ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 556 ความสำเร็จแรกของกายาจ้าวแดนดิน
ฉินมู่มองไปยังแผ่นหลังที่กำลังเดินจากไป แล้วก็โพล่งถามขึ้นมา “เจ๋อหัวหลี เจ้าไม่อยากจะแสดงเพลงมีดของอาจารย์เจ้าให้ข้าดูแล้วหรือ”
เจ๋อหัวหลีหยุดเท้าและเอี้ยวคอกลับมากล่าว “ไม่ ข้าต้องการให้เจ้าชมดูเพลงมีดของข้า”
ฉินมู่แย้มยิ้มและกล่าวอย่างสบายๆ “เมื่อเจ้าบอกข้าว่าเจ้าต้องการจะให้ข้าเห็นเพลงมีดของลั่วอู๋ชวง ข้ารู้ทันทีว่าเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า นั่นเพราะว่าเพลงมีดนั้นเป็นของลั่วอู๋ชวงมิใช่ของเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะฝึกปรือมันอย่างสมบูรณ์แบบมากแค่ไหน มันก็ยังคงเป็นของลั่วอู๋ชวงอยู่ดี บัดนี้เจ้าต้องการให้ข้าเห็นเพลงมีดของเจ้า ดังนั้นเจ้าจึงมีสิทธิ์ที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าในที่สุด ตกลง ข้าจะรอเจ้า!”
เจ๋อหัวหลีจากไป แต่เสียงของเขายังมาถึงฉินมู่ “อย่าตายเสียล่ะ อาจารย์ฟู่ยื่อลัวได้ประกาศค่าหัวเจ้า และศิษย์มากมายแห่งมารเทวะทั้งหลายก็ต่างรอเจ้าอยู่บนเส้นทางข้างหน้า”
เจ้าหมอนี่น่ารักกว่าอาจารย์ของเขาลั่วอู๋ชวงเยอะเลยแฮะ วิชามีดของเขาก็รุดหน้าไปมาก เพิ่มพูนด้วยความเร็วดุจเทพยดา
ฉินมู่ส่งเขาไปด้วยสายตา พลันรู้สึกถึงแรงกดดันหนักอึ้งบนตัวของเขา กล้ามเนื้อของเขาสั่นสะเทือน และเขาก็บดขยี้เจตจำนงมีดจากดวงตาของเจ๋อหัวหลี ถึงกับมีเสียงกริ๊งสดใสดังออกมาราวกับสายตาของอีกฝ่ายได้ก่อรูปเป็นสสาร
ความเร็วเช่นนี้น่าสะพรึงกลัวโดยแท้จริง!
ความก้าวหน้าในมรรคามีดของเจ๋อหัวหลีนั้นยิ่งใหญ่อย่างสุดขีดขั้ว และเขาก็มีกายเนื้อกับจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพเที่ยงแท้เยาว์ หากว่าเขาเข้าสู่สุดเขตขั้วของวิชามีดของเขา ฉินมู่ก็จะไม่มีทางเอาชนะเขาได้เลย
เขาได้ย่างกรายเข้าไปในเขตขั้นทักษะของวิชามีด ดังนั้นหากว่าเขาก้าวต่อไปอีกก้าว เขาก็จะคิดค้นวิชามีดของตนเอง เหมือนกับที่ฉินมู่คิดค้นกระบี่ภัยพิบัติ เขาก็จะก่อตั้งเพลงมีดของตนเองขึ้นมา และเพลงมีดเหล่านั้นก็จะเข้าใกล้มรรคาเต๋า!
