ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods - ตอนที่ 724 กายาจ้าวแดนดินในตำนาน
หญิงผู้นั้นเดินไปยังวิหารถัดไปในอัครนครหยก และเทพเจ้าที่พิทักษ์วิหารก็เป็นชาวนาจากหมู่บ้านเดียวกัน
“ที่รัก” เทพพิทักษ์วิหารนั้นเห็นนางมาถึงก็ผงกหัวน้อยๆ ทักทายอย่างนุ่มนวล เขายังคงจ้องมองฉินมู่และหูปู้กุยที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดต่อไป
ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน พวกเขาเป็นสามีภรรยา
เมื่อครั้งกระโน้น เมื่อสภาสวรรค์จักรพรรดิก่อตั้งถูกทำลายล้าง ครูบาสวรรค์วิชาบู๊ผู้ซึ่งรับผิดชอบด้านศึกสงคราม ได้นำยอดฝีมือแข็งแกร่งแห่งวังสู้วัวออกไปหาญสู้ สงครามครั้งนั้นเต็มไปตัวแปรต่างๆ และเหตุอันไม่คาดฝันนานา ที่พวกเขาเข้าใจไม่ได้
รัชสมัยเทวะจักรพรรดิก่อตั้งถูกทำลายล้างอย่างรวดเร็ว จนทำให้เทพสงครามอย่างพวกเขาทั้งหลายรู้สึกไร้จุดหมายและอับจนปัญญา
หลังจากสงครามครั้งนั้น เทพเจ้าแห่งวังสู้วัวทั้งหลาย ก็สูญเสียล้มตายไปอย่างมาก เหลือพวกเขาเพียงแค่ราวๆ หนึ่งร้อยคนเท่านั้น ครูบาสวรรค์วิชาบู๊หัวใจท้อถอย และเขาก็ได้นำพาพวกเขาทั้งหลายไปเสาะหาเทพสงครามคนอื่นๆ ที่เหลือ จากนั้นเขาก็ไปซ่อนตัวอยู่ในวังสู้วัวอันลึกล้ำเข้าไปในแดนโบราณวินาศ และเทพสงครามทั้งหลายก็กลายมาเป็นชาวนา
บางคนก็สร้างครอบครัว แต่น้อยนักที่พวกเขาจะให้กำเนิดทายาท นั่นเพราะว่าสำหรับลูกหลานของพวกเขาแล้ว ไม่มีสะพานเทวะหลงเหลืออยู่อีกต่อไป และพวกเขาก็ไม่มีทางหลบหนีความตายไปได้ พวกเขาไม่ต้องการเห็นลูกหลานตายลงไป
เกียรติยศในอดีตได้กลายเป็นบันทึกเก่าคร่ำคร่าในชีวิตของพวกเขา มีก็แต่เข้าไปในวังสู้วัวและเห็นลูกหลานของสหายศึกยังคงรักษาจิตหาญสู้เอาไว้ ถึงเตือนให้พวกเขาระลึกถึงวันคืนอันรุ่งโรจน์
ฉินมู่และหูปู้กุยต่อสู้กันมาจนถึงตรงนี้ และการปะทะกันของทั้งสองคนก็ยิ่งเกรี้ยวกราดดุดันขึ้นทุกที พวกเขาได้เผยให้เห็นทุกแง่มุมของคำว่า สัประยุทธ์
กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นในกายเนื้อของพวกเขา ปราณชีวิต และจิตวิญญาณดั้งเดิม ล้วนแต่เขม็งเกลียวจนแน่น พวกเขาทั้งสองมีวิธีการฝึกปรือและวิธีการรีดเร้นพละกำลังอันเป็นเอกลักษณ์
ทักษะเทวะมรรคาบู๊ก็เป็นทักษะเทวะกายเนื้อด้วย และพวกมันก็อยู่ในค่ายสำนักวิชาบู๊ ทักษะเทวะกายเนื้อขับเคลื่อนออกไปด้วยพลานุภาพของกายเนื้อ แม้จะมิได้ฝึกฝนเวทมนตร์ แต่พลานุภาพจากกายเนื้อก็สามารถเหนือล้ำไปกว่าเวทมนตร์ได้
และทักษะเทวะมรรคาบู๊นั้นจะต้องอาศัยว่าผู้ฝึกย่างกรายสู่เต๋าด้วยวิญญาณบู๊ ในโลกปัจจุบันนั้นมีไม่กี่คนที่สำเร็จถึงขั้นนี้
ภายใต้แรงกดดันของฉินมู่ หูปู้กุยได้เข้าใกล้เขตขั้นนั้นมากเข้าไปทุกทีๆ
วิชาบู๊ของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น ในไม่ช้า ฉินมู่ก็ค่อยๆ พัฒนาวิชาบู๊ของเขาเองไปด้วยระหว่างที่ต่อสู้กับอีกฝ่าย
“สามารถรีดเร้นพลังอำนาจของสามเศียรหกกรออกมาได้ขนาดนี้ เขาจะต้องได้รับสืบทอดคำสอนอันเที่ยงแท้มาเป็นแน่”
