ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 357: ปัญหาที่แท้จริง
บทที่ 357: ปัญหาที่แท้จริง
แสงออโรร่ายังคงสาดส่องอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืนของเขตการปกครองของดยุกเอิร์ลโบรวล์ และเสียงเชียร์ของฝูงชนก็ยังคงดังก้องอย่างไม่หยุดหย่อน
โรเอลนั่งอยู่บนขั้นบันไดนอกคฤหาสน์จ้องมองไปยังแสงออโรร่าสีชมพู ปล่อยให้ความโกรธที่เดือดพล่านในตัวเขาค่อย ๆ บรรเทาลง
นอร่าและชาร์ล็อตต่างก็ยอมรับความผิดพลาดของพวกเธอและได้ขอโทษเขาแล้ว ภายใต้การปลอบประโลมที่มากล้นและความชำนาญของพวกเธอ โรเอลก็ไม่สามารถโกรธทั้งสองต่อไปได้อีก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญก็คือเขามีปัญหาใหญ่อย่างหนึ่ง
ฉันถูกหลอกซะหมดท่า แถมยังร้องไห้ซะหมดเปลือกอีก
โรเอลรู้สึกหงุดหงิดอย่างยิ่ง แม้จะเข้าใจดีว่านอร่าและชาร์ล็อตทำแบบนี้ไปเพราะว่าพวกเธอรักเขามาก ความโกรธอาจจะเบาบางลงไปแล้วก็จริง แต่เด็กชายก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าตนจะไม่ตกหลุมพรางอะไรแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง
อย่างไรก็ตาม มันก็ทำให้โรเอลเล็งเห็นถึงปัญหาหลาย ๆ อย่างของตน
ตลอดเวลาที่ผ่านมาโรเอลมีท่าทีเฉยเมยต่อความสัมพันธ์ของตัวเอง โดยเลือกที่จะไหลไปตามกระแสจิตสำนึก โดยไม่คิดให้รอบคอบ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรในตอนที่พวกเขายังเด็ก แต่พอรู้ตัวอีกที่ เขาก็ได้ทำร้ายทุกคนรอบตัวที่เขารักไปแล้ว เขาไม่สามารถปล่อยให้สิ่งต่าง ๆ เป็นแบบนี้ได้อีกต่อไป
โรเอลไม่ใช่คู่รักของเด็กสาวที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขา เขาไม่เคยเข้าใกล้พวกเธอในเชิงรุกเลย แต่ถึงกระนั้น ความรู้สึกที่พวกเขามีให้กันกลับลึกซึ้งยิ่งกว่าความรู้สึกของคู่รักทั่ว ๆ ไป ความรู้สึกของพวกเขาได้รับการพิสูจน์ผ่านความทุกข์ยากและอุปสรรคที่ฝังลึกอยู่ภายในหัวใจของพวกเขา
แต่นั่นก็เป็นสาเหตุผลที่ทำให้โรเอลหลงทาง แม้จะรู้ดีว่าตนเองอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมขนาดไหน
โรเอลรู้ดีว่าเขามีทางเลือกที่จะยอมรับความรู้สึกของเด็กสาวทุกคนรอบ ๆ ตัวเขา เพราะมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ขุนนางจะแต่งงานกับภรรยาหลายคนในทวีปเซีย และคาร์เตอร์ก็สนับสนุนให้เขาทำแบบนั้นตั้งแต่อายุยังน้อย ให้แต่งงานกับภรรยาหลาย ๆ คน และมีลูกเยอะ ๆ ขึ้น
ปัญหาก็คือ นอร่าและเด็กสาวคนอื่น ๆ ต่างก็มีสถานะอันโดดเด่น และการแต่งงานของพวกเธอก็จะส่งผลให้เกิดผลกระทบทางการเมืองอย่างใหญ่หลวง นอกจากนี้เงื่อนไขที่ว่าพวกเธอเต็มใจจะยอมให้เขามีภรรยาหลายคนรึเปล่าเองก็เป็นปัญหาเช่นกัน
แต่ปัญหาเหล่านั้นก็น่าจะค่อย ๆ หมดไป หากพวกเธอยังประนีประนอมกันได้ แม้มันจะเป็นไปได้ยาก แต่ก็ไม่ได้สิ้นหวังซะทีเดียว หากอ้างอิงจากการที่ชาร์ล็อตและนอร่าวางแผนร่วมกัน หรือก่อนหน้านี้ที่อลิเซียร่วมมือกับนอร่า
เหตุผลจริง ๆ ที่ทำให้โรเอลไม่ยอมรับความรู้สึกของพวกเธอก็คือเขาไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของตัวเองได้ หากวันหนึ่งเขาหายตัวไปอย่างกะทันหันเป็นเวลาสองชั่วโมงแล้วกลับมาเป็นศพล่ะ ? จะเกิดอะไรขึ้นกับนอร่าและคนอื่น ๆ