สาเหตุที่เจ๋อหัวหลีรุดหน้าไปด้วยความเร็วประดุจเทพยดาเช่นนี้ก็เพราะว่าแรงกดดันที่เขารู้สึกจากฉินมู่ แต่ตอนนี้กระดานได้พลิกไปแล้ว และเป็นฝ่ายฉินมู่แทนที่รู้สึกถึงแรงกดดันจากเจ๋อหัวหลี
จุดอ่อนที่สุดของกายเนื้อของข้าก็คือว่าข้าฝึกฝนแต่ละส่วนของร่างกายแยกออกจากกัน มือของข้าเป็นแค่มือ ขาเป็นแค่ขา ดวงตาเป็นแค่ดวงตา และหัวใจก็เป็นแค่หัวใจ ข้าไม่อาจร้อยรัดพลานุภาพทั้งหมดเข้ามาเป็นหนึ่งได้ หากว่าข้าสามารถทำเช่นนั้น กายเนื้อของข้าก็ไม่มีทางด้อยไปกว่าของเทพเที่ยงแท้เยาว์และมารเที่ยงแท้เยาว์อย่างที่เรียกๆ กัน ข้าอาจจะแข็งแกร่งกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ!
ฉินมู่มุ่งหน้าไปยังทิศทางของดวงอาทิตย์พลางครุ่นคิด สาเหตุที่เจ๋อหัวหลี อวี่เหอ และคนอื่นๆ มีกายเนื้ออันแข็งแกร่งขนาดนี้ ก็เพราะว่าวิชาฝึกปรือที่พวกเขาใช้นั้นได้รับการถ่ายทอดมาจากเทพและมารทั้งหลาย วิชาฝึกปรือเหล่านี้ผ่านการขัดเกลามาแรมปี และสามารถฝึกฝนทุกด้านของร่างกายจนถึงสุดขีดขั้ว
แต่ทว่า สำหรับฉินมู่นั้นเรื่องราวแตกต่างออกไป เขาได้เรียนรู้เพียงแค่วิชาฝึกปรือชั้นแรกของวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะจากผู้ใหญ่บ้าน มันเป็นเพียงวิชาฝึกปรือที่ไม่มีวิชาและทักษะเทวะอื่นๆ ในนั้น เขาผสมและจับคู่ หลอมรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันเมื่อมีโอกาส ทำให้มีเกิดทั้งผลแย่และผลดีปนเปกันไป ในท้ายที่สุดแล้ว กายาจ้าวแดนดินสามอมตะของเขาก็เป็นราชาแห่งกองขยะ มันเหมือนกับเสื้อผ้าขอทานอันเต็มไปด้วยรูโหว่ที่ต้องคอยเย็บปะอยู่เสมอ
ในภายหลัง เขาได้เรียนคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิต และตรึกตรองเข้าใจวิชาร้อยรัด จากนั้นเขาก็ได้ตระหนักรู้จากฉินหานเจินว่าคัมภีร์มารฟ้ามหาศึกษิตคือวิชาและทักษะเทวะของวิชาฝึกปรือกายาจ้าวแดนดินสามอมตะ
มีก็แต่ตอนนั้นถึงนับได้ว่าวิชาฝึกปรือของฉินมู่ได้เป็นรูปเป็นร่างสักหน่อย
เมื่อเขาได้รับรังมังกรแท้มา และหลอมรวมวิชาฝึกปรือของจ้าวแห่งมังกรแท้เข้ากับวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะ มันก็ได้รับการซ่อมปะในหลายๆ จุด
แต่กระนั้นด้วยการซ่อมปะมากเกินไป เพลงหมัดก็เป็นแค่เพลงหมัด วิชาขาก็เป็นแค่วิชาขา และเนตรเทวะก็เป็นแค่เนตรเทวะ ในท้ายที่สุดแล้ว มันก็ยังเป็นปัญหาจากวิชาฝึกปรือของเขาที่ทำให้กายเนื้อของเขาอ่อนด้อยกว่าอวี่เหอ เจ๋อหัวหลี และคนอื่นๆ มันถึงกับด้อยกว่าซังฮั่วไปเล็กน้อยด้วยซ้ำ