หญิงผู้นั้นกล่าว “เขานั้นแข็งแกร่งกว่าเทพสามเศียรหกกรแทบจะทุกตนในสภาสวรรค์ แต่หากว่าเขามิได้ตรึกตรองจนย่างกรายสู่เต๋าด้วยวิญญาณบู๊ ก็คงยากที่เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของหูปู้กุย”
ชาวนาข้างๆ นางกล่าว “หูปู้กุยแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ถึงกับสามารถสกัดกั้นการโจมตีของสามเศียรหกกรได้ ในทางกลับกัน การโจมตีของเขายิ่งรุนแรงและหนักหน่วงขึ้น ความสามารถในด้านปฏิภาณความเข้าใจของเขาได้ไปถึงระดับของวิญญาณบู๊ย่างกรายสู่เต๋าแล้ว ปฏิภาณความเข้าใจของเขาเพิ่มพูนไปอย่างรวดเร็ว”
หญิงผู้นั้นก็รู้สึกเช่นกัน การพัฒนารุดหน้าของหูปู้กุยเร็วเกินไปแล้ว เมื่อเขากลับมายังโลกสู้วัว เขาได้ปลุกทารกวิญญาณขึ้นมาก่อน และไม่มีใครคิดว่าเขาจะไปได้ไกล ผู้คนแห่งโลกสู้วัวคิดว่าเขาไร้ประโยชน์และไม่สามารถบ่มเพาะวิญญาณบู๊ขึ้นมาได้
กระนั้นหูปู้กุยก็ทำสำเร็จ
ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถบ่มเพาะวิญญาณบู๊ เขายังสามารถบ่มเพาะจิตวิญญาณดั้งเดิมมรรคาบู๊ได้ก่อนใครๆ ในอีกสิบปีให้หลัง
และเขาก็ถึงกับก้าวล้ำไปเหนือทุกๆ คนด้วยวิญญาณบู๊ย่างกรายสู่เต๋าเป็นคนแรก!
พรสวรรค์ ความสามารถ และความวิริยะเช่นนี้ หาได้ยากยิ่งในโลกหล้า!
ฉินมู่และหูปู้กุยต่อสู้ตลอดทางออกไปจากวิหาร และประตูหลังก็ถูกทำลายเป็นเศษซาก สองสามีภรรยาล้วนแต่พูดไม่ออก “ข้างหลังวิหารของข้าเละเทะไปหมด พวกเราไปที่วิหารถัดไปกันเถอะ นั่นคือสถานที่ที่ศิษย์พี่เถียนคุ้มกันอยู่ อารมณ์ของเขามุทะลุร้อนแรง ข้าเกรงว่าเขาจะโจมตีหูปู้กุยและหยุดเขาจากการตรึกตรองเต๋า”
สองสามีภรรยารีบรุดไปยังวิหารถัดไป ฉินมู่และหูปู้กุยต่อสู้ไปถึงที่นั่นแล้ว แต่เทพเจ้าที่พิทักษ์รักษาวิหารมิได้โจมตีเข้าไปโดยฉับพลัน ในทางตรงข้าม เขาเฝ้ามองอย่างเงียบเชียบดูสองคนนั้นอาละวาดทะลวงเข้าไปในวิหาร
“นานมากแล้วตั้งแต่เมื่อมีคนหนุ่มสาวแห่งโลกสู้วัวย่างกรายสู่เต๋าด้วยวิญญาณบู๊ได้”
เทพเจ้าที่มีแซ่เถียนมีสีหน้ามุทะลุอารมณ์ร้อน และเขาเดินออกจากวิหารพร้อมกับสามีภรรยาคู่นั้น เขาติดตามฉินมู่และหูปู้กุยเดินไปข้างหน้าและกล่าวด้วยเสียงต่ำ “การย่างกรายสู่เต๋าด้วยวิญญาณบู๊นั้นยากเย็นจนเกินไป มันยากเสียยิ่งกว่าการย่างกรายสู่เต๋าด้วยหนทางอื่นๆ และบัดนี้ พวกเราก็เฝ้ารอคนหนุ่มสาวเช่นนั้น…”
ทุกคนมองเห็นชัดว่าฉินมู่ต่อสู้กับหูปู้กุยด้วยเจตนาดี นั่นก็เพื่อให้หูปู้กุยสามารถธำรงสภาวะตรึกตรองเต๋าเอาไว้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าไปขัดจังหวะ
ไม่ช้าไม่นาน ฉินมู่และหูปู้กุยก็อาละวาดทำลายวิหารทั้งสามสิบหกหลังในอัครนครหยก เทพเจ้าต่างๆ ติดตามไปข้างหลังพวกเขามากขึ้นทุกที และพวกเขาต่างก็มองไปยังการต่อสู้ด้วยความกระวนกระวาย
ทันใดนั้น รัศมีของหูปู้กุยก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างก้าวกระโดด และดวงตาของทุกๆ คนก็ลุกวาว สีหน้าของพวกเขารอลุ้นด้วยความว้าวุ่น
นั่นคือช่วงจังหวะอันคับขันที่สุดสำหรับหูปู้กุย!
