ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 463 เดิมพันด้วยชีวิต (1)
แสงแดดสาดส่องผ่านหุบเขาที่เคยเป็นสถานที่ตั้งของป้อมปราการ ทาร์กได้ส่งสัญญาณเริ่มต้นของวันใหม่
ทว่าสถานการณ์นั้นแทบจะไม่ได้ดีขึ้นเลย ร่างกายโรเอลสั่นเครือ มากกว่าคืนก่อน อีกทั้งพวกเขาก็ยังอยู่ในตําแหน่งที่ไม่ปลอดภัยเท่าไหร่
ตอนนี้โรเอลรู้สึกเหมือนว่าเขาได้ผ่านเหตุการณ์มากมายของหนึ่งปี ในวันๆ เดียว จนต้องสงสัยว่าตัวเองอยู่ในห้วงมิติของความฝันหรือ เปล่า แต่เขาก็รู้สึกยินดีที่ตัวเองรอดมาได้
หลังจากที่ได้อธิบายเรื่องหกภัยพิบัติ และความเป็นไปได้ที่องค์ ชายเคนและคนอื่นๆ อาจจะยังคงมีชีวิตอยู่ นอร่าก็สามารถรวบรวม ความกล้าที่จะลุกขึ้นมาเผชิญกับความกลัวในใจได้ในที่สุด เธอตัดสินใจ ที่จะยึดมั่นแน่วแน่ในความหวังอันริบหรี่ว่าทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยดี
แม้ว่าตอนนี้ทุกอย่างจะยังไม่ได้เป็นไปด้วยดี แต่อย่างน้อยๆ รูโหว่ ในหัวใจของเธอก็ถูกปิดลงแล้ว
โรเอลมองไปที่ใบหน้าของนอร่าอย่างโล่งใจก่อนจะตกอยู่ในห้วง ความคิด
เข้มแข็ง เอาแต่ใจ สง่างาม และเชื่อถือพึ่งพาได้ ปกติแล้วนี่คือ อารมณ์ที่มักจะสัมผัสได้จากองค์หญิงแห่งจักรวรรดิเซนต์เมซิท นอร่า แทบจะไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นมาก่อน
สิ่งที่เกิดขึ้นกับป้อมปราการทาร์กเป็นโศกนาฏกรรมอย่างแท้จริง แต่มันก็เผยให้เห็นถึงด้านอื่นๆ ของนอร่าไม่มีใครได้รู้จักมาก่อน นอกจากนี้ยังทําให้โรเอลตระหนักมากขึ้นกว่าเดิมว่าเธอมีความหมาย กับเขาแค่ไหน
นอร่าในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความอ่อนแออาจจะเป็นสภาวะ เพียงชั่วคราว แต่ในเวลาแบบนี้นี่แหละที่เขาต้องคอยอยู่เคียงข้างและ สนับสนุนเธอ
โรเอลกําหน้าอกของตัวเองเบาๆ พยายามอย่างดีที่สุดที่จะระงับ อาการปวด เพื่อทําให้การแสดงออกของตัวเองดูผ่อนคลายที่สุด ทางด้านนอร่าจู่ๆ แสงสลัวก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ จากนั้น ร่างกายของเธอก็แข็งทื่อ และพลังเวทก็เริ่มหลั่งไหลออกมาอย่างคลุ้ม คลั่ง
“!”
สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ทําให้โรเอลหน้าซีด
สถานะอวตารทูตสวรรค์ของนอร่ากลับมาอีกแล้วงั้นเหรอ? แต่ พวกเราเพิ่งสู้กันไปได้ไม่นานเองนะ…
“นอร่า เธอ…”
“ขอโทษนะ ข้าต้องออกไปสักพัก”
นอร่ากล่าวขอโทษ
โรเอลถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
พลังทางสายเลือดของนอร่าอยู่ในช่วงที่รุนแรงที่สุด ทําให้เธอต้อง ออกไประบายพลังเวทที่คลุ้มคลั่งเป็นช่วงๆ เพื่อกดสัญชาตญาณ ศักดิ์สิทธิ์ และเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนย้อนกลับมา อีกรอบ เธอจึงต้องออกไปยังสนามรบอีกครั้งและต่อสู้กับพวกกลาย พันธุ์
“ระวังตัวด้วยล่ะ ถ้าเธอระงับมันไม่ได้ล่ะก็…”
“ไม่ต้องกังวล มันจะไม่เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่ ข้าสัญญา”
นอร่าพูดขัดโรเอลขึ้นมา แววตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เมื่อเห็นดังนั้นโรเอลก็พยักหน้าและเลือกที่จะเชื่อในตัวอีกฝ่าย
พวกเขาเริ่มพูดถึงสิ่งที่อีกฝ่ายจะต้องระวัง แต่บทสนทนาก็ถูกตัด ลงด้วยแสงสว่างที่เพิ่มขึ้นในดวงตาของนอร่า ระหว่างที่นอร่ากําลังจะ เดินออกไป จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาในหัวของเด็กหนุ่ม
“หาอาหารกลับมาด้วยล่ะ”
“อาหาร?”