ความคิดของเขากระจัดกระจายทั่วไปหมด เขาสามารถผุดความคิดวิเศษพิสดารที่คนอื่นไม่อาจคิดหรือไม่กล้าคิดขึ้นมาได้ เขาไม่ถูกขนบจารีตผูกมัดเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงสามารถคิดค้นนำทางจิตวิญญาณดั้งเดิม ท่วงท่ากระบี่ที่สิบแปด เคล็ดลับสามมหาสมาคมจิตวิญญาณดั้งเดิม และวิชากับทักษะเทวะประหลาดพิลึกสารพัน นี่ก็เป็นสาเหตุที่เขาสามารถสรรค์สร้างมหาสมบัติวิเศษชิ้นมหึมาอย่างสะพานย้ายสลับพลังจิตวิญญาณที่เชื่อมต่อสองโลกมิติเข้าด้วยกัน
แต่ทว่า ก็เพราะความคิดของเขากระจัดกระจายไปหมด วิชาฝึกปรือเขาจึงบกพร่อง
ข้าได้แก้ปัญหาเรื่องเพลงกระบี่และเพลงกระบี่ของข้าก็เข้าสู่เขตขั้นมรรคาเต๋าแล้ว ข้าเพียงแต่ต้องตรึกตรองต่อไปตามแนวทางของกระบี่ภัยพิบัติ ปัญหาในตอนนี้คือจะนำวิชาฝึกปรือของข้าเข้าสู่เขตขั้นมรรคาเต๋าได้อย่างไร!
ฉินมู่ชะงัก สีหน้าเขากลายเป็นว่างเปล่า เขาจมเข้าไปในภวังค์
ทันใดนั้น ปราณชีวิตของเขาก็ไหลบ่าออกมา และก่อขึ้นมาเป็นสมบัติเทวะทารกวิญญาณตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็วมันแสดงรายละเอียดทุกอย่าง แม้แต่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ก็ก่อรูปขึ้นมา ถัดไปนั้น ปราณชีวิตของเขาไหลแผ่ออกไปข้างนอก ผุดเป็นดาวทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดินขึ้นมา แท่นวิญญาณของเขาก็ขยายออกไปเป็นแผ่นดินกว้างใหญ่และก่อตั้งทิศทั้งหก ดาวห้าดวงและตะวันกับจันทราก็โคจรไปรอบกันและกัน
ด้วยสิ่งเหล่านี้เป็นรากฐาน นิ้วของฉินมู่รวบเข้าด้วยกัน และเขาฟั่นเฟ้นปราณชีวิตของเขาเป็นเส้นด้าย เพื่อม้วนรอบทารกวิญญาณ ห้าธาตุ และหกทิศเอาไว้ ก่อสร้างเป็นเส้นทางโคจรปราณชีวิตของตนอย่างต่อเนื่อง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็มีโครงข่ายอันสลับซับซ้อนอย่างสุดขั้ว มันคล้ายกับเส้นเลือดมากมายที่ห้อมล้อมสามมหาสมบัติเทวะเพื่อก่อขึ้นมาเป็นรูปทรงร่างกายมนุษย์
มันคือเส้นทางการโคจรวิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะของเขา
วิชาฝึกปรือของเขาซับซ้อนอย่างอัศจรรย์ อันเป็นเหตุให้โครงข่ายที่เขาสร้างขึ้นมาก็สลับซับซ้อนอย่างสุดกู่
ฉินมู่วัดขนาดและซ่อมแซมบางจุดที่ผิดพลาด ถัดไปนั้น ปราณชีวิตของเขาก็ไหลออกไปเพื่อสร้างกระดูกและอวัยวะภายในของเขา ก่อนที่จะเสกสรรเนื้อ เลือด เส้นเอ็น และเส้นเลือดฝอยในโครงข่ายรูปทรงมนุษย์