เขาจะผ่านขั้นนี้ไปได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะนาทีนี้!
ในตอนนั้นเอง ภาพค้างของหูปู้กุยทั้งหมดก็หายวับ และในเสี้ยวพริบตาที่ภาพค้างหายไปทั้งหมด ทุกภาพต่างก็ขับเคลื่อนทักษะเทวะกายเนื้ออันแตกต่างกันไป แต่ละกระบวนท่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ถัดจากนั้น ภาพมายาทั้งหลายก็เข้ามาซ้อนทับกับร่างของหูปู้กุย
เทพเจ้าที่เฝ้าชมการศึกขนหัวลุกเต็มเหยียด มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองโดยธรรมชาติจากร่างกาย และมันเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติของผู้คนที่ฝึกวิชาบู๊อันมีต่อมรรคาบู๊
พวกเขาล้วนแต่มีความสำเร็จอันสูงส่งน่าแตกตื่นในทักษะเทวะกายเนื้อ และแม้ว่าพวกเขาจะฝึกวิชาฝึกปรืออันลึกซึ้ง แต่พวกเขาก็ไม่เคยประสบการย่างกรายสู่เต๋าด้วยวิญญาณบู๊
พรสวรรค์และปฏิภาณของพวกเขามีอย่างจำกัด และศักยภาพของพวกเขาถูกขุดค้นออกมาจนหมดสิ้น แม้ว่าพวกเขาจะสัมผัสได้ถึงมรรคาบู๊ที่อยู่เบื้องหน้า พวกเขาก็ไม่มีวันย่างก้าวออกไปและเดินเข้าประตู
ในเสี้ยวพริบตาที่หูปู้กุยเดินเข้าประตูสู่มรรคาบู๊ มันก็ทำให้ปราณของพวกเขาทั้งหลายเหิมพุ่งขึ้นมา
หูปู้กุยย่อตัวลงไปเล็กน้อย และจังหวะปราณของเขาก็พวยพุ่งออกไปทำให้เลือดในกายฉินมู่เย็นเฉียบ จังหวะปราณอันน่าสะพรึงกลัวนั้นทำให้เขารู้สึกว่าความตายกำลังรุกใกล้เข้ามา
เขาไม่ทันคิดและเพียงแต่ขับเคลื่อนกระบวนท่าแรกของกระบี่ภัยพิบัติเพื่อป้องกัน แต่ทว่าเขาก็รั้งข่มมันเอาไว้ด้วยกำลังมิให้ปลดปล่อย พลานุภาพของริเริ่มภัยพิบัตินั้นแข็งแกร่งเกินไป และมันจะต้องพิฆาตสังหารฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน
เป้าหมายของเขาคือผ่านการทดสอบของครูบาสวรรค์วิชาบู๊ และช่วยชีวิตนักบุญคนตัดไม้มาอย่างโอ่อ่าผ่าเผย
ข้าเป็นศิษย์ของอาจารย์คนตัดไม้ ครูบาสวรรค์วิชาบู๊ดูแคลนอาจารย์คนตัดไม้มาตลอด ข้าจะต้องสู้กลับเพื่อเกียรติยศชื่อเสียงของเขา!
