ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 353: อันตรายที่ลึกล้ำ
บทที่ 353: อันตรายที่ลึกล้ำ
เศษหินที่โปรยปรายรอบ ๆ ตัวทำให้โรเอลรู้สึกหมดหนทางแบบอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน นับตั้งแต่ตอนที่เขาปลุกพลังเหนือธรรมชาติได้เมื่ออายุเก้าขวบ
เศษหินที่ร่วงหล่นลงมานั้นดูน่าสะพรึงกลัว แต่ก็เป็นภัยคุกคามเพียงแค่กับมนุษย์ธรรมดา ๆ ทั่วไปเท่านั้น ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้หกขึ้นไป สามารถปัดเป่าเศษหินเหล่านี้ออกจากซากปรักหักพังได้อย่างสบาย ๆ เพียงแค่การเหวี่ยงแขน ในขณะที่ระดับแก่นแท้ห้าสามารถเบี่ยงเบนกระแสของซากปรักหักพังได้ด้วยพลังเวทย์ของพวกตน แล้วนับประสาอะไรระดับแก่นแท้สี่ลงไป…
ทว่าโรเอลในปัจจุบันแทบจะไม่มีพลังเวทย์อยู่เลย เขามีเพียงอุปกรณ์เวทย์ป้องกันที่เด็กสาวสองคนโยนมาให้ตน เมื่อการต่อสู้ปะทุขึ้น สร้อยข้อมือจากลิเลียนและเครื่องรางจากอลิเซีย เกราะเวทย์เรืองแสงที่พวกเธอสร้างขึ้นได้ปกป้องเขาจากการทำลายล้างของการต่อสู้ น่าผิดหวังที่โรเอลในตอนนี้ทำได้เพียงแค่เฝ้าดูการต่อสู้ของพวกเธอจากภายในเกราะอย่างไร้พลัง
โรเอลพยายามตะโกนสุดเสียงเพื่อหยุดพวกเธอ แต่มันก็ไม่เป็นผล เพราะทั้งคู่ต่างไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด
ภายใต้แสงจันทร์นวลผกา นกสีเงินหลายสิบตัวร่อนลงมาจากดวงจันทร์ โคจรรอบท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่ละตัวมีพลังเวทย์มากพอที่จะจุดประกายความระแวดระวังของลิเลียน พวกมันช่วยบรรเทาแรงกดดันอันหนักหน่วงที่เข้าบดขยี้อลิเซีย มอบอิสระในการเคลื่อนไหวให้เด็กสาวผมเงินอีกครั้ง
สายเลือดของตระกูลซิลเวอร์แอซ
นี่เป็นหนึ่งในสายเลือดระดับเงินที่แข็งแกร่งที่สุดและไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ มันทำให้พลังชีวิตของผู้ที่ครอบครองไร้ขอบเขต เปิดช่องว่างอันยอดเยี่ยมสำหรับความคล่องแคล่วในการต่อสู้ ดังที่เห็นในกรณีของอลิเซีย
นกทุกตัวเหล่านี้เป็นภาชนะที่อลิเซียสะสมพลังเวทย์และพลังชีวิตของตัวเองเข้าไป ด้วยพลังของพวกมัน เธอสามารถใช้พลังเวทย์ได้เทียบเท่ากับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ระดับแก่นแท้สามแม้ว่าจะยังอยู่ที่ระดับแก่นแท้สี่ก็ตาม
“โรเอลกับฉันถูกกำหนดให้อยู่ด้วยกัน นี่คือชะตากรรมที่ถูกกำหนดเอาไว้ล่วงหน้าโดยพลังทางสายเลือดของพวกเรา ร่างกายของเราจะส่งเสริมสายเลือดที่บรรพบุรุษของเราอนุรักษ์ไว้อย่างดีมาตลอดหลายชั่วอายุคน นี่คือความรับผิดชอบและภารกิจของพวกเรา !”
“สายเลือด ? เธอกำลังพูดถึงสายเลือดที่ทำให้ท่านพี่ต้องประสบอันตรายและความทุกข์ยากรึเปล่า ? ฮ่า ๆ เธอจะสืบสานสายเลือดต้องสาปนั่นก็ได้ แต่ลูกหลานของท่านพี่กับฉันจะต้องมีความสุขมากกว่าแน่นอน ด้วยการเพิ่มคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดความสมบูรณ์แบบของฉันเข้าไป !”