นิ้วทั้งห้าของเขากางออกจากกัน และร่างกายมนุษย์ตรงหน้าเขาก็กลายเป็นสูงสิบห้าวา มันชัดเจนแจ่มแจ๋ว
ขณะที่ฉินมู่เดินไปรอบๆ เขากำจัดเส้นทางที่ซ้อนทับกัน และผสานทางเส้นทางโคจร ทำให้วิชากายาจ้าวแดนดินสามอมตะของเขาซับซ้อนน้อยลง จากนั้น เขาก็ศึกษามันอย่างถี่ถ้วนและเพิ่มเติมเส้นทางบางเส้นที่การโคจรปราณชีวิตของเขาไปไม่ถึงตอนที่เขาฝึกฝนกายเนื้อของตน
ยิ่งเขาซ่อมแซมไปหลายตำแหน่งเท่าใด ก็ยิ่งเอาเส้นทางออกไปมากเท่านั้น
ฉินมู่กลายเป็นตื่นเต้นมากขึ้นทุกที ทารกวิญญาณของเขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วผ่านทั่วร่างกายเพื่อสำรวจโครงสร้างของมันขณะที่เขาปรับแต่งปราณชีวิตในภาพฉายร่างมนุษย์นั้น
ผ่านไปนานอยู่ ทารกวิญญาณของเขาก็กลับเข้าไปในสมบัติเทวะของเขาและนั่งอยู่บนแท่น มือของฉินมู่แยกออกจากกัน และเนื้อ เลือด กับกระดูกในภาพฉายร่างกายมนุษย์ที่สร้างจากปราณชีวิตนั้นก็สลายหายไป เหลือก็แต่โครงข่ายปราณชีวิตและโครงสร้างของสามมหาสมบัติเทวะที่ยังอยู่
พลังมารชีวาของเขาพลันไหลออกไป และก่อสร้างสมบัติเทวะทารกวิญญาณมรรคามาร สะท้อนกับสมบัติเทวะทารกวิญญาณเดิม ด้วยสองสมบัติเทวะที่เป็นเงาสะท้อนซึ่งกันและกัน เขาก็เริ่มปรับเปลี่ยนแก้ไข
เมื่อเขารู้สึกว่าสมบูรณ์แบบแล้ว ฉินมู่ก็ขับเคลื่อนกายาจ้าวแดนดินสามอมตะที่ถูกเขาปรับปรุงพลิกโฉมใหม่นี้ เขาค่อยๆ สัมผัสดูว่ายังมีอะไรขาดพร่องอยู่บ้างระหว่างที่โคจรมัน และแก้ไขไปบนภาพฉายปราณชีวิตรูปทรงมนุษย์ เขาได้พยายามทำให้วิชาฝึกปรือของเขาสมบูรณ์แบบขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การโคจรปราณชีวิตของเขากลายเป็นซับซ้อนน้อยลงเรื่อยๆ และมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากการพัฒนายกระดับ มันก็สามารถขัดเกลาได้แทบจะทุกซอกมุมร่างเนื้อของเขา
วิชาฝึกปรือของข้ายังไม่สมบูรณ์แบบพอ! ในด้านการโคจรพลังมารชีวา ก็ยังมีหลายจุดที่สามารถพัฒนาขึ้นอีกได้! การโคจรปราณชีวิตในเนตรเทวะ ก็เป็นเรื่องที่ซับซ้อนอย่างมหันต์อีกเรื่องหนึ่ง
หลังจากทดลองทุกอย่างแล้ว เขาก็ค้นพบจุดหลายจุดที่เขายังขาดพร่องอยู่ เขาไม่สนใจอะไรอื่นนอกเสียจากการพัฒนายกระดับตนเองในเวลานี้
“ฉินมู่!”
ทั้งใดนั้น มารจำนวนหนึ่งก็สังเกตเห็นเขาแต่ไกลๆ หนึ่งในนั้นหัวเราะฮาๆ ด้วยความยินดี “พวกเราเหยียบย่ำจนรองเท้าสึกหรอไม่พบพาน แต่ครั้นจะพบพานก็พบตัวเจ้าเอาได้ง่ายๆ วันนี้คือวันที่ข้า ถัวฉู่ จะเด็ดความสำเร็จนี้ไป ฉินมู่ จงสู้กับข้า!”