เมื่อเขาคิดมาถึงตรงนี้ พลานุภาพของหูปู้กุยก็แผ่พุ่งมาถึง ความเร็วระเบิดของทักษะเทวะมรรคาบู๊เร็วอย่างยิ่งยวด และมันก็รวดเร็วจนเทียบได้กับกระบี่ริเริ่มภัยพิบัติของฉินมู่
ความเร็วระเบิดของทักษะเทวะเช่นนี้ เหนือล้ำกว่ามหาทักษะเทวะของฉีเจี่ยวอี๋อย่างไม่ติดฝุ่น มันยังเร็วยิ่งกว่าเพลงมีดของเจ๋อหัวหลี ยิ่งเร็วขนาดที่ว่าไม่มีใครตอบสนองได้ทัน!
ลมกระโชกดงสนสะเทือนหุบผา!
หมัดของเขานั้นเรียบง่าย แต่หลังจากที่หมัดนี้ปลดปล่อยออกมา ฉินมู่ก็มองเห็นภาพค้างอันก่อขึ้นจากจิตวิญญาณแห่งหมัดของเขา กระบวนท่าอันแตกต่างจะก่อขึ้นมาเป็นชุดของภาพค้างที่แยกออกจากร่างของหูปู้กุย
ฉินมู่ขับเคลื่อนกายาจ้าวแดนดินสามอมตะและเผยร่างสามเศียรหกกร แต่ละแขนขับเคลื่อนทักษะเทวะกายเนื้อที่แตกต่างกันเพื่อป้องกัน และในเสี้ยวพริบที่พวกเขากระแทกปะทะ ฉินมู่ก็รู้สึกได้ถึงพลานุภาพอันเกินจินตนาการไหลทะลักเข้ามา บดขยี้พลังอำนาจในร่างกายของเขาโดยไม่มีสิ่งใดต่อต้าน!
แขนของเขาสั่นสะเทือน และเขารู้สึกชาดิกแผ่มาจากแขนทั้งหลาย จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็สั่นสะเทือนเช่นกัน และเขาไม่อาจรวบรวมปราณชีวิตได้ติด
จิตวิญญาณแห่งมรรคาบู๊อันออกมาจากหูปู้กุยพุ่งทะลวงผ่านมายังเขา เขาได้ทำลายทุกทักษะวิชาด้วยการโจมตีเดียวอันน่าประทับใจอย่างสุดกู่ มันทำให้เขาไร้เทียมทาน
เขานั้นได้คืนกลับสู่ตัวตนเที่ยงแท้ และรวบรวมเอาวิชาบู๊ทั้งหมดที่เขาร่ำเรียนมาเข้าเป็นหมัดเดียว หมัดนี้ดูเรียบง่ายอย่างเหลือแสน แต่มันมีการเปลี่ยนแปลงอันเกินจินตนาการซ่อนอยู่ในหมัด
ฉินมู่สะกิดเท้าพุ่งถอยออกไป และร้องคำรามอย่างไม่หยุดยั้งระหว่างที่ขับเคลื่อนทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาร่ำเรียนมา หมัดของเฒ่าหม่าอันหนักหน่วงเท่าเขาพระสุเมรุ มีดของคนแล่เนื้อที่เฉือนฝ่าท้องฟ้าเทียมเท็จ ขาของเฒ่าเป๋ที่รวดเร็วปานอสุนีบาต ทักษะเทวะของอดีตกษัตริย์มนุษย์ทั้งหมด มุทราฟ้าและดินของกษัตริย์มนุษย์บรรพชนแรก ทักษะเทวะพุทธของพุทธเจ้าท้าวสักกะ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเขารีดเร้นออกมาจนสิ้น
เขาทลายฝ่าเงาภาพค้างแรกของหูปู้กุย แต่กระนั้นเงาภาพที่สองก็ยังพุ่งเข้ามาติดๆ ฉินมู่ถอยต่อไปอีก และแผ่นหินปูพื้นที่ใต้เท้าเขาก็ระเบิดออกมา เขานั้นเหมือนกับมือใหม่อันเพิ่งเริ่มเรียนวิชาบู๊ เขาขับเคลื่อนเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเพื่อกระตุ้นเร้าวิญญาณบู๊ รวมรวมเอาพละกำลังทั้งหมดในกายเนื้อของเขาเพื่อป้องกันหูปู้กุย
ความเร็วในการขับเคลื่อนทักษะเทวะกายเนื้อของเขาเร็วกว่าเวทมนตร์อยู่แล้วตั้งแต่แรก ด้วยมีสามเศียรหกกร ความเร็วของเขาก็ยิ่งเร็วกว่าคนทั่วไปถึงสามเท่า!
