ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 273: เดินบนเส้นทางของตัวเอก
บทที่ 273: เดินบนเส้นทางของตัวเอก
ณ ทางเดินอันมืดมิด การต่อสู้เพียงฝ่ายเดียวกำลังดำเนินต่อไป
“สวดเสียงกรีดร้องเก่งนักไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่สวดต่อล่ะ หืม?”
เด็กหนุ่มผมดำยืนอยู่ใต้แสงขณะทุบดาบลงบน ‘กระป๋องโลหะ’ ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด หลังจากฟาดต่อไปอีกไม่กี่ครั้ง ในที่สุดทหารในชุดเกราะดำก็ล้มลงคุกเข่า
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหมดสภาพ โรเอลก็ดึงทหารเกราะดำเข้าไปในแสง น่าประหลาดใจที่ร่างกายของอีกฝ่ายนั้นไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใด ๆ เป็นพิเศษต่อแสง มันเพียงแค่มีท่าทางที่ทุกข์ทรมานเท่านั้น
ดูเหมือนว่าแสงในสำนักงานของหน่วยรักษาความปลอดภัยจะไม่เป็นอันตรายต่อพวกมัน แต่พวกมันก็ไม่อยากจะเข้าใกล้อยู่ดี
โรเอลถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ดูเหมือนว่าความหวังในการครอบครองโลกแห่งความฝันนี้ โดยใช้ตะเกียงเพียงดวงเดียวจะแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปเสียแล้ว จากนั้นเด็กหนุ่มก็ยกดาบขึ้นตัดหัวศัตรูลงในทันที
เมื่อรู้ว่าสัตว์ประหลาดเหล่านี้เกลียดแสง โรเอลจึงลากซากศพของมันมาไว้ภายใต้โคมไฟแขวน และเริ่มชันสูตรศพครั้งที่สอง ปรากฏว่าไม่มีความแตกต่างในอวัยวะภายในระหว่างสัตว์ประหลาดทั้งสองตัวมากนัก เพียงแค่ตัวนี้มีหัวใจน้อยกว่าหนึ่งดวง แต่มีไตมากกว่าหนึ่งอัน
“พ่อค้าอวัยวะในตลาดมืด คงจะอยากรู้ความลับเบื้องหลังการทำงานในร่างกายของพวกมัน”
โรเอลพึมพำขณะคืนไตที่เปื้อนเลือดกลับไปในร่างของสัตว์ประหลาด
เด็กหนุ่มยังคงตรวจสอบร่างกายของสัตว์ประหลาดต่อไป และปรากฏว่าแขนขวาของตัวนี้จะไม่ได้ใหญ่ผิดปกติเหมือนตัวก่อน
“ร่างกายของพวกมันมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ สิ่งนี้จะต้องทำให้เรื่องยุ่งยากแน่”
โรเอลกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึม
ความแตกต่างทางกายภาพระหว่างสัตว์ประหลาดน่าจะหมายความว่าพวกมันมีจุดแข็งและจุดอ่อนต่างกัน เขาจึงต้องจดจำข้อมูลเหล่านี้เอาไว้และดำเนินการอย่างระมัดระวัง
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของพวกมันจะไม่ได้ทรงพลัง แต่เสียงสวดพึมพำลึก ๆ ของพวกมันมีพลังการโจมตีทางจิตใจ ซึ่งค่อนข้างจะยุ่งยากในการรับมือ มันทำให้โรเอลลำบากขึ้นมาก เนื่องจากต้องรักษาการเชื่อมต่อกับคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดไว้อย่างต่อเนื่องในระหว่างการต่อสู้
เมื่อการชันสูตรศพเสร็จสิ้น โรเอลก็มุ่งหน้าไปยังอาคารอื่นเพื่อสังหารทหารเกราะดำอีกตัว เพื่อตรวจสอบอีกครั้งว่าร่างกายของพวกมันมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญรึเปล่า
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ การเปลี่ยนแปลงที่โรเอลสังเกตเห็นเกี่ยวกับแหวนกุหลาบดำ
“เราจินตนาการไปเอง หรือว่าแหวนกุหลาบดำดูสว่างขึ้นกว่าปกติ?”