ฉินมู่ไม่ใส่ใจ นิ้วทั้งสิบของเขาขยับขึ้นและลงขณะที่เขาพัฒนาโครงข่ายปราณชีวิตร่างมนุษย์ของตน พลางก้าวไปข้างหน้าต่อ
ถัวฉู่ขมวดคิ้วและเหาะขึ้นไป ปีกใหญ่สีดำสองข้างแผ่ออกมา และเขาเหาะเหินมาข้างหน้าด้วยปีกคู่นั้น
ฉินมู่ไม่สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย ถัวฉู่กู่ร้องและมายังตรงหน้าเด็กหนุ่มในระยะสิบกว่าวา ทันใดนั้นเขาก็ตีลังกา และกระบี่ขนนกจำนวนนับไม่ถ้วนก็ระดมยิงเข้าใส่ฉินมู่!
“ศิษย์แห่งมารเทวะซิ่วฉี กองพันอสุราถัวฉู่ ขอรับการชี้แนะ!”
ถัวฉู่ประกาศนามของเขา แต่เขาเห็นว่าฝีเท้าของฉินมู่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย และเขาก็ยังคงไม่ใส่ใจต่อขนนกกระบี่พวกนั้นเลยสักนิด แต่ทว่า เมื่อขนนกกระบี่เข้ามาประชิดตัวเขา เขาก็พลันขยับเคลื่อนไหวในท่วงท่าอันแปลกประหลาด และหลบเลี่ยงกระบี่ขนนกไร้ประมาณพวกนั้น เพลงกระบี่ของมารตนนี้ทำอะไรเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ฟิ้ว!
ฉินมู่เดินผ่านไป สองตาของเขายังคงเพ่งสนใจอยู่กับโครงข่ายปราณชีวิตร่างกายมนุษย์ตรงหน้า ทัศนวิสัยของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น และนิ้วทั้งห้าของเขาก็ยกขึ้นอย่างนุ่มนวล โครงข่ายปราณชีวิตร่างกายมนุษย์ก็สลายไป เหลือเพียงแต่โครงข่ายสองกระจุกของพยุหะเนตรเทวะที่ก่อขึ้นมาจากปราณชีวิต
ในใจกลางของโครงข่ายคือหมู่ดาวกลุ่มใหญ่ ดวงตะวันอยู่ตรงใจกลาง และรัศมีรอบนอกคือระบบวงจรพยุหะแห่งสรวงสวรรค์ทั้งหลาย
นี่คือวิชาเนตรเทวะที่เฒ่าบอดได้รังสรรค์ขึ้นมาโดยการหลอมรวมวิชาปลุกเนตรสวรรค์เก้าของเขาเข้ากับเนตรเทวะอันดับหนึ่งของจื่อชิง
จิตวิญญาณของฉินมู่ถูกกระตุ้นเร้าอย่างแรง และเขานั้นก็จมอยู่ในสมาธิอย่างลึกล้ำกับการพัฒนาเส้นทางการโคจรปราณชีวิตของตน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจต่อถัวฉู่ผู้ซึ่งเขาเดินผ่านไปเมื่อครู่
ปีกของถัวฉู่ราวกับมีดอันเขาใช้เฉือนตัดเข้าใส่ซ้ำๆ เขาพลิกร่างตีลังกาไปหลายตลบเมื่อเขาใช้วิชาโจมตี บางครั้งเขาก็หมุนตัวเพื่อเฉือนฟันเป็นแนวขนานพื้น และบางครั้งเขาก็หมุ่นปั่นราวกับลูกข่าง เพลงมีดของเขาเพริศแพร้วประณีตอย่างสุดๆ
ขนนกแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่ และมารนี้ก็เต้นระบำไปรอบๆ ตัวฉินมู่ เพลงกระบี่ของเขาพิสดารอย่างเหลือแสน
มารเทวะซิ่วฉีเป็นที่ขนานนามว่ากระบี่ดาบสัมบูรณ์ ถัวฉู่ซึ่งเป็นศิษย์ของเขาย่อมฝึกปรือทั้งกระบี่และดาบ
แต่ทว่า ร่างกายของฉินมู่บิดไป และฝีเท้าของเขาก็ยิ่งกลายเป็นพิสดาร เขาเดินออกไปจากระยะการโจมตีของถัวฉู่ก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้ซัดถึงตัวเสียอีก มารนี้อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
มารคนอื่นๆ รีบรุดมา และพวกเขาก็ร่วมจู่โจมพร้อมเพรียงกัน พวกเขาล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ และเป็นศิษย์เอกที่น่าภาคภูมิใจของมารเทวะทั้งหลาย หนึ่งในมารเหล่านั้นคำรามอย่างดุร้าย และแปลงร่างเป็นยักษ์แมกม่า ไฟมารพวยพุ่งรอบตัวเขา และลูกบอลไฟก็ล่องลอยไปรอบๆ กาย
เขาต่อยออกไป และไฟมารก็ระเบิดออกด้วยพลานุภาพสะท้านพิภพ
ผู้ฝึกวิชาเทวะมารอีกคนหนึ่งมีมังกรมารกระหวัดพันรอบกาย มันโบยบินออกไปจากเขาและเริ่มระบำทางนั้นทีทางโน้นที ภายในอึดใจเดียว มันก็ครอบคลุมรัศมีสิบกว่าวา เมื่อมันสูดลมหายใจเข้าและออก การโจมตีของมันก็ประหลาดพิสดารและยากที่จะคาดคะเน
และยังมีสตรีแปดกรงเล็บที่พ่นตาข่ายใยออกมาซึ่งคมกล้าอย่างไร้ปานเปรียบ นางจัดวางกระบวนพยุหะขนาดใหญ่
ผ่านไปสักพัก พวกเขาทั้งหมดก็ได้แต่ยืนตะลึง พวกเขาแตะต้องฉินมู่ไม่ได้แม้ปลายขน
เขาได้เข้าไปเหยียบในเส้นใยแมงมุมและเข้าสู่พยุหะสังหาร กระนั้นเขาก็หลบเลี่ยงการโจมตีอันไม่หยุดหย่อนของสตรีแมงมุมและเดินออกมาราวกับว่าไม่มีอะไรเลยสักนิด ปล่อยให้สตรีแมงมุมยืนตกตะลึงอยู่ข้างหลังเขา จากนั้นเขาก็มาประจันหน้ากับยักษ์แมกม่า เหยียบไปบนหมัดของยักษ์ เขาเดินไต่ขึ้นไปบนแขนของอีกฝ่ายจนถึงใบหน้า และเดินจากไปตามแผ่นหลังของเขา
ยอดฝีมือมารที่ฝึกปรือทักษะเทวะมังกรมารก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ และก็เห็นแต่ว่าไอ้เด็กมนุษย์ซึ่งกำลังตื่นเต้นอยู่ผู้นี้เดินเฉียดหน้าเขาไป
เหงื่อเย็นเยียบหลังออกมาจากหน้าผากของทุกๆ คน ถัวฉู่ไล่ตามหลังฉินมู่ที่อยู่ข้างหน้าเขาพลางตะโกนไปอย่างเฉียบขาด “บอกข่าวยอดฝีมือคนอื่นๆ!”