“ดูเหมือนว่าจะไม่มีที่ว่างสำหรับการปรองดองเลยสินะ”
“ใช่แล้ว”
เมื่อเห็นว่าไม่มีที่ว่างให้เจรจากันอีก ทั้งสองจึงตัดสินใจทุ่มสุดตัว ส่งผลให้พลังเวทย์ท่วมท้นออกมาในทันที
นกสีเงินของอลิเซียแปรเปลี่ยนเป็นไฟนรกและพุ่งเข้าหาลิเลียนด้วยความเร็วสุดขีด ซึ่งลิเลียนก็ตอบสนองด้วยการเรียกกองทหารถือโล่ทองคำออกมา
โล่ของพวกมันคือโล่พระอาทิตย์ ของหมวดภาคีอัศวินเพลิงอัสดง ซึ่งเป็นอุปกรณ์เวทย์ไฟระดับสูงที่มีความต้านทานสูงต่อการโจมตีประเภทไฟ ภายใต้เกราะกำบังเหล่านี้ เพลิงนรกที่ลุกโชติช่วงถูกทำให้เป็นกลางอย่างง่ายดาย ไม่เหลืออะไรนอกจากสายลมอันอบอุ่น
การต่อสู้อันดุเดือดบนหอนาฬิกาได้ดึงดูดความสนใจของฝูงชนที่จัตุรัสแห่งพรอย่างรวดเร็ว คู่รักบางคู่อพยพออกจากพื้นที่อย่างกระวนกระวายใจ แต่ส่วนใหญ่เลือกที่จะอยู่นิ่ง ๆ และเฝ้าดูความโกลาหลนี้
ท่ามกลางความวุ่นวายโกลาหล เกรซได้นำชนชั้นสูงของชาวโรซ่าไปยังที่ที่ชาร์ล็อตและกลุ่มขุนนางชั้นสูงจากอาณาจักรอื่น ๆ หลบอยู่
“นายหญิง นั่นมัน…”
เกรซตะโกนขณะชี้ไปที่หอนาฬิกา
น่าแปลกใจที่ไม่มีการตอบสนองใด ๆ จากชาร์ล็อตเลย เกรซจึงหันไปมองที่เด็กสาวด้วยความงุนงงก่อนจะเห็นว่าเธอกำลังตัวสั่นเทิ่มอย่างหนัก
เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมนายหญิงทำสีหน้าแบบนั้น ?
แม้จะเพิกเฉยต่อเกรซ แต่อารมณ์ของชาร์ล็อตนั้นโหมกระหน่ำอยู่ในใจราวกับคลื่นยักษ์อันเชี่ยวกราก เธอตัวสั่นด้วยความตกใจและความโกรธ
ชาร์ล็อตมองเห็นเด็กชายที่ยืนอยู่ข้างหลังลิเลียน และเธอก็คงจะเป็นคนโง่มาก ๆ ถ้าไม่รู้ว่าเขาคือโรเอล ทันใดนั้นเธอก็หวนนึกถึง ‘ภาพติดตา’ สองครั้งที่ได้เห็นเมื่อวานนี้
การโอบกอดโรเอลที่ระเบียงก็แย่มากแล้ว แต่ผู้หญิงคนนั้นกล้าดียังไงมาแตะต้องโรเอลตอนที่ฉันอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ประตูเดียวกัน ?
ชาร์ล็อตรู้สึกวิงเวียนศีรษะด้วยความโกรธจนเธอรู้สึกเหมือนสติกำลังจะหายไป ย้อนกลับไปสมัยที่เธอเคยลักพาตัวโรเอลจากฝั่งของอลิเซียและนอร่า เธอไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะต้องมาลงเอยด้วยสถานะเดียวกันกับทั้งสอง มันน่าขำจริง ๆ ที่สิ่งต่าง ๆ ย้อนกลับมาเป็นวงกลม
“นายหญิง พวกเขาอยู่บนหอนาฬิกา พวกเราควรจะทำยังไงกันดีคะ ?”
“…ระเบิดมันซะ”
“คะ ?”
“ข้าบอกว่าให้ระเบิดหอนาฬิกานั่นซะ ! พื้นดินคือสนามรบของเรา ดึงตัวที่รักลงมาเดี๋ยวนี้ !”