บางทีมันอาจจะเป็นแค่แสงสะท้อน แต่ตอนนี้แหวนกุหลาบดำนั้นดูเปล่งประกายขึ้นมามาก หลังจากที่โรเอลได้สังหารทหารเกราะดำไปสามคน ก่อนที่เขาจะได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด เสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้นในหูของเขา
“กริ๊งงงงงงงงง…”
โรเอลลืมตาขึ้นพร้อมร่างกายที่สั่นเล็กน้อย บนเตียงอันอบอุ่น อำลาจากโลกแห่งความมืดมิด
…
ในเช้าอันรุ่งโรจน์ของวันใหม่ และโรเอลกำลังรับประทานอาหารเช้ากับพอลซึ่งพักค้างคืนหนึ่งคืน
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์สีกรมท่าจะถูกจ่ายโดยสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ตราบเท่าที่ยังไม่เกินจำนวนที่กำหนด ดังนั้นโรเอลจึงสามารถอยู่ได้อย่างพระราชาหากเขาต้องการ และต่อให้เด็กหนุ่มจะใช้เกินงบประมาณไปจริง ๆ เขาก็มีความสามารถที่จะจ่ายได้ด้วยตัวเอง ด้วยที่เขตการปกครองแอสคาร์ดนั้นกำลังเจริญรุ่งเรือง ด้วยเหตุนี้เมื่อวานเขาจึงเปิดไวน์อายุสามสิบปีโดยไม่ลังเล
ก็นะ อาหารมักจะอร่อยขึ้นเมื่อไม่ต้องจ่ายเงินเอง!
ขณะเพลิดเพลินไปกับอาหารเช้า โรเอลก็อดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นดวงตาอันเปล่งประกายของพอล ที่มุ่งมาทางเขาเป็นระยะ ๆ และนั่นทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ เมื่อนึกถึงความแตกต่างระหว่างโครงเรื่องหลักของเกมกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว โรเอลรู้สึกว่าตนจำเป็นต้องรักษา ชมรมสารพัดจ้างของพอลในตัวเกมเอาไว้ให้ได้
ณ จุดนี้ โรเอลมั่นใจแล้วว่าตัวเองได้หักเดธแฟล็กทั้งหมดที่ตัวเองมีกับเหล่านางเอกทั้งสี่ไปแล้วเรียบร้อย แต่ปัญหาเดียวที่เขายังแก้ไขไม่ได้ก็คือความขัดแย้งภายใน
ในเกมอาย ออฟ โครนิเคิล ที่พอลกลายเป็นคนรักที่มีศักยภาพเพียงพอสำหรับนางเอกทั้งสี่ได้ ไม่ใช่เพียงเพราะคำพูดของเขาเท่านั้น แต่ยังมาจากประสบการณ์ที่พวกเขามีร่วมกันอีกด้วย
เมื่อนึกถึงสิ่งที่พอลต้องเผชิญในเกม โรเอลก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับอุปสรรคมากมายที่ขวางทางพอล แม้ว่าเขาจะไม่ได้สังเกตเลยว่าตัวเองก็เจอเรื่องไม่น้อยไปกว่าอีกฝ่ายเลย
โรเอลได้เปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างไปจากเกมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การสั่งสมจากการกระทำของเขาได้เปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า แต่ในขณะที่เขาสามารถเอาชนะตัวเอกได้ นั่นไม่ได้หมายความว่าเหล่าตัวร้ายคนอื่น ๆ ของพอลจะยกธงขาวและยอมจำนนให้
ตัวอย่างที่ดีอย่างหนึ่งคือขุนนางทั้งสองผู้รับใช้สององค์ชาย ที่เข้าท้าทายพอลระหว่างพิธีเปิดภาคเรียน รายละเอียดเล็ก ๆ น้อยๆ นี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย อันที่จริงแล้ว ความก้าวร้าวของทั้งสองคน รุนแรงเกินกว่าภายในเกมเสียอีก ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นแค่ตัวประกอบที่ไม่มีนัยสำคัญใด ๆ ด้วยซ้ำ
ยังมีอุปสรรคอีกมากมายที่พอลต้องเอาชนะให้ได้ และการที่โรเอลไม่ได้อยู่ในรายชื่อตัวร้ายแล้ว ก็ลดมันลงไปได้เพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น