สายเลือดตระกูลแอสคาร์ดให้พลังอันยิ่งใหญ่แก่โรเอล แต่ด้วยกฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกันของทวีปเซีย ก็ทำให้เด็กชายต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก และเกือบเสียชีวิตในสถานะผู้เฝ้ามองหลายต่อหลายครั้ง
จนถึงตอนนี้ โรเอลยังจำความรู้สึกสิ้นหวังที่ตนเองรู้สึกเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าพริสเลย์ได้ดี
นั่นคือพลังของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้หนึ่ง ตัวตนที่ทรงพลังมากเสียจนเขาหมดหวังที่จะเอาชนะได้
นอกจากนี้ โรเอลยังได้ทำสัญญากับอาร์เทเชีย เทพเจ้าโบราณที่จุดประสงค์ที่แท้จริงอันคลุมเครือ
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้บอกโรเอลว่าสถานะผู้เฝ้ามองไม่ได้เป็นเพียงดันเจี้ยนธรรมดา ๆ ที่ปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว เพื่อให้เขาได้รับพลังที่แข็งแกร่ง มันเป็นดินแดนแห่งความสิ้นหวังที่เขาต้องดิ้นรนสุดกำลังเพื่อเอาชีวิตรอด และการเพิ่มพลังเป็นเพียงหนทางสำหรับเขาในการเอาชีวิตรอด
โรเอลไม่ได้ไม่เห็นความรู้สึกที่นอร่าและคนอื่น ๆ มีต่อเขา แต่เด็กชายคิดว่ามันอาจจะยังไม่สายเกินไปที่เขาจะหยุดมันไว้แต่เพียงเท่านั้น เพราะถ้าเขายอมรับความรู้สึกของพวกเธอ และปล่อยให้ความรู้สึกที่พวกเขามีต่อเขาลึกซึ้งยิ่งขึ้น จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอถ้าหากจู่ ๆ โรเอลเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันขึ้นมา ?
แม้แต่นอร่า ซึ่งเป็นผู้ที่มีจิตใจแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังไม่น่าจะสามารถทนต่อมันได้ แล้วลองจินตนาการถึงอลิเซียผู้คลั่งไคล้ในตัวเขาสิ ว่าเธอจะทำอย่างไร ถ้าได้รับข่าวการเสียชีวิตของเขา ?
ถึงกระนั้น แม้โรเอลจะไม่กล้าใกล้ชิดกับพวกเธอ แต่เขาก็พบว่าตัวเองไม่สามารถสลัดมือที่ยื่นมาหาเขาของพวกเธอไปได้ เมื่อถึงจุดหนึ่ง โรเอลก็ตกหลุมรักพวกเธอไปแล้วโดยที่ไม่รู้ตัว ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงแสดงท่าทีเฉยเมยโดยไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธพวกเธอ
อย่างไรก็ตามมันคงไม่ดีแน่ ถ้าหากโรเอลจะรักษาทัศนคติดังกล่าวเอาไว้ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตนเองกับนอร่าและคนอื่น ๆ
นอร่าและคนอื่น ๆ ต้องการจะยืนยันความสัมพันธ์กับโรเอลให้ชัดเจน ซึ่งหากเป็นแบบนี้ต่อไป โรเอลก็รังแต่จะทำร้ายความรู้สึกของพวกเธอ ด้วยทัศนคติที่คลุมเครือ เขาอาจเอาชนะวิกฤติในปัจจุบันได้ แต่ลึก ๆ แล้วโรเอลรู้อยู่แก่ใจดีว่ามันยังไม่จบแค่นี้แน่ ปัญหาที่คล้าย ๆ กันนี้จะต้องเกิดขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้แน่ เว้นแต่เขาจะแก้ปัญหานี้ที่ต้นตอได้
ความหวาดกลัวต่อความตาย และความคับข้องใจมากมายที่โหมกระหน่ำภายในจิตใจของโรเอล ทำให้เขาต้องถอนหายใจออกมา เมื่อสังเกตเห็นสภาพแปลกประหลาดของเขา นอร่าจึงหันมาถามเด็กชายตัวน้อย
“เจ้ามีปัญหาอะไรในใจงั้นเหรอโรเอล ?”