ยักษ์แมกม่าคำรามเสียงกึกก้องและต่อยหมัดของเขาขึ้นไปบนท้องฟ้า ลูกบอลไฟมารระเบิดออก และแปรเปลี่ยนเป็นดวงตามันอันโหมไหม้เจิดจ้าที่มีขนาดเป็นไร่ๆ
ยอดฝีมือมารในที่ห่างไกลออกไปแตกตื่นและรีบเร่งรุดมา
ไม่ช้าไม่นาน ยอดฝีมือมารกว่าร้อยคนก็ไล่ล่าตามฉินมู่ และมีคนหนึ่งที่แขวนห้อยแม่น้ำใหญ่ในอากาศ มันใช้น้ำของน้ำพุเหลืองมาหลอมสร้างเป็นอาวุธวิญญาณ แม่น้ำพวยพุ่งเข้าใส่ฉินมู่ แต่เขายืนอยู่บนปลายแม่น้ำและถูกส่งออกไปยังที่ห่างไกล
“แผ่นดินไหวหมู่ดาวสวรรค์!”
ยอดฝีมือผ่านมารผู้หนึ่งยกมือขึ้นสูง และดาวตกมหึมาก็ร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า ขณะที่มันพุ่งลงมาด้วยควันพวยพุ่ง มันก็หล่นลงมาปะทะกับพื้น และสร้างคลื่นกระเทือนอย่างรุนแรง ฉินมู่เดินผ่านดาวตกนี้โดยไร้ริ้วรอยขีดข่วน
“ภูตวิญญาณคร่าชีวิต!”
หญิงเฒ่าผู้หนึ่งสะบัดธงโครงกระดูกของนาง และภูตวิญญาณมากมายก็โบยบินออกมา พวกมันพุ่งฉวัดเฉวียนซ้ายขวา เข้ากลุ้มรุมฉินมู่ แต่วินาทีถัดไป เขาก็เดินออกมาจากฝูงภูตวิญญาณโดยไม่เป็นอะไร
“โครงกระดูกโลหิต!”
อีกคนหนึ่งเปิดขวดน้ำเต้าของเขา และหัวกะโหลกโลหิตจำนวนมากก็พรั่งพรูออกมา พวกมันขย้ำเข้าใส่ฉินมู่ แต่ก็ยับยั้งเขาไม่ได้เช่นกัน
“มีแต่พวกโง่เง่า!” ทันใดนั้นยอดฝีมือมารคนหนึ่งก็ยิ้มหยันขึ้นและกล่าว “โจมตีเขาตอนนี้ไม่มีประโยชน์หรอก ในเมื่อเขากำลังตรึกตรองเต๋าของเขา ดวงตาปราณชีวิตอันแปลกประหลาดตรงหน้าเขานั่นแหละคือความตรึกตรองเข้าใจของเขา ดังนั้นไปทำลายมันซะ!”
ทุกคนจิตฮึกเหิมขึ้นมา และพวกเขาเขวี้ยงทักษะเทวะของตนเองไปยังทิศทางนั้น ดวงตามหึมาที่ก่อสร้างขึ้นจากปราณชีวิตของฉินมู่ก็แหลกทำลายไปโดยพลัน
ทุกๆ คนรื่นเริงยินดีเมื่อพวกเขาเห็นว่าในที่สุด ฉินมู่ที่งมงายในการตรึกตรองวิชาก็ชะงัก เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ
“พวกเจ้า…” ฉินมู่ยังคงสับสนเล็กน้อย แต่ไม่ช้าก็แปรเปลี่ยนเป็นความพิโรธ เขาดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่เชิงยิ้ม ร่ำไห้แต่ก็ไม่เชิงร่ำไห้ “พวกเจ้าบังอาจรบกวนข้าระหว่างที่ข้ากำลังตรึกตรองวิชา…”
ยอดฝีมือมารที่ทำให้ทุกคนตระหนักว่าฉินมู่กำลังตรึกตรองเต๋านั้นตื่นเต้นขึ้นมาทันทีและตะโกน “บัดนี้เขาหลุดออกจากการตรึกตรองเต๋าแล้ว วิชาตัวเบาและทักษะเทวะของเขาก็จะอ่อนแอลงมาก ฆ่าเขาเลย!”
ทุกคนกระโจนเข้าไป แสงกระบี่สาดส่อง ตามด้วยเสียงอันโกรธเกรี้ยวของฉินมู่
“พวกเจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
………….