อุปสรรคเหล่านี้ของพอลไม่ได้มีผลกับแค่ตัวเขาเองเท่านั้น เพราะผลลัพธ์ต่าง ๆ จะสร้างกระแสเป็นระลอกไปทั่วทั้งสถานศึกษา ส่งผลกระทบต่อนอร่า ชาร์ล็อต หรือแม้แต่อลิเซีย หากสิ่งต่าง ๆ ผิดพลาดไปล่ะก็ อนาคตอันสวยงามที่โรเอลได้วาดไว้สำหรับตัวเขาก็อาจจะเสียหายได้
เนื่องจากมีหลายสิ่งหลายอย่างเป็นเดิมพัน โรเอลจึงไม่สามารถพักผ่อนได้ จนกว่าเขาจะสามารถกำจัดภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในเงามืดทั้งหมดลง
เพื่อกำจัดขยะเหล่านั้นออกไป โรเอลต้องการใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบที่เขามีจากความรู้ของเกมอาย ออฟ โครนิเคิล ทำให้พอลต้องมีบทบาทอีกครั้ง และการมีอยู่ของชมรมสารพัดจ้างก็เป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากมันทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นสำหรับหลาย ๆ เหตุการณ์
ต่างกันแค่ตอนนี้ชมรมสารพัดจ้างอันไร้ฝ่ายในเกม จะเชื่อมโยงกับฝ่ายกุหลาบน้ำเงิน โดยพอลทำหน้าที่เป็นผู้นำและโรเอลเป็นผู้สนับสนุน
มันเป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายต่าง ๆ ในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า จะสร้างหรือรับช่วงต่อแผนกหรือชมรมสำคัญ ๆ ในสถาบันการศึกษา
ภายในเกม ฝ่ายกุหลาบแดงของชาร์ล็อตรับผิดชอบแผนกการเงิน ทำให้งานสำคัญ ๆ ทุกประเภทจะต้องได้รับการอนุมัติจากเธอเพื่อให้งบประมาณผ่านไปได้ ฝ่ายกุหลาบสีทองของนอร่าเป็นผู้นำแผนกกิจกรรม โดยเธอจะเป็นคนรับผิดชอบในการวางแผนและจัดการงานกิจกรรมหลัก ๆ ของสถาบันการศึกษา
โรเอลยังไม่แน่ใจว่าหน้าที่หลักของฝ่ายกุหลาบน้ำเงินควรจะเป็นอย่างไร จนกระทั่งจู่ ๆ พอล ก็เข้ามาหาที่หลบภัยกับเขา ทำให้เด็กหนุ่มเลือกที่จะไหลไปตามกระแส
ตามจริงแล้วโรเอลกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับพอลในปัจจุบัน เพราะเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากเหล่านางเอก เขาจึงกลัวว่าพอลจะไม่มีกำลังเพียงพอที่จะเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ที่รอเขาอยู่ในอนาคตได้ หากมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับพอลล่ะก็ โรเอลคงจะรู้สึกผิดไปชั่วชีวิตแน่
การเสียชีวิตของพอลย่อมมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อโลกอย่างไม่ต้องสงสัย และความหมายเหล่านี้มีแนวโน้มว่าจะเป็นผลลบ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ คำขอของพอลเพื่อเข้าร่วมฝ่ายกุหลาบน้ำเงิน สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ด้วยการสนับสนุนจากฝ่ายกุหลาบน้ำเงิน โอกาสที่อุบัติเหตุใด ๆ จะเกิดขึ้นกับพอลน่าจะลดลงไปมาก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถปกป้องทั้งพอลและชมรมสารพัดจ้างได้ ซึ่งเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบ ราวกับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!
จะมีอะไรดีไปกว่านี้อีกไหม?
เป็นไปอย่างที่คิดไว้จริง ๆ!
โรเอลกำหมัดแน่น ขณะที่เขารู้สึกซาบซึ้งกับปัญญาของตัวเอง แต่ในที่สุดเด็กหนุ่มก็หลุดออกจากห้วงความคิดและเงยหน้ามองพอลด้วยดวงตาอันเป็นประกาย
“อย่าลืมส่งใบสมัครของนายภายในวันนี้ด้วยล่ะ!”
