ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 456 จุดเปลี่ยน (2)
“ถูกต้อง! พวกเราจะต้องได้ป้อมปราการกลับคืนมาในแบบ เดียวกันกับที่พวกเราสูญเสียมันไป!”
“มันเป็นแค่ภาพลวงตาที่สร้างขึ้นโดยศัตรูของเหล่าทวยเทพ! พวก เราต้องไม่หลงกลอุบายของพวกมัน! พวกลัทธิชั่วร้ายมันคงคิดว่าหลอก เราได้แล้วสินะ!”
“พวกเราต้องส่งข่าวให้คนอื่นๆ รู้ และรีบเสริมความแข็งแกร่ง ให้กับการป้องกันของพวกเรา”
ด้วยถ้อยคําของโรเอล เหล่าอัศวินที่ศรัทธาในเทพธิดาเซียตั้งแต่ อายุยังน้อย ต่างก็สามารถมองสถานการณ์นี้ในแง่มุมใหม่ได้ ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจึงพบเสาหลักในจิตใจให้ยึดมั่น และสาบานอย่างมุ่งมั่นว่าจะ แก้แค้นเหล่าลัทธิชั่วร้าย
อัศวิน 2 คนถูกส่งกลับไปที่เมืองบาร์กเพื่อรายงานเรื่องนี้ ในขณะที่ สมาชิกที่เหลือต่างค้นหาเบาะแสในบริเวณใกล้เคียงและทําการตั้งค่าย
ป้อมปราการทาร์กอาจพังทลายลงไปก็จริง แต่ทางผ่านภูเขาก็ควร ได้รับการปกป้องเช่นเดิม หากพวกเขาปล่อยให้พวกกลายพันธุ์เข้ามา ได้อย่างอิสระล่ะก็ พวกมันจะกระจัดกระจายไปในทุกทิศทางอย่าง
รวดเร็ว สร้างความหายนะไปทั่วชายแดนตะวันออก ทําให้เป็นเรื่องยาก สําหรับมนุษยชาติที่จะรักษาแนวป้องกันไว้ได้
แน่นอนว่าไม่มีทางที่หน่วยอัศวินเล็กๆ จะสามารถปกป้องหุบเขา ทาร์กด้วยตัวเองได้ หากพวกกลายพันธุ์เปิดฉากการโจมตีครั้งใหญ่ พวก เขาจะต้องพ่ายแพ้ภายในเวลาไม่นานแน่ ทั้งโรเอลและเหล่าอัศวินต่าง ก็รู้ดีถึงเรื่องนี้ แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดถึงมัน
พวกเขารู้ว่าชีวิตของตนเองมีความสําคัญเพียงน้อยนิด เมื่อเทียบ กับวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นกับมนุษยชาติ จักรวรรดิเซนต์เมซิท ครอบครัว เพื่อนฝูง และพี่น้องของพวกเขาที่อยู่เบื้องหลัง ทําให้ทุกคนไม่สามารถ ถอยกลับได้ในตอนนี้
หายนะกะทันหันอาจทําให้ความตั้งใจของพวกเขาพังทลายลง ชั่วขณะ แต่ทุกคนก็ตั้งสติกลับมาได้ นึกถึงสิ่งที่เคยสาบานว่าจะปกป้อง ได้อย่างรวดเร็ว ระงับความกลัวและบังคับตัวเองให้ยืนหยัดสู้กับมัน
ขณะเดียวกันโรเอลเองก็มีภารกิจอื่นที่เขาต้องทําให้สําเร็จ
“ท่านโรเอล ท่านจะไปจริงๆ หรือ?”
ในขณะที่เหล่าอัศวินกําลังยุ่งอยู่กับการสร้างค่ายชั่วคราว ผู้ บัญชาการของกลุ่มอัศวินที่สามก็มองไปที่เด็กหนุ่มผมดําตรงหน้า
โรเอลพยักหน้าเป็นการตอบ
“ใช่ ในเมื่อองค์ชายเคนหายตัวไป องค์หญิงนอร่าก็เป็นความหวัง สุดท้ายของจักรวรรดิเซนต์เมซิท เพื่อความมั่นคงและความอยู่รอดของ อาณาจักรเรา ฉันต้องไปตามหาเธอ”
“…”
ผู้บัญชาการหน่วยอัศวินเงียบไปในทันที ตอนนี้ดวงอาทิตย์กลับขึ้น สู่ท้องฟ้าแล้ว แต่อัศวินในชุดเกราะกลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นจากมัน เลยแม้แต่น้อย
ป้อมปราการทาร์กได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘สุสานของมนุษย์’ และโรเอลก็กําลังวางแผนที่จะเดินเข้าไปในส่วนลึกของมัน เพื่อค้นหา นอร่าที่อาจไม่ได้อยู่ในนั้น ทุกคนคิดว่ามันเป็นการกระทําที่เสียสติ แต่ก็ ไม่มีใครสามารถหาคําพูดที่จะหยุดยั้งเขาได้ เพราะพวกเขารู้ว่าสิ่งที่โร เอลพูดนั้นเป็นความจริง
สําหรับจักรวรรดิเซนต์เมซิท นี่เป็นสิ่งที่โรเอล แอสคาร์ดต้องทํา
องค์ชายเคนอาจหายตัวไปพร้อมกับทหารหลายแสนนายของป้อม ปราการทาร์ก แต่ตระกูลเซไซต์ยังคงต้องการผู้สืบทอด โบสถ์แห่งเทพี ผู้สร้างจะต้องไม่สูญเสียผู้ครอบครองเชื้อสายแห่งทูตสวรรค์ ราชวงศ์ คือศูนย์กลางที่นําพาผู้คนมารวมตัวกันในยามที่วุ่นวาย หากราชวงศ์ไม่
สามารถรักษาความมั่นคงภายในได้ พวกเขาจะสร้างแรงบันดาลใจให้ ประชาชนได้อย่างไร?
เมื่อจักรวรรดิเซนต์เมซิทล่มสลาย ความไม่สบายใจจะแผ่ซ่านไป ทั่วมนุษยชาติอย่างรวดเร็วราวกับโรคภัยไข้เจ็บ
เหล่าอัศวินรู้ว่าโรเอลแบกรับชะตากรรมของอาณาจักรไว้บนบ่า และนั่นคือสาเหตุที่ไม่มีใครกล้าหยุดเขา พวกเขาทําได้เพียงบอกลาโร เอลด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
“นําเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของฉันไปที่ค่ายฐานของอาณาจักรแห่ง ภาคีอัศวินเพนเดอร์และเมืองโรซ่าที่ชายแดนตะวันออก บอกพวกเขา ว่าโรเอล แอสคาร์ด ตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครองแอสคาร์ดร้อง ขอการเสริมกําลังอย่างเป็นทางการที่ป้อมปราการทาร์ก ฉันจะอธิบาย สิ่งต่างๆ ให้พวกเขาฟังในภายหลังเป็นการส่วนตัว ไม่ต้องกังวล พวก เขาจะต้องเคลื่อนไหวแน่”
“ถึงตอนนั้น พวกนายต้องปกป้องที่นี่ด้วยทุกสิ่งที่มี จําไว้ว่าไม่มี ใครเป็นคนของอาณาจักรไหนทั้งนั้น ที่นี่มีแต่มนุษยชาติ และพวกเรา ทุกคนจะต้องต่อสู้โดยมีเป้าหมายเดียวกันในใจ”
“ท่านโรเอล…”
ผู้บัญชาการหน่วยอัศวินรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของโรเอลด้วย ใจที่หนักแน่น โรเอลตบบ่าอีกฝ่ายก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนหลังม้า เงียบๆ เด็กหนุ่มสัมผัสคมดาบอันอบอุ่นของเอสเซนด์วิง และรวบรวม ความมุ่งมั่นอีกครั้ง
“รอจนกว่าฉันจะกลับมา เหล่านักรบแห่งเทพีเซีย ขอให้โชค เข้าข้างพวกนาย!”
พูดจบโรเอลก็ดึงบังเหียนม้าของเขาและควบเข้าไปในส่วนลึกของ หุบเขาทาร์ก
…
โรเอลรู้ว่านี่เป็นภารกิจที่ไม่อาจจะล้มเหลวได้
นอร่าเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในตระกูลเซไซต์ ตําแหน่งของเธอมีความสําคัญมากจนสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตของ มนุษยชาติได้
จักรวรรดิเซนต์เมซิทนั้นไม่ได้มั่นคงเหมือนพื้นผิว หากองค์ชาย เคนและนอร่าพบกับเหตุร้าย ตระกูลเอลริกจะก้าวออกมาข้างหน้าทันที รวบรวมขุนนางผู้ทะเยอทะยานเผชิญหน้ากับฝ่ายราชวงศ์ที่อ่อนแอ กว่า
มันไม่น่าเป็นไปได้ที่ตระกูลเอลริกจะก่อการจลาจลอย่างโจ่งแจ้ง ภายใต้การคุกคามของพวกกลายพันธุ์และอิทธิพลอันทรงพลังของ ตระกูลเซไซต์ แต่จักรวรรดิเซนต์เมซิทที่กระจัดกระจายจะเต็มไปด้วย การต่อสู้แบบประจัญบาน รอยแยกจะลึกขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง พระสังฆราชจอห์นสิ้นสังขารไป
ด้วยการจบสิ้นของตระกูลเซไซต์ และบัลลังก์ที่ว่างเปล่า ในที่สุด ตระกูลเอลริกก็จะสามารถถอดโซ่ตรวนทั้งหมดออกและเริ่มสงคราม ภายในได้
การต่อสู้จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ระหว่างตระกูลแอสคาร์ด และตระกูลเอลริก โบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างเทพธิดาน่าจะสนับสนุนตระกูล แอสคาร์ด แต่ตระกูลเอลริกเองก็น่าจะได้รับการสนับสนุนจากลัทธิชั่ว ร้ายด้วยเช่นกัน ไม่ว่าใครจะชนะในศึกแห่งความดีและความชั่วนี้ รูปลักษณ์ของระเบียบทั้งหมดจะถูกกัดเซาะ
ด้วยทรัพยากรส่วนใหญ่ที่หมดลงไปกับการต่อสู้ มันคงจะยาก สําหรับจักรวรรดิเซนต์เมซิทที่จะสร้างการป้องกันที่แข็งแกร่งแบบป้อม ปราการทาร์กอีก หากพวกกลายพันธุ์ต้องการเปิดฉากการบุกรุกครั้ง ใหญ่เหมือนที่เคยทํามาแล้วสี่ครั้งในอดีต ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า มนุษยชาติจะสามารถต้านทานการโจมตีนั้นได้
นั่นคือข้อสรุปของโรเอลที่ได้มาจากการคาดเดา
มันเป็นอนาคตอันน่าสยดสยองที่โรเอลจะต้องไม่ปล่อยให้เกิดขึ้น จริง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขากังวลมากที่สุด มีเพียงสิ่งเดียวในใจที่ทําให้เขา หวาดกลัว และนั่นคือความเป็นไปได้ที่นอร่าอาจหายตัวไป
นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วนับตั้งแต่ระดับสถานะอวตารทูตสวรรค์ ของนอร่าถึงจุดสูงสุด นอร่านั้นแทบจะไม่เหลือความมุ่งมั่นของตัวเอง แล้ว นอกจากนี้องค์ชายเคน บิดาของเธอยังหายตัวไปพร้อมกับป้อม ปราการทาร์ก ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สําคัญนี้อีก ซึ่งน่าจะเป็นความ ตกใจครั้งใหญ่สําหรับนอร่า