“… ไม่เป็นไร ฉันก็แค่รู้สึกหนาวนิดหน่อย”
“…”
ดวงตาของนอร่าหรี่ลงเล็กน้อย ชาร์ล็อตเองก็สังเกตได้อย่างรวดเร็วว่าโรเอลมีบางอย่างผิดปกติ ทว่าเมื่อเผชิญกับรอยยิ้มที่ตึงเครียดจากเด็กชายที่นั่งอยู่ระหว่างพวกเธอ ทั้งสองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ชาร์ล็อตถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกแล้วพันรอบร่างเล็ก ๆ ของโรเอลอย่างอ่อนโยน ทั้งสามคนนั่งเงียบ ๆ บนขั้นบันไดของคฤหาสน์จนเงาวาบผ่านท้องฟ้า เผยให้เห็นแสงจันทร์ที่สว่างไสว
“พวกคุณสองคน ! กล้าดียังไงมาขโมยตัวท่านพี่ออกไปในขณะที่ดิฉันกำลังต่อสู้อยู่ !”
ทันใดนั้นเด็กสาวผมสีเงินก็โผล่ออกมาจากอากาศ ราวกับว่าเธอปรากฏตัวขึ้นมาจากแสงจันทร์ ร่างกายของอลิเซียปกคลุมไปด้วยฝุ่น ผมสีเงินที่คลุกฝุ่นของเธอบ่งบอกชัดว่าเพิ่งผ่านการต่อสู้อันดุเดือดกับลิเลียนมา
อลิเซียจ้องไปที่จิ้งจอกสองตัวที่กำลังประกบโรเอล
อย่างไรก็ตามเมื่อเธอจ้องมองไปที่โรเอล ภาพลักษณ์ที่ดุร้ายของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นการแสดงออกที่น่าสงสาร ขณะที่เธอกระโดดไปในทิศทางของเขา
“ท่านพี่โรเอล ! ฮือออออ หนูคิดถึงพี่มาก ๆ ขอบคุณเทพีเซียจริง ๆ ที่หนูมาหาท่านพี่ได้ก่อนที่แสงออโรร่าจะจางหายไป !”
“อลิเซีย”
“… ท่านพี่?”
โรเอลต้อนรับเธอด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา แต่อลิเซียนั้นสามารถเข้าใจได้ในทันทีว่าเขามีบางอย่างในใจ นั่นเป็นเพียงไหวพริบพิเศษของเธอ เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโรเอล
อลิเซียกระพริบตาอย่างครุ่นคิดก่อนจะเหลือบมองนอร่าและชาร์ล็อต ทว่าทั้งสองคนกลับละสายตาจากเธอ ทำให้เด็กสาวไม่สามารถรวบรวมเบาะแสจากพวกเธอได้เลย เด็กสาวครุ่นคิดด้วยสีหน้าขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน
“ท่านพี่… มีอะไรอยากจะคุยกับหนูรึเปล่าคะ ?”
“…”
โรเอลสัมผัสได้ว่าอลิเซียรู้สึกกังวลและสับสน เขาเบือนหน้าหนีพร้อมพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง ก่อนจะปิดปากโดยไม่พูดอะไรสักคำ เด็กชายยังไม่ได้ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน ดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจว่าควรพูดอะไรก่อนดี
เขารู้ดีว่าสถานะผู้เฝ้ามองเป็นสถานะที่อันตรายตั้งแต่ครั้งแรกที่มันถูกกระตุ้น แต่โรเอลคิดว่าเขาน่าจะค่อย ๆ เรียนรู้ที่จะรับมือกับมันได้ เมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้น เด็กชายเชื่อว่ามันเป็นเพียงเรื่องของเวลา ก่อนที่เขาจะแข็งแกร่งพอที่จะควบคุมสายเลือดตระกูลแอสคาร์ดของตนเองได้ และเมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป
ทว่าแม้ว่าโรเอลจะเติบโตมาถึงตอนนี้ แต่เขาก็รู้สึกเหมือนว่าไม่มีอะไรคลี่คลายเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสักนิด
มีความเป็นไปได้เพียงสองอย่างเท่านั้น
ประการแรก โรเอลแค่ยังไม่ถึงระดับแก่นแท้ขั้นต่ำที่จำเป็นสำหรับการควบคุมสถานะผู้เฝ้ามอง
สอง สถานะผู้เฝ้ามองนั้นไม่สามารถควบคุมการเปิดใช้งานได้ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม
โรเอลคิดถึงเรื่องนี้ไปพักใหญ่ ๆ
หากคิดอย่างมีเหตุมีผล ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติส่วนใหญ่ไม่ควรจะเปิดใช้งานสถานะผู้เฝ้าได้มองด้วยซ้ำ ถ้าหากพิจารณาถึงอันตรายที่ซุ่มซ่อนอยู่ภายในนั้นแล้ว แม้ว่าจะเพื่อแสวงหาพลังอำนาจที่มากขึ้นก็ตาม ไม่ผิดที่จะบอกว่าความเสี่ยงย่อมมาพร้อมกับผลตอบแทนที่เท่าเทียมกัน แต่สถานะผู้เฝ้ามองก็แทบจะไม่ต่างอะไรไปจากรัสเซียนรูเล็ต เกมที่หากพลาดไปเพียงครั้งเดียวก็หมายถึงความตาย
คนที่สิ้นหวังจนถึงขีดสุดอาจจะหันไปใช้มาตรการสุดโต่งเช่นนี้ แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ผู้นำของตระกูลที่ทุกข์ทรมานจากการขาดแคลนลูกหลานเช่นโรเอลแน่
อย่างไรก็ตามผู้นำตระกูลแอสคาร์ดในอดีตที่ปลุกพลังสายเลือดของตระกูลขึ้นมาได้ส่วนใหญ่ ต่างก็หายตัวไปอย่างลึกลับในช่วงใดช่วงหนึ่งในชีวิต และพวกเขาบางคนเองก็มีพลังอำนาจที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อเสียด้วย…
ถ้ามันเป็นไปไม่ได้จริง ๆ ที่จะควบคุมการเปิดใช้งานสถานะผู้เฝ้ามองล่ะก็ ทุกสิ่งทุกอย่างที่โรเอลทำมาเพื่อหลบเลี่ยงเดธแฟล็กของตนก็จะสูญเปล่า เว้นเสียแต่ว่าเขาจะกลายเป็นตัวตนที่ทรงพลังระดับสูงสุดของสิ่งมีชีวิต มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น ก่อนที่สถานะผู้เฝ้ามองจะเข้ามาจบชีวิตของเขา
โรเอลจะยอมให้ผู้คนที่เขารักต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัว โดยที่ไม่รู้ว่าจู่ ๆ วันหนึ่งเขาจะหายตัวไปอย่างปริศนาเมื่อไหร่จริง ๆ งั้นเหรอ ?
มันคงจะเป็นการดีที่สุด ถ้าเขาสามารถเรียนรู้ที่จะควบคุมการเปิดปิดสถานะผู้เฝ้ามองได้ แต่เขาจะทำแบบนั้นได้อย่างไรกัน ?
ด้วยความคิดดังกล่าว โรเอลมองไปยังแสงออโรร่าบนท้องฟ้าที่สะท้อนกับแสงจันทร์ ก่อนจะจมลงไปในห้วงความคิดลึก ๆ จิตใจของเขาค่อย ๆ สงบลงอย่างช้า ๆ จากนั้นในที่สุดคำตอบก็ผุดขึ้นมา