“เดี๋ยวก่อน ท่านชาร์ล็อต ! อย่าระเบิดหอนาฬิกานะคะ !”
ท่ามกลางฝูงชนดยุกเอิร์ลโบรวล์ผู้อ้วนท้วนรีบวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าตื่นตกใจ ด้วยกลัวที่ว่าเขาอาจจะไม่สามารถหยุดเธอได้ทันเวลา เขากระโดดข้ามจัตุรัสแห่งพรอย่างรุ่งโรจน์และหยุดลงที่เท้าของชาร์ล็อตได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ได้โปรดอย่าระเบิดหอนาฬิกาเลยค่ะท่านชาร์ล็อต ! คฤหาสน์ของข้าอยู่ด้านล่าง ครึ่งหนึ่งของมรดกตระกูลขุนนางของข้าจะถูกทำลายหากท่าน…”
“เลิกเพ้อเจ้อน่า ! ตอนนี้ข้าไม่สนมรดกตระกูลของเจ้าสักนิด”
ชาร์ล็อตตะคอกขณะที่จ้องไปที่เด็กชายบนหอนาฬิกาอย่างตั้งใจ
เธอปัดมือของดยุกเอิร์ลโบรวล์ออกไปอย่างไร้ความปรานี ก่อนจะออกคำสั่งด้วยความโกรธเกรี้ยว
“แค่คฤหาสน์ของตระกูลขุนนางชั้นสูง ข้าจะสร้างชดเชยให้สิบหลังเลย ! ระเบิดหอนาฬิกานั่นซะ !”
ตามคำสั่งของชาร์ล็อต ชนชั้นสูงชาวโรซ่าหยิบอัญมณีของพวกเขาออกมาส่งพลังเวทย์เข้าไป ทำให้อัญมณีเริ่มเรืองแสงอย่างเจิดจ้า ก่อนจะปล่อยลำแสงยิงเข้าใส่หอนาฬิกา
ตูม !
การระเบิดหลายสิบครั้งได้ถล่มหอนาฬิกาทีละนัด ทำให้เกิดรูหลายรูบนหอนาฬิกา เมื่อมันไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้อีกต่อไป หอนาฬิกาก็เริ่มเอียงไปด้านข้าง
สถานการณ์นี้ทำให้สองคนที่สู้กันอยู่บนหอนาฬิกาต้องตกตะลึง
“ท่านพี่ !”
“โรเอล !”
โรเอลตกลงมาจากหอนาฬิกาและเริ่มทรุดตัวลงกับพื้นอย่างช่วยไม่ได้ ด้านใต้เขา มีคลื่นของของเหลวสีทองเข้าประจำตำแหน่งพร้อมที่จะรับร่าง ชาร์ล็อตพยายามสุดความสามารถเพื่อที่จะได้กลับไปพบกับคนรักของเธอให้ได้โดยเร็วที่สุด
ทว่าเด็กสาวก็ต้องแปลกใจ เพราะเด็กชายผู้ร่วงหล่นไม่ได้ตกลงบนจิตวิญญาณทองคำของเธอ
หืม ? เขาหายไปไหนแล้ว ?
ฝุ่นบดบังทัศนวิสัยของชาร์ล็อต ทำให้เธอมองไม่เห็นโรเอล แต่เด็กสาวมั่นใจว่าเขาน่าจะตกลงบนวิญญาณทองคำของเธอแน่ตามวิถีการตกลงมาของเขา ด้วยความงุนงงเด็กสาวรีบมองไปรอบ ๆ และในไม่ช้าเธอก็ได้รับคำตอบของคำถามนั้น
มีแสงสีทองพุ่งออกมาจากฝุ่น สว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับทูตสวรรค์ผมสีทองที่โฉบออกมาจากฝุ่นและเศษหินด้วยปีกสีทอง โดยมีร่างเล็ก ๆ ของเด็กชายอยู่ในอ้อมแขน
“เกือบแล้วไหมล่ะ”
ปีกสีทองร่อนข้ามท้องฟ้ายามค่ำคืน นอร่ามองดูเด็กชายที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม
ดวงตาของโรเอลยังคงปิดอยู่เพราะกลัวว่าเขาจะต้องเสียชีวิตลงจริง ๆ แต่จู่ ๆ เด็กชายก็รู้สึกได้ว่ามีบางหยุดการร่วงหล่นของตนไว้ ประกอบกับการได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ดังนั้นเขาจึงลืมตาขึ้นและพบว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับทูตสวรรค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งดูงดงามยิ่งกว่าเคยภายใต้แสงจันทร์อันอ่อนโยน
“น...นอร่า ?”