โรเอลไม่รู้ว่านอร่ารับรู้ถึงหายนะที่เกิดขึ้นที่ป้อมปราการทาร์กได้ หรือเปล่า แต่เด็กหนุ่มภาวนาขอให้เธอไม่รู้เรื่องนี้ ถ้าเขาสามารถปกปิด เรื่องนี้จากเธอจนกว่าอาการของเธอจะคงที่ ทุกอย่างคงจะดีกว่ามาก
เด็กหนุ่มควบม้าออกไปภายใต้การแนะนําที่คลุมเครือของเอส เซนด์วิง หลังจากเดินทางมาหลายชั่วโมงแล้ว เขาเริ่มสังเกตเห็นกอง อะไรสักอย่างดูประหลาดๆ ที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งทําให้ผิวของเขาซีดเซียว
ทีแรกเขาไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่แล้วกลิ่นเหม็นฉุนก็ปรากฏขึ้น อย่างเด่นชัดเมื่อเด็กหนุ่มเข้าไปใกล้มัน จากนั้นทิวทัศน์ของนรกปรากฏ ขึ้นต่อหน้าต่อตาโรเอล
มันคือภูเขาซากศพที่ก่อตัวขึ้นโดยพวกกลายพันธุ์หลายร้อยตัว ซ้อนกันอยู่บนยอดกองหนึ่ง
กลิ่นเหม็นเน่าคลุ้งจนยังได้กลิ่นแม้จะห่างออกไปในระยะพันเมตร ทําให้ท้องปั่ นป่วนด้วยความสะอิดสะเอียน เลือดไหลออกจากภูเขาศพ ราวกับแม่น�าสาขาเล็กๆ หลายสายที่แยกมาจากตาน�า ย้อมพื้นเป็นสี แดง โดยมีอีกาและเหยี่ยวบินวนอยู่บนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง
ฉากนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นงานศิลปะที่ดูน่าขยะแขยง
โรเอลรู้สึกว่าหัวใจตัวเองกําลังตกลงไปในขุมนรกในขณะที่จ้อง มองไปที่ภูเขาซากศพ เด็กหนุ่มควบม้าไปข้างหน้าเพื่อตรวจดูซากศพที่ ถูกทําลาย ฉับพลันใบหน้าของเขาก็ซีดลงเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังเวทที่ คุ้นเคยจากพวกมัน
มันคือพลังเวทของนอร่า
การโจมตีอันรุนแรงเช่นนี้ขัดแย้งกับเด็กสาวผู้ใจดีและชอบธรรมที่ โรเอลจําได้ แต่หลักเหตุผลของเขาก็บอกว่าตัวเองไม่ได้เดาผิดไปแน่ๆ
โรเอลยืนอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์อันเสมือนนรกนี้ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขา จะเพ่งความสนใจไปที่การนําทางของเอสเซนด์วิงอีกครั้ง เขาตัดสินใจที่ จะละสายตาจากความโหดร้ายและเดินทางต่อไป
ภาพนรกดังกล่าวยังคงดําเนินต่อไปเมื่อเขาเข้าไปในป้อมปราการ ทาร์ก เมื่อพระอาทิตย์ตกดินเขาก็ได้พบกับซากภูเขาถึงสามแห่ง
พระอาทิตย์อัสดงปกคลุมร่างกายของเด็กหนุ่มด้วยแสงสีเลือดอัน น่าสยดสยอง ทันใดนั้นเองโรเอลก็สัมผัสได้ว่าการนําทางของเอสเซนด์ วิงค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น
ขณะเดียวกันบนเนินเขาอันไกลโพ้นที่เปื้ อนไปด้วยเลือด เด็กสาว คนหนึ่งผู้มีปีกอันสว่างไสวสง่างามก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเพื่อจ้องมองไป ทางทิศตะวันตกอย่างไร้อารมณ์ความรู้สึก