สำริดและฝักกระบี่กลืนฟ้าที่เป็นตัวขัดขวาง เพื่อรวมกับกายเนื้อของตัวเองที่โลกภายนอก
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกถูกขนาบไว้ตรงกลางพอดี ด้านนอกมีการบีบอัดจากเลือดเนื้อ ด้านในมีการฉีกกระชากจากวิญญาณปีศาจ
ศีรษะของเทาเที่ยบนฝักกระบี่ ดวงตาสองดวงสาดประกายชั่วร้ายออกมา คิดจะเขย่าขวัญของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
ประกายแสงอันชั่วร้ายเหมือนกับรวมตัวกันเป็นของแข็ง แผ่พุ่งผ่านดวงตาที่กำลังสบกันอยู่ รุกล้ำเข้าไปในร่างของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
‘เจ้าปีศาจตัวนี้คิดจะกลืนดินร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของข้า ในฐานะส่วนหนึ่งของร่างกายหลังจากมันคืนชีพ’ เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจอย่างฉับพลัน
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแค่นเสียงคำหนึ่ง ใช้จุดไป๋ฮุ่ยบนขม่อมเป็นหลัก จุดลมปราณทั่วร่างสั่นไหวพร้อมกัน
ญาณจริงแท้ทะลัก กลายเป็นเงาแสงคุนเผิง เงยหน้าส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ คุมเชิงกับเทาเที่ย
ระดับพลังฝึกปรือของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเทียบกับตอนที่เทาเที่ยตัวนั้นยังมีชีวิตอยู่ ยังอ่อนแอไปบ้าง แต่ว่าคุนเผิงเป็นจอมปีศาจ และอสูรร้ายจากยุคบรรพกาลที่ไม่ด้อยกว่าเทาเที่ยแม้แต่น้อย
เทาเที่ยตัวนี้ตอนยังมีชีวิตแม้จะมีพลังแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้คืนชีพขึ้นมาจริงๆ
มันลองกัดกร่อนร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกในด้านจิตใจ แต่กลับไม่อาจทำได้
ทว่าในตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ว่ารอบๆ วังศิลาเริ่มปรากฏหลุมว่างสับสนสีดำมากมาย
ด้านในหลุมสับสนสีดำทุกหลุมมีพลังกลืนกินที่น่ากลัวส่งมา
หลุมอันสับสนสีดำยิ่งมายิ่งมาก จากร้อยเป็นพัน ค่อยๆ เชื่อมต่อกัน โดดเด่นสะดุดตา
พลังกลืนกินที่อยู่ด้านในเริ่มรวมกันเป็นหนึ่ง ยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง
นี่คือเค้ารางที่เทาเที่ยตัวนี้กำลังจะคืนชีพ
ตัวเป็นแกะหน้าเป็นคน ตาใต้รักแร้ ฟันเป็นเสือ มือเป็นคน
นี่คือลักษณะภายนอกที่แท้จริงของเทาเที่ย
แต่เพราะว่าความสามารถกลืนฟ้าดกินดินของมัน หลายๆ ครั้งแล้ว ในตอนที่ผู้คนเห็นการปรากฏตัวของเทาเที่ย จะเป็นหลุมสับสนสีดำขนาดยักษ์หลุมหนึ่ง
หลุมสีดำกระจัดกระจายไปทั่ว ตะวันจันทราและดวงดารา รวมถึงฟ้าดินภูผาและท้องทะเล เหมือนกับถูกดูดเข้าไปด้านในพร้อมกัน
แม้แต่เส้นแสงก็จะถูกกลืนกิน ทำให้คนส่วนใหญ่มองไม่เห็นหน้าตาจริงๆ ของเทาเที่ย
วังศิลาที่เกิดจากซากศพของเทาเที่ยในตอนแรก บัดนี้เริ่มถูกหลุมสีดำหลุมแล้วหลุมเล่ากลืนกินปกคลุม เป็นเค้าลางที่ชีวิตและพลังของเทาเที่ยกำลังคืนมา!
รอจนปีศาจร้ายตัวนี้คืนชีพโดยสมบูรณ์ มันจะกลายเป็นหลุมดำ กลืนดินทุกคนและทุกสิ่งที่อยู่ด้านในและด้านนอกไปพร้อมกัน
คนที่ตอนนี้อยู่ในวังศิลา ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอ พวกคังผิง หรือกู้หง จะกลายเป็นอาหารมื้อแรกหลังจากเทาเที่ยตัวนี้ฟื้นคืนชีพ
พวกคังผิง หลัวจื้อเทา และกู้หงที่กำลังประมือกันอยู่ในวังศิลา ต่างสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงรอบๆ
เทียบกันแล้ว บริเวณหัวใจที่บ่อเลือดอยู่ พลังกลืนกินของหลุมดำยังอ่อนแอไปบ้าง
สถานที่อื่นของวังศิลา หลุมอันสับสนสีดำขยายเร็วขึ้นกว่าเดิม
พวกหลัวจื้อเทา กู้หง และกงซุนอู่ที่เป็นคนในกองทัพต่อต้านต้าเสวียน ต่างสบถด่าในใจ
ตอนแรกเพื่อสร้างวิธีหลบการโจมตีจากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง สุดท้ายกลับเข้ามาในซอยตันซอยหนึ่ง ด้านหน้าไร้ทางไป ด้านหลังมีคนไล่ตาม
นี่เป็นซอยตันที่แท้จริง แค่ไม่ระวังนิดเดียว ทุกคนจะตายที่นี่ทันที
ทุกคนในราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องรู้สึกได้ถึงอันตรายเช่นกัน ไม่คิดเสียเวลาต่อสู้กับพวกหลัวจื้อเทาอีก หันกายหลบหนีออกจากวังศิลา
คังผิงนึกขึ้นได้ว่าบุตรชายทั้งสองไม่ได้อยู่ด้วยกัน จิตใจรุ่มร้อนดั่งไฟสุม
ฉีเหว่ยตกใจเพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกระทันเช่นกัน
เขาคิ้วขมวด ยื่นมือไปจับคังจิ่นหยวนและคังเม่าเซิง ก่อนจะพุ่งไปด้านในทางเชื่อมที่ยังเหลืออยู่เส้นหนึ่ง “ไป!”
หลังจากส่งพี่น้องตระกูลคังเข้าไปแล้ว ฉีเหว่ยก็จ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอ สองฝ่ามือประสานเป็นมุทรา แล้วแยกออกด้านข้างอย่างฉับพลัน
ค่ายกลยักษ์สองค่ายที่ครอบคลุมเยี่ยนจ้าวเกอไว้ทั้งด้านบนด้านล่าง พลันเริ่มหมุนทวน กำลังจะแหลกสลาย!
ตั้งแต่ปรากฏตัวขึ้นบนโลกซ้อนโลก เยี่ยนจ้าเกอก็อยู่เหนือความคาดหมายคนของทุกคน อาละวาดจนฟ้าพลิกแผ่นดินคว่ำ
ในสายตาของฉีเหว่ย เขาคือศัตรูที่ทำให้ผู้คนปวดศีรษะยิ่งกว่าสำนักแสงสว่างเสียอีก
เขาเกรงว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของวังศิลาในตอนนี้จะฆ่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ จึงเพิ่มการระดับประกันอีกชั้นหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอมีระดับค่ายกาลสูงล้ำ เขาไม่กังขาอีกต่อไปแล้ว กระนั้นหากเยี่ยนจ้าวเกอจะทำลายค่ายกลของเขา ต้องเสียเวลาในการหลบหนี
เขาคิดใช้การเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน เพื่อฝังเยี่ยนจ้าวเกอทิ้งที่ก้นทะเลของดินแดนสุทธทัศน์ตลอดกาล!