“นานแล้วนะที่ไม่ได้เห็นรูปลักษณ์แบบนี้ของเจ้า”
รูปลักษณ์ของโรเอลในปัจจุบัน ได้ปลุกความทรงจำของนอร่าในการพบกันครั้งแรกของพวกเขา ทำให้ริมฝีปากของเธอยิ้มขึ้นจากความหลัง
นอร่าอยู่ไกลที่สุดในตอนที่การต่อสู้บนหอนาฬิกาเริ่มต้นขึ้น ทำให้เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากต้องกางปีกแสงของตนและรีบบินไปที่นั่นโดยเร็วที่สุด แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องบังเอิญที่น่ายินดีนี้
ทันทีที่นอร่าเห็นเด็กชายผมดำร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า เธอก็รู้ว่าเขาคือโรเอลได้ในทันที ดังนั้นเด็กสาวจึงใช้พลังเวทย์ทั้งหมดของเธอและพุ่งไปข้างหน้าเพื่อโฉบรับเขาเอาไว้
“นอร่า เธอมาทำอะไรที่นี่กัน ?”
“เรื่องมันยาวน่ะ”
“… เข้าใจแล้ว”
เมื่อมองไปที่นอร่าอย่างตั้งใจ โรเอลอดไม่ได้ที่จะสังเกตว่าเธอมีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เป็นอยู่ได้ เด็กชายใช้สมองคิดหาคำตอบว่ามันคืออะไร และในไม่ช้ามันก็กระทบกระเทือนจิตใจเขา
เดี๋ยวก่อนนะ เรายังอยู่ในสภาพเวลารั่วไหลใช่ไหม ?
ในที่สุดโรเอลก็เข้าใจว่าความผิดปกตินั้นมาจากไหน
เวลาที่รั่วไหลของโรเอลมีผลในการเติมพลังให้กับผู้อื่น กระตุ้นคนอื่น ๆ เกือบจะเหมือนกับยา มันจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเหมือนอะดรีนาลีนพุ่งออกมาแบบสุ่มสำหรับคนแปลกหน้าที่เขาบังเอิญไปชนบนถนน แต่ผลกระทบนี้อาจกระตุ้นความหลงใหลในตัว อลิเซีย นอร่า และคนอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดายเนื่องจากความรู้สึกที่พวกเขาปิดบังเอาไว้
แม้แต่ลิเลียนที่มีระดับแก่นแท้สามก็ยังไม่กล้าสัมผัสกับโรเอลนานเกินไป การที่อลิเซียรู้สึกกระสับกระส่ายมากกว่าปกติและพุ่งเข้าสู่ความขัดแย้งกับลิเลียนตรง ๆ เองก็อาจเป็นอิทธิพลของสภาพเวลาที่รั่วไหลด้วยเช่นกัน
น่าแปลกที่นอร่าไม่สะทกสะท้านเลย แม้ว่าเธอจะอุ้มเขาเอาไว้ก็ตาม ผลของเวลารั่วไหลนั้นเป็นการเสริมพลังมากกว่าผลด้านลบ ดังนั้นผลการชำระล้างจากพลังสายเลือดของนอร่าจึงไม่น่าจะใช้ได้ผล ซึ่งหมายความว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับเธอในขณะนี้
“…โรเอล ข้ามีเรื่องอยากจะพูดคุยกับเจ้า”
“หือ ? เธอต้องการจะพูดเรื่องอะไรเหรอ ?”