ยิ่งไปกว่านั้น เท้าของฉินมู่ก็เคลื่อนขยับ และด้วยก้าวออกไปครึ่งทาง เท้าของเขาก็หันเหไปเศษหนึ่งส่วนสามวงกลม และทักษะเทวะจากมืออีกคู่หนึ่งก็ออกมาต้านรับทักษะเทวะของหูปู้กุย
เขาเหมือนกับลูกข่างที่หมุนถอยกลับไปอย่างบ้าคลั่ง เขาเคลื่อนที่ไปกว่าสิบลี้ และปะทะเข้ากับประตูหลังของวิหาร ทะลวงผ่านวิหารแล้ววิหารเล่า
แขนทั้งหกของเขาขับเคลื่อนทักษะเทวะกายเนื้อนับไม่ถ้วนในเสี้ยวพริบตา และศักยภาพของเขาก็ถูกเพิ่มพูนจนถึงขีดจำกัด ก่อนหน้านั้น ปราณและโลหิตของเขาดูราวกับสายรุ้ง แต่ในชั่วจังหวะนี้ ปราณและโลหิตของเขาเหมือนกับเพลิงไฟอันผลาญฟ้า!
อีกฟากหนึ่งนั้น หูปู้กุยยังคงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่วงท่าของการซัดหมัดออกไป ในขณะเดียวกัน ที่ตรงหน้าเขา เงาภาพค้างมากมายก็เผยแสดงทักษะเทวะกายเนื้อทุกชนิดทุกรูปแบบ พวกมันหากว่าไม่เป็นหมัดก็เป็นลูกเตะ และทุกกระบวนท่าล้วนแตกต่างกัน
ภาพค้างเหล่านั้นยืดยาวไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง และความเร็วก็เร็วอย่างมหันต์ ในเสี้ยวพริบตา ความเร็วการโจมตีของทั้งสองคนก็เหนือจิตนาการ จนกระทั่งฉินมู่ล่าถอยออกไปพ้นอัครนครหยกแล้วเท่านั้น เสียงกึกก้องปะทะกันของทักษะเทวะกายเนื้อของพวกเขาจึงดังไปถึงหูเทพเจ้าทั้งหลายในอัครนครหยก
สิ่งนี้บรรยายได้อย่างเชื่องช้า แต่อันที่จริงมันเกิดขึ้นในเสี้ยวพริบตา
จากการระเบิดไปของหมัดหูปู้กุยจนกระทั่งฉินมู่ถอยออกจากอัครนครหยก เขาได้ตะลุยผ่านถนนยาวสิบกว่าลี้ในชั่วพริบตา ในเสี้ยววินาทีนั้น ทักษะเทวะกายเนื้อที่ฉินมู่ขับเคลื่อนออกไปมีจำนวนนับไม่หมดสิ้น
เขาถูกบีบออกมาจากอัครนครหยกด้วยมหาทักษะเทวะของหูปู้กุย และจนถึงตอนนี้รอยเท้าที่เขาทิ้งไว้บนพื้นจึงระเบิดออก หินแหลกละเอียดมากมายระเบิดออกไปพร้อมๆ กับรอยเท้าของเขา และมันก็กุก่องตระการดุจพลุไฟ
ปัง ปัง ปัง หินแตกระเบิดออกไปเหมือนดอกไม้ไฟตลอดเส้นทางออกนอกเมืองจนกระทั่งถึงเท้าของฉินมู่
และในตอนนั้น เงาภาพค้างทั้งหมดของหูปู้กุยก็เข้ามาซ้อนด้วยกันและปรากฏตรงหน้าฉินมู่ พลานุภาพของมหาทักษะเทวะมรรคาบู๊ของเขาระเบิดออกไปพร้อมๆ กันทั้งหมด!
มันเป็นแก่นแกนของกระบวนท่า ลมกระโชกดงสนสะท้านหุบผา แม้ว่าผู้ต้านรับจะสามารถรับมือการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด แต่ก็จะพบว่าการรับมือภาพค้างทั้งหมดที่มาซ้อนกันเป็นหนึ่งเดียวนั้นยากจนสุดกู่!
มหาทักษะเทวะนี้ อันย่างกรายเข้าสู่เต๋าแล้ว ทรงมหิทธานุภาพเป็นอย่างยิ่ง เขาทำอะไรไม่ได้เลยสักนิด!