…
คาบเรียนแรกที่โรเอลเรียนในวันนั้นยังคงเป็น ‘ห้องเรียนของคริส’ ทันทีที่เขาผลักประตูห้องเรียนที่ 14 ของอาคาร 1 ออก เขาก็ถูกเหล่าเพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงรุมล้อม
“อรุณสวัสดิ์ โรเอล”
“บทเรียนเมื่อวานเป็นอย่างไรบ้าง? เธอตามทันใช่ไหม?”
“อย่าลังเลที่จะถามพวกเรานะถ้าสงสัยหรือไม่ทันเรื่องอะไร!”
เหล่านักเรียนชั้นปีที่ 2 ได้หักห้ามใจตัวเองมาตลอด เพื่อพิจารณาทัศนคติของลิเลียนที่มีต่อโรเอล และเมื่อพวกเธอตระหนักว่าลิเลียนไม่มีท่าทีเป็นปรปักษ์ต่อเขา แม้ว่าจะมีทัศนคติที่เย็นชา พวกเธอจึงกระตือรือร้นมากกว่าเมื่อวานมาก
ส่วนเหล่านักเรียนชั้นปีที่ 3 ที่นั่งอยู่รอบ ๆ ลิเลียนยังคงจับตาดูปฏิกิริยาของเธอ ด้วยความรู้สึกอยากจะเคลื่อนไหวสุดใจ ในขณะที่นักเรียนชั้นปีที่ 4 ต่างก็หัวเราะเบา ๆ ไปกับความโกลาหล
“คึกคักกันแต่เช้าเลยนะ”
“ฮ่าฮ่า รุ่นน้องปี 1 และปี 2 ของพวกเราช่างมีความกระตือรือร้นจริง ๆ ”
“ใช่ ดูเหมือนพวกเราจะแก่เกินไปแล้วเลย”
นักเรียนต่างใช้เวลาว่างที่มีอยู่ ก่อนคริสจะมาถึงเพื่อสนทนากัน เหล่านักเรียนหญิงจากชั้นปีที่ 2 พยายามทดสอบโรเอลเกี่ยวกับแบบฝึกหัดในบทเรียนเมื่อวานนี้ โดยหวังว่าจะใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่อเข้าใกล้เขา แต่ที่ทำให้พวกเธอต้องประหลาดใจก็คือ เด็กหนุ่มนั้นสามารถตอบคำถามของพวกเธอได้อย่างง่ายดาย
“โอ้? เขาตอบได้ดีมากเลยทีเดียว”
“นั่นค่อนข้างน่าทึ่งเลยนะ นี่เป็นพรสวรรค์ของผู้ครอบครองสถิติ ‘ค่ำคืนแห่งปีศาจ’ งั้นเหรอ?”
“หา? อืม ฮ่า ๆๆ”
โรเอลรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับคำชมที่ได้รับ เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองลิเลียน ซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายก็ยังคงไม่สะทกสะท้านอะไร ราวกับว่าเธอมองไม่เห็นหรือไม่ได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา
เธอปฏิบัติกับเราเหมือนอากาศจริง ๆ ให้ตายสิ
โรเอลคิดด้วยรอยยิ้มที่ทำอะไรไม่ถูก
แต่ในขณะเดียวกันโรเอลก็รู้สึกขอบคุณลิเลียน เพราะอย่างน้อย ๆ การสอนของเธอก็ช่วยให้เขารอดพ้นจากความอับอายไปได้ชั่วขณะ
“โอ้? เอาล่ะ พวกที่รวมตัวกันอยู่ข้างหน้านั้น ได้เวลากลับไปที่นั่งได้แล้ว คาบเรียนจะเริ่มแล้ว”
คริสเข้ามาในห้องเรียนและทักทายด้วยรอยยิ้ม เธอดีใจมากที่เห็นว่าโรเอลนั้นสามารถปรับตัวเข้ากับชั้นเรียนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้คริสเริ่มคิดหัวข้อที่จะเขียนลงในจดหมายฉบับต่อไปได้ มันผ่านมานานหลายปีมากแล้ว ตั้งแต่ที่เธอได้พบคาร์เตอร์ครั้งล่าสุด มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะหาหัวข้อทั่ว ๆ ไประหว่างพวกเขา
คริสคิดว่าวิธีจีบพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ดีที่สุด คือการจีบลูกของเขาก่อน ตราบใดที่เธอสามารถเอาชนะใจลูกชายของเขาได้ เธอก็ประสบความสำเร็จไปครึ่งทางแล้ว
เนื้อหาที่คริสสอนในวันนี้ยังคงซับซ้อนเหมือนเช่นเคย ชั้นเรียนสองชั่วโมงนั้นมากเกินพอที่จะทำให้โรเอลล้มลง แต่เขาก็รู้ดีว่ามันยังไม่จบ การต่อสู้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครึ่งเดียว และมันจะกลับมาอีกครั้งในตอนกลางคืน
ไม่มีปฏิสัมพันธ์ใด ๆ ระหว่างโรเอลกับลิเลียนในชั้นเรียน มีเฉพาะในตอนที่พวกเขาออกจากห้องเรียนเท่านั้นที่โรเอลจะกล่าวอำลาเธออย่างสุภาพ
“แล้วพบกันใหม่ครับ รุ่นพี่ลิเลียน”
“…”
ลิเลียนหยุดลงชั่วครู่หนึ่ง และมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ดูเหมือนว่าเธอจะประหลาดใจกับการจากลาของเขา ในทางกลับกันโรเอลนั้นเคยชินกับการขาดการตอบสนองของเธอแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจอะไร และเดินออกไปที่ชั้นเรียนต่อไปของตน
แต่ในไม่ช้าเด็กหนุ่มก็รู้ตัวว่าลิเลียนกำลังติดตามเขาอยู่
“รุ่นพี่ มีอะไรเหรอครับ…?”
“… ชั้นเรียนต่อไปของเธอคืออะไร?”
“ชั้นเรียนต่อไปของผม? การสร้าง… อา”
โรเอลเบิกตากว้างเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพวกเขามีคาบเรียนที่เหมือนกันอยู่ด้วย เมื่อเห็นว่าในที่สุดเด็กหนุ่มก็เข้าใจ ลิเลียนก็ไม่สนใจที่จะถามต่อ เธอตามเขาไปอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะเดินแยกออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อสร้างระยะห่างระหว่างพวกเขา
ดูเหมือนว่าระหว่างเรากับลิเลียนจะมีความคล้ายคลึงกันมากไม่น้อยเลยนะ โรเอลรู้สึกทึ่งกับความบังเอิญนี้
ในขณะเดียวกัน ลิเลียน รู้สึกว่าจิตใจของตนกำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
ความจริงที่ว่าพวกเขาทั้งคู่เป็นทั้งนักเรียนของคริส และเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสายการสรรค์สร้าง หมายความว่าการมีปฏิสัมพันธ์กับโรเอลเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งตระหนักได้ว่าเขามีวิธีการร่ายพลังเวทที่เหมือนกันกับตัวเธอในอดีต ยิ่งทำให้เธอรู้สึกคันอยู่ในใจ ราวกับว่ามีแมวกำลังเกาหัวใจของเธออยู่
ลิเลียนไม่สามารถบอกได้ว่าเธอคิดไปเองรึเปล่า แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอรู้สึกถึงความใกล้ชิดที่อธิบายไม่ได้ต่อโรเอล มากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเธอโต้ตอบกับเขามากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ทำให้เธอลดความระมัดระวังของตัวเองลงโดยไม่รู้ตัว
ความตั้งใจอย่างกะทันหันของลิเลียนเมื่อวานนี้ที่จะเพิ่มชั้นเรียนของพวกเขาด้วยกันคือหนึ่งในข้อพิสูจน์
ตอนนี้เมื่อได้ลองคิดเกี่ยวกับมันแล้ว ความรู้ที่ลิเลียนตั้งใจจะมอบให้โรเอลนั้นอยู่นอกเหนือขอบเขตความรับผิดชอบของเธอไปแล้ว แต่สายตาอันหมดหนทางของเด็กหนุ่ม ทำให้เธออยากจะแสดงทางออกให้เขาได้เห็น
ความรู้สึกที่เข้าใจยากนี้ทำให้ลิเลียนรู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดซึ้ง เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ของชาร์ล็อตและนอร่าที่หลงใหลในตัวของโรเอล เด็กสาวก็เริ่มสงสัยว่าตระกูลแอสคาร์ดมีสายเลือดของอินคิวบัสแฝงอยู่รึเปล่า
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้นไปอีก
ลิเลียนมองย้อนกลับไปที่โรเอลก่อนจะเดินจากไปด้วยความสงสัยในใจ