“ขอเวลาให้ข้าสักครู่นะ ข้าจะหาจุดลงจอดที่ปลอดภัย”
“ไม่เป็นไร”
ทัศนคติของนอร่านั้นสุภาพและสงบเสงี่ยม ดูห่างเหินมากไปด้วยซ้ำ ทำให้โรเอลรู้สึกไม่สบายใจ เพราะอีกฝ่ายไม่มีอาการซาดิสม์ตามปกติเลยแม้แต่น้อย และเด็กสาวก็ไม่ได้พยายามเข้าใกล้เขาด้วยเช่นกัน แม้แต่คำพูดของเธอก็ดูห่างเหินมาก ๆ
อา
จู่ ๆ การรับรู้ก็เกิดขึ้นในใจของโรเอล
นี่ไม่ใช่นอร่าคนที่เขาคุ้นเคย นี่คือฝ่าบาทนอร่า เมื่อเธออยู่กับคนนอก
ทันใดนั้นลมก็รู้สึกเย็นขึ้นมา ทั้งสองยังคงบินต่อไปในความเงียบ หลังจากออกห่างหอนาฬิกาที่พังทลายได้พอสมควร เธอก็ลงจอดที่คฤหาสน์อันเงียบสงบ
นอร่าสลายปีกสีทองของเธอจับมือของโรเอลไว้ และพาเขาเข้าไปในคฤหาสน์มีเสาสองแถวตามทางเข้า เงาของพวกมันแบ่งพื้นที่ด้วยความมืด ทั้งสองเดินไปที่จุดกึ่งกลางของห้องโถงก่อนจะหยุดพักที่นั่น
จากนั้นนอร่าก็ปล่อยมือของเธอออก
“!”
โรเอลรู้สึกเซื่องซึมในหัวใจทันทีที่นอร่าปล่อยมือด้วยความตั้งใจของเธอเอง ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างด้วยความสงสัย มือของเขาค้างอยู่กลางอากาศอย่างเชื่องช้าสองสามวินาทีก่อนที่จะค่อย ๆ ดึงมือกลับ
หัวใจของเด็กชายเต้นระรัวอย่างประหม่า เมื่อเขามองไปยังเด็กสาวผมสีทองที่ยืนอยู่ตรงหน้า พวกเขาอยู่ห่างกันเพียงยี่สิบเซนติเมตร แต่โรเอลรู้สึกราวกับว่ามีโลกแห่งระยะห่างขวางกั้นระหว่างพวกเขา บรรยากาศที่เป็นลางไม่ดีนี้ ทำให้หน้าผากของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อและรู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมาก
“คืนนี้พระจันทร์สวยมากเลยว่าไหม ?”
“ใช่”
โรเอลตอบอย่างคลุมเครือเพื่อตอบสนองต่อคำพูดของนอร่า ก่อนที่ความเงียบจะเข้ามาแทนที่อีกครั้ง
นอร่าเหลือบมองออกไปยังทางเข้า ก่อนจะเดินออกจากที่พักพิง เพื่อนอนอาบแสงจันทร์ เธอมองดูพระจันทร์สีเงินด้านบนและยิ้มอย่างแผ่วเบา โรเอลเดินไปข้าง ๆ เธอ จากนั้นทั้งสองก็เฝ้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างเงียบ ๆ
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ความเงียบยังคงเพิ่มแรงกดดันให้กับโรเอล ใช้เวลานานพอสมควรก่อนที่นอร่าจะหันไปหาโรเอลและพูดออกมาในที่สุด
“โรเอล ข้าอยากถามคำถามกับเจ้า และข้าหวังว่าเจ้าจะให้คำตอบที่ตรงไปตรงมากับข้า”
“ถามมาสิ เธออยากถามอะไรล่ะ ?”
เสียงอันอ่อนโยนของนอร่าทำให้โรเอลตัวสั่นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หันไปมองเธอ
“ในที่สุดก็เจอพวกเธอสองคนซะที !”
ขณะเดียวกันจากอีกด้านหนึ่งของคฤหาสน์ ในที่สุดชาร์ล็อตก็ลงจอดพร้อมกับจิตวิญญาณทองคำที่โอบล้อมร่างของตนไว้ อย่างไรก็ตามนอร่าไม่ได้สนใจเด็กสาวอีกคนเลยสักนิด ดวงตาของเธอยังคงเพ่งไปที่โรเอล ขณะที่ถามคำถามอย่างใจเย็น
“เจ้าตั้งใจจะยุติความสัมพันธ์ของเราใช่ไหม ?”
”!”
ร่างกายของโรเอลแข็งทื่อกับคำถามของนอร่า แม้แต่ชาร์ล็อตก็ยังหยุดนิ่งไปด้วย พร้อมจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง จากนั้นทุกอย่างก็เงียบลงอีกครั้ง