ย่างกรายสู่เต๋าด้วยวิญญาณบู๊นั้นยากเย็นถึงขนาดจริงๆ และแม้แต่เทพเจ้าใต้บัญชาของครูบาสวรรค์วิชาบู๊ก็ไม่อาจไต่ไปถึงความสำเร็จระดับนั้น แต่ทว่า หลังจากที่ย่างกรายสู่เต๋า วรยุทธของเขาก็จะเพิ่มพูนขึ้นไปอย่างพลิกฟ้าคว่ำดิน!
ฉินมู่ไร้จิตวอกแวก และในสายตาของเขามองเห็นก็แต่หมัดของหูปู้กุยเท่านั้น นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นใด ปราณและโลหิตของเขาเหิมพุ่งอีกหนในจังหวะนี้ ไม่เพียงแต่เขามีวิญญาณบู๊ แต่จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็ยังย่างก้าวเข้าไปในสภาวะอันหาญศึกและลึกลับอย่างบอกไม่ถูก นั่นคือจิตวิญญาณดั้งเดิมมรรคาบู๊!
การย่างกายสู่มรรคาบู๊นั้นมีสามขั้นตอน ขั้นแรกคือการปลุกวิญญาณบู๊ ขั้นที่สองคือการปลุกจิตวิญญาณดั้งเดิมมรรคาบู๊ และขั้นที่สามคือการย่างกรายสู่มรรคาบู๊ และตรึกตรองเข้าใจมหาทักษะเทวะมรรคาบู๊ของตนเอง
เขาได้ใช้เวลาสิบวันในการปลุกวิญญาณบู๊ และภายใต้แรงกดดันของมหาทักษะเทวะของหูปู้กุย ศักยภาพของเขาก็โจนทะยานอย่างพรวดพราด เขาปลุกจิตวิญญาณดั้งเดิมมรรคาบู๊ขึ้นมาได้!
เทพเจ้าหลายสิบตนกำลังจะช่วยเขาสกัดกั้นการโจมตีของหูปู้กุย แต่ทันใดนั้นเสียงอันหนักหน่วงก็ดังมาจากหน้าตำหนักชิดฟ้า “อย่าบุ่มบ่าม”
เทพเจ้าทั้งหลายหยุดมือทันทีและหันไปมองเทพเจ้าหัววัวร่างมนุษย์ที่มีเพลิงไฟพวยพุ่งไปรอบๆ กายของเขา เขาเหมือนกับราชาแห่งทวยเทพที่ยืนอยู่ตรงหน้าตำหนักชิดฟ้า และดูน่าเกรงขามยิ่งนัก เขามิใช่ใครอื่นนอกเสียจากวัวแก่ที่ดูไม่สะดุดตาของชาวนาเฒ่า
วัวแก่ดูผิดไปจากตอนที่เขาไถนาอย่างสิ้นเชิง และดวงตาของเขาก็เปิดออกส่องแสงออกไปทั่วสารทิศ “อย่าไปขัดจังหวะการย่างกรายสู่เต๋าด้วยวิญญาณบู๊ของเขา ตอนนี้เป็นช่วงจังหวะที่สำคัญที่สุดของเขา”
“ย่างกรายสู่เต๋าด้วยวิญญาณบู๊?”
ทุกคนงงงัน และหญิงคนหนึ่งก็พึมพำ “ไม่ใช่ว่าหูปู้กุยสำเร็จวิญญาณบู๊ย่างกรายสู่เต๋าแล้วหรือ เขาน่าจะฟื้นตื่นขึ้นมาจากมรรคาบู๊ย่างกรายสู่เต๋าในเวลาไม่นาน…หรือว่าจะเป็น?”
เทพทั้งหลายเผยสีหน้าไม่เชื่อหูและหันไปมองยังจุดที่ฉินมู่ปะทะอยู่กับหูปู้กุย
ที่นั่น ฉินมู่ดูเหมือนจะมีแขนนับพันงอกเงยออกมา ขับเคลื่อนทักษะเทวะที่เขาเรียนรู้มาแตกต่างกับวิธีการของหูปู้กุ่ย
เห็นได้ชัดว่าบุคคลอันวัวแก่พูดถึงว่ากำลังย่างกรายสู่มรรคาบู๊มิใช่หูปู้กุย!
“หรือว่านี่คือกายาจ้าวแดนดินในตำนานที่ครูบาสวรรค์ใหญ่คนตัดไม้เอ่ยอ้างถึง” วัวแก่กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา