ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 409: ความลึกลับของอลิเซีย (2)
ในฐานะสมาชิกผู้สูงศักดิ์ของเผ่าเลือดอันสูงส่ง จูเลียน่าเป็นคนจู้จี้ จุกจิกกับเลือดเป็นพิเศษ นอกจากนี้วิลเลียมยังห้ามไม่ให้เธอออกไปล่า เหยื่อโดยเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีปัญหากับแอนโตนิโอ นี่ทําให้ เธอตกที่นั่งลําบากเอามากๆ
จูเลียน่าใช้เลือดมากมายไปกับการต่อสู้ในศึกชิงถ้วย หากอยู่ใน อาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ เธอจะสามารถรับเลือดสดๆ ได้จาก การทําร้ายคู่ต่อสู้ของเธอ แต่ในศึกชิงถ้วย ระบบของมันขัดขวางไม่ให้ เธอทําเช่นนั้นได้ เพราะการทํางานของอุปกรณ์เวททดแทน
คาถาเวทค้นหาครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ที่จูเลียน่าใช้ในการต่อสู้ กับพอลในช่วงเช้าของวันนั้นน่าตื่นเต้นก็จริง แต่เธอก็ต้องจ่าย ค่าตอบแทนในราคาสูงเช่นกัน นั่นคือเหตุผลที่เธอจงใจทําร้ายพอลเกิน ขอบเขตความเสียหายโดยหวังว่าจะได้ดื่มเลือดของอีกฝ่าย แต่เธอก็ เลิกคิดทันทีที่เลือดของพอลแตะลิ้น
ห่วยแตก!
มันมีรสชาติแปลกๆ แบบโบราณที่ทําให้ประสาทรับกลิ่นของจูเลีย น่าสําลัก ทําให้หัวของเธอหมุนไปและสูญเสียความกระหายทั้งหมด ในทันที
แต่การสูญเสียความอยากอาหารไม่ได้หมายความว่าความอด อยากของเธอจะหายไป
ความอดอยากยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อจูเลียน่ากลับมาที่สถาบัน เธอเดินตามสัญชาตญาณมาเรื่อยๆ โดยไม่มีทางเลือกและมุ่งตรงไปที่ คฤหาสน์สีกรมท่า
วิลเลียมบอกจูเลียน่าว่าอย่าก่อความวุ่นวายที่นี่ แต่เธอเชื่อว่าถ้า เป็นโรเอลคงจะไม่เอะอะอะไรกับสิ่งที่เธอทํา นอกจากนี้เธอเองก็เต็มไป ด้วยความสงสัยเกี่ยวกับรสชาติของเลือดเขาด้วยเช่นกัน
ตระกูลที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นําของสมัชชานักปราชญ์พลบค�า สายเลือดแห่งผู้แสวงหาราชา อยากรู้จริงๆ ว่ารสชาติเลือดของเขาเป็น ยังไง…
จูเลียน่าไม่สามารถสลัดความคิดนั้นออกไปได้ เมื่อมันผุดขึ้นมาใน ใจของเธอ โรเอลเป็นเหมือนขวดไวน์บ่มปี 1982 เดินได้สําหรับเธอ เป็น สิ่งล่อตาล่อใจที่ไม่อาจต้านทานได้สําหรับคนรักไวน์ การบอกเธอว่าอย่า เปิดและอย่าลิ้มลองมันตอนที่มันอยู่ตรงหน้า นั่น… ไม่ต่างอะไรไปจาก การทรมานเธอ
ภายใต้ท้องฟ้ายามค�าคืน จูเลียน่าเริ่มรวมตัวเข้าไปในเงามืด เคลื่อนที่ไปยังห้องที่เธอสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของโรเอล เธอใช้เวลาเพียง
ไม่กี่วินาทีก็มาถึงนอกหน้าต่างของเด็กหนุ่ม มนต์สะกดการเคลื่อนไหวที่ ไม่ปกปิดของเธอดึงดูดความสนใจของโรเอล แต่ก่อนที่เขาจะ เคลื่อนไหว อลิเซียที่หลับอยู่ก็ตื่นขึ้น
“แกเป็นใคร?”
หลังจากตื่นขึ้นจากความฝันอันแสนหวานด้วยพลังเวทที่ไหลเวียน ผิดปกติ อลิเซียก็คํารามอย่างโกรธเกรี้ยวไปที่หน้าต่าง เธอสร้างโซ่เรือง แสงหลายอันจากพื้นดินพุ่งตรงไปยังผู้บุกรุก
จูเลียน่าเบิกตากว้างด้วยความตกใจอย่างยิ่ง เธอรีบหลบการโจมตี ซึ่งส่งผลให้เธอเปิดเผยตัวเอง
เธอเองงั้นเหรอ?
เมื่อเห็นเด็กสาวผมดําที่มีตาสีแดงเข้ม โรเอลก็ลุกขึ้นยืนด้วยความ ประหลาดใจ อลิเซียจ้องไปที่ใบหน้าแปลกประหลาดอย่างร่าเริงพร้อม ที่จะเริ่มการโจมตีรอบต่อไป
แต่ก่อนที่ทั้งสองจะได้ทําอะไร จูเลียน่าก็จ้องไปยังโซ่ตรวนที่ดู เหมือนจะปรากฏออกมาจากแสงจันทร์และอุทานด้วยความตกใจสุดขีด
“ท่านบรรพบุรุษต้นกําเนิด?”
“… อะไรนะ?”
เป็นอีกครั้งที่โรเอลต้องตกตะลึงกับคําพูดของนักเรียนจากต่าง แดน
…
โรเอลได้คาดการณ์ไว้แล้วว่า คําแนะนําของเทพธิดาแห่งโชคชะตา เป็นพรลึกลับที่อาจนําเขาไปสู่สถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้ แต่ถึงกระนั้น นี่ก็ยังเกินขอบเขตของสามัญสํานึกของเขาอยู่ดี
บรรพบุรุษต้นกําเนิด
นี่เป็นคําที่โรเอลเคยได้ยินบ่อยๆ ในอนิเมะที่เขาดูในอดีตชาติ
เขาไม่เคยคาดคิดว่าตนจะได้พบกับบรรพบุรุษต้นกําเนิดใดๆ ใน ทวีปเซีย นับประสาอะไรกับการที่น้องสาวของเขาจะเป็นหนึ่งในนั้น
ในฐานะที่คอยเฝ้าดูอลิเซียเติบโตขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อย โรเอลมั่นใจ ว่าเธอไม่ได้มาจากเผ่าเลือด ความธรรมดาเพียงอย่างเดียวที่เธอมี ร่วมกับเผ่าเลือดคือดวงตาสีแดงทับทิม แต่ดวงตาที่มีสีนั้นค่อนข้าง ธรรมดาในทวีปเซีย มันจึงรีบร้อนเกินไปที่จะสรุปเช่นนั้น
จนถึงทุกวันนี้ อลิเซียไม่เคยแสดงความต้องการใดๆ ในเลือด มนุษย์เลย พ่อแม่ของเธอเองก็เป็นขุนนางของจักรวรรดิเซนต์เมซิท ที่ ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ แม้แต่น้อยกับอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์
มันจึงยากที่จะจินตนาการว่าเธอมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าเลือดในทางใด ทางหนึ่ง
“จากสิ่งที่ฉันได้พูดไป ฉันไม่คิดว่าอลิเซียเกี่ยวข้องกับเผ่าเลือดของ เธอนะ จูเลียน่า นี่เป็นความเข้าใจผิดหรือเปล่า?”
เมื่อเห็นว่าจูเลียน่าจ้องมองอลิเซียด้วยดวงตาที่เป็นประกาย โรเอล ก็เคาะนิ้วลงบนโต๊ะและทวนคําพูดของเขาอีกครั้ง จูเลียน่าเดาะลิ้นของ เธออย่างไม่อดทน แต่เมื่อเธอเห็นใบหน้าของอลิเซียมืดลง เธอจึง เปลี่ยนทัศนคติของตัวเองอย่างรวดเร็วและตอบคําถามของโรเอล
“คุณโรเอล ดิฉันเข้าใจสิ่งที่คุณพูด แต่นั่นไม่ใช่อะไรมากไปกว่า รูปลักษณ์ภายนอก ท่านอลิเซียเป็นบรรพบุรุษต้นกําเนิดของตระกูล เลือดอย่างแน่นอน ดิฉันยืนยันได้จากสัญชาตญาณที่เกิดจากสายเลือด ของดิฉันค่ะ”
จูเลียน่าสังเกตเห็นถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างโรเอล กับอลิเซียแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าแสดงท่าทีไม่เคารพต่อเขาอีกต่อไป ด้วยท่าทีที่สุภาพราวกับยอมจํานน เธออธิบายสถานการณ์ของเผ่า เลือดอย่างถ่อมตน
เผ่าเลือดภาคภูมิใจในความสามารถในการควบคุมความมืด แต่ใน สมัยโบราณ บรรพบุรุษต้นกําเนิดที่มีความบริสุทธิ์ทางสายเลือดใน
ระดับสูงนั้น สามารถใช้แสงจันทร์เป็นสื่อกลางเพื่อร่ายคาถาได้เช่นใน กรณีของอลิเซีย
ที่สําคัญกว่านั้น นับตั้งแต่วินาทีที่จูเลียน่าจับตาดูอลิเซีย เธอก็รู้สึก ถึงการปราบปรามอย่างชัดเจนในสายเลือดของเธอ ซึ่งการปราบปราม ดังกล่าวไม่สามารถปลอมแปลงได้
โรเอลเข้าใจว่าจูเลียน่าต้องการจะสื่ออะไร มันอาจเป็นความรู้สึก เดียวกันกับที่เซลิน่ารู้สึกเมื่ออยู่ต่อหน้าเปตรา แต่นั่นก็ยังไม่ได้เปลี่ยน ความจริงที่ว่าสิ่งนี้เป็นไปไม่ได้
“หากบรรพบุรุษของเผ่าเลือดยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาคงมีชีวิตอยู่เป็น พันๆ ปี ฉันดูอลิเซียเติบโตมากับตาของฉันเอง และเธอไม่ได้มีพลัง เหนือธรรมชาติใดๆ ในวัยเด็ก เธอจะเป็นบรรพบุรุษต้นกําเนิดของ ตระกูลของเธอได้อย่างไร?”
“ก…ก็…”
จูเลียน่าไม่พบคําตอบสําหรับคําถามของอีกฝ่าย
โรเอลใช้เวลานี้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และในไม่ช้าเขาก็พบกับความ เป็นไปได้ บางทีอาจเป็นเพราะพลังทางสายเลือดของตระกูลซิลเวอร์ แอซของอลิเซียและพลังชีวิตอันไร้ขีดจํากัดของเธอที่ทําให้อีกฝ่ายคิด แบบนั้น
สมาชิกของเผ่าเลือดเช่นจูเลียน่าต้องการเลือดสดๆ หลังจากร่าย คาถาเวท ซึ่งการกระทํานั้นถือได้ว่าเป็นการกลืนกินพลังชีวิต และอลิ เซียมีพลังชีวิตแทบจะไร้ขอบเขตอยู่ในตัว
บางทีพลังชีวิตที่ท่วมท้นอาจเป็นเหตุผลเบื้องหลังการปราบปราม ที่จูเลียน่ารู้สึก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อลิเซียนั้นถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าเกรงขามโดย แท้จริง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะวัดได้อย่างแม่นยําว่าบรรพบุรุษของเผ่า เลือดนั้นแข็งแกร่งเพียงใด แต่โรเอลค่อนข้างแน่ใจว่าพวกเขาคงไม่มี พลังที่จะฟื้ นคืนชีพอย่างไม่รู้จบภายใต้ดวงจันทร์อย่างอลิเซีย
สิ่งนี้ทําให้โรเอลรู้สึกทึ่งเกี่ยวกับสายเลือดของอลิเซีย สัญชาตญาณ ของเขาบอกเขาว่ามันอาจเป็นสิ่งที่เหนือกว่าสายเลือดของเผ่าเลือด แต่ เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไร
ไม่ว่าจะในกรณีใด จูเลียน่าก็มั่นใจอย่างเต็มที่ว่าอลิเซียเป็นบรรพ บุรุษต้นกําเนิดของเผ่าเลือดหรืออะไรที่คล้ายคลึงกัน นั่นทําให้จุดยืน ของโรเอลสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ส่งผลให้เธอไม่กล้าที่จะกระหายเลือดของ เขาอีกต่อไป
เธอรีบอธิบายเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการมาถึงของเธอ และนั่นก็ กระตุ้นความสนใจของโรเอล
“เธอบอกว่าเลือดของพอลมันเก่างั้นเหรอ? ลองชิมของฉันแล้ว บอกซิว่ารสชาติเป็นยังไง?”
“ท่านพี่โรเอล?”
“ไม่ต้องเป็นห่วง แค่เลือดนิดหน่อยเองน่า”
อลิเซียอยากจะหยุดโรเอล แต่เมื่ออีกฝ่ายหลังยืนกรานว่าจะทํา เธอก็ยอมแต่โดยดี เด็กหนุ่มจึงเริ่มเจาะผิวหนังและบีบเลือดให้จูเลียน่า
ภายใต้การจ้องมองอันเย็นยะเยือกของอลิเซีย จูเลียน่าที่หวาดกลัว จึงทําได้แต่กลืนหยดเลือดอย่างประหม่า และแล้วดวงตาของเธอเบิก กว้างขึ้นในทันที
“ร้อน!”
“อะไรนะ?”
โรเอลสับสนกับการประเมินของจูเลียน่า แม้ว่าเขาจะเป็นคน เลือดร้อนจริงๆ แต่เขาก็ไม่คิดว่าเลือดของเขาจะมีความร้อนในตัวแบบ นี้
“หมายความว่ายังไง? ทําไมเลือดของฉันถึงร้อน”
“ดิฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นค่ะ มันเหมือนกับการที่คุณได้ดื่ม แอลกอฮอล์แรงๆ รสชาติค่อนข้างดี แต่มีบรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัว สามอย่างผสมอยู่ ดิฉันเข้าใจแล้ว… นี่คือความยิ่งใหญ่ของเทพเจ้า โบราณสินะคะ”
จูเลียน่าหอบหายใจพลางตบหน้าอกของเธอด้วยความหวาดกลัว
โรเอลรู้สึกประหลาดใจที่อีกฝ่ายสามารถแยกแยะปัจจัยต่างๆ ได้ มากมายจากการดื่มเลือดของเขา อย่างไรก็ตามอลิเซียไม่ค่อยพอใจกับ สถานการณ์นี้
“แกกล้าบ่นหลังจากที่ดื่มเลือดของท่านพี่โรเอลอย่างนั้นเหรอ? แก นี่มัน…”
“ม…ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ! ท่านอลิเซีย ดิฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ค่ะ!”
จูเลียน่าพยายามอธิบายตัวเองกับอลิเซียอย่างลนลาน
โรเอลหัวเราะเบาๆ อย่างสนุกสนาน ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่า คําแนะนําของเทพธิดาแห่งโชคชะตาต้องการนําเขาไปสู่อะไร
ใครจะไปคิดว่าอลิเซียจะสามารถทําให้จูเลียน่าทายาทแห่งเผ่า เลือดเชื่องได้อย่างง่ายดายขนาดนี้ อย่างน้อยๆ จากท่าทีในปัจจุบัน เธอ ก็ไม่น่าจะมาขวางทางเขาอีก
เหลือแค่ตัวปัญหาสองคนนั้นแล้วสินะ
ขณะที่เงาของชายร่างสูงตระหง่านและอัศวินเกราะเต็มตัวแวบ เข้ามาในหัว โรเอลก็พบว่าตัวเองถอนหายใจออกมาด้วยอาการระคาย เคือง เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงความดื้อรั้นของวิลเลียมที่มีต่อเขาว่ามัน แปลกเกินไป
ทําไมวิลเลียมถึงอยากให้ฉันไปที่อาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพน เดอร์ด้วยกัน? เขาค่อนข้างจะเป็นผู้นําที่โดดเด่น ดังนั้นแน่นอนว่ามันไม่ มีเหตุผล ที่เขาจะต้องให้ฉันมารับช่วงต่อจากภาคีผู้นําพาแสงอรุณจาก เขา มีเรื่องอื่นที่เรายังไม่รู้งั้นเหรอ?
โรเอลครุ่นคิดเรื่องนี้ก่อนจะส่ายหัว เขามองดูพระจันทร์สีเงินนอก หน้าต่างอย่างครุ่นคิด โดยรู้ว่าความจริงจะต้องเปิดเผยออกมาแน่ เมื่อ สิ้นสุดงานประลองศึกชิงถ้วย