“ใช่ อาหารอะไรก็ได้ ฉันต้องการสารอาหารไว้ใช้ฟื้ นตัวจากอาการ บาดเจ็บ ฝ่าบาทนอร่าคงไม่คิดจะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านอด อาหารใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าไม่ได้ ข้าจะยอมให้เป็นแบบนั้นได้ยังไง”
“!”
นอร่าตอบด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนทําให้โรเอลตั้งตัวไม่ถูก เขาตะลึง อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มตอบ
“สัญญาแล้วนะ”
“อืม”
เมื่อทําสัญญาเสร็จสิ้น นอร่าก็เปิดประตูและกางปีกออกบินขึ้นไป บนฟ้า
…
โรเอลนั่งอยู่ข้างๆ หน้าต่าง มองดูเป็นเงาของนอร่าที่ค่อยๆ ลอย หายไปจากขอบฟ้า ก่อนจะปล่อยลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นแม่มดผมสีขาวก็ปรากฏตัวขึ้นมา มองไปยังสีหน้าที่ไม่สู้ดีของ เด็กหนุ่ม
“เธอไปแล้ว เจ้าไม่ต้องฝืนแล้วล่ะ”
“เธอนี่มัน…แค่ก!”
โรเอลกําลังจะตอบกลับอาร์เทเชีย แต่แล้วเขาก็ไอออกมาอย่าง รุนแรง เลือดไหลผ่านมุมริมฝีปากของเจ้าตัวพร้อมกับจุดแสงสีทอง
อาร์เทเชียยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ตามนิสัย ก่อนจะมองออกไปยังนอก หน้าต่าง จ้องมองไปในทิศทางที่นอร่าออกบินหายไปก่อนจะถามอย่าง ใจเย็น
“เจ้าตั้งใจจะออกจากที่นี่ตอนไหน?”
“… “
แทนที่จะตอบคําถามโรเอล อาร์เทเชียกลับก้มศีรษะลงอย่างสงบ มองไปที่จุดแสงๆ ในเลือดของเขาที่แสดงให้เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เด็กหนุ่มไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่านี่คือสิ่งที่อาจเกิดขึ้น จากแผนการของตน
มือของนอร่าได้แทงเจาะหน้าอกของโรเอลในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าเขาจะย้ายหัวใจออกไปล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีที่ถึง ตาย แต่เขาก็ไม่สามารถหยุดพลังเวทของเธอจากการไหลเข้าสู่ร่างกาย ของเขาได้
พลังเวทการหลอมรวมของราชาทูตสวรรค์นั้นยอดเยี่ยมมากจน แม้แต่เทพธิดาแห่งผืนปฐพีก็ไม่อาจต่อกรพลังของมันได้ โรเอลสามารถ ลดความรุนแรงของมันได้ด้วยการปกป้องจากศิลาแห่งมงกุฎ แต่มันก็ ยังคงมีผลกระทบตกค้างเหลือทิ้งไว้อยู่ดี
ขณะนี้ร่างกายของเขากําลังถูกทําลายจากภายใน
นี่คือการล้างแค้นจากราชาทูตสวรรค์
ด้วยเหตุผลบางอย่างนอร่าจึงไม่ได้สังเกตเห็นมัน และโรเอลก็ไม่ คิดที่จะบอกเรื่องนี้กับเธอ
“เจ้าไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้แล้ว เจ้าต้องออกจากที่นี่ก่อนที่เจ้า จะตาย”
เสียงของอาร์เทเชียไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เธอมองโรเอลด้วย แววตาอันแน่วแน่พร้อมกับแจ้งให้เด็กหนุ่มทราบถึงสภาพปัจจุบันของ ตัวเอง
“เธอยังไม่สามารถควบคุมพลังของตัวเองได้อย่างเต็มที่ เธอไม่มี ทางช่วยเจ้าได้แน่ การอยู่เคียงข้างเธอจะยิ่งกระตุ้นให้พลังเวทของทูต สวรรค์เร่งกระบวนการความเสียหายในตัวเจ้ามากขึ้นไปอีก “
“…แล้ว?”
“กลับไปที่อาณาเขตของมนุษยชาติซะ เจ้าต้องเว้นระยะห่างจาก เด็กสาวคนนั้น ข้าจะลบพลังเวทของทูตสวรรค์ออกให้เอง”
อาร์เทเชียเร่ง
“…”
โรเอลแหงนมองดูดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลอยขึ้นมาอย่างเงียบๆ โดย ไม่ได้พูดอะไรเลย
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ และสายตาของอาร์เทเชียที่จ้องมองมายัง โรเอลก็ค่อยๆ หรี่ลง
ในหุบเขาที่ห่างไกลและที่ราบสีแดงเข้ม เทพธิดาแห่งผืนปฐพีและ โครงกระดูกยักษ์เองก็กําลังฟังบทสนทนานี้อยู่เช่นกัน พวกเขาเห็นพ้อง
กับคําพูดของอาร์เทเชียอย่างเงียบๆ ขณะรอคอยการตัดสินใจของเด็ก หนุ่ม
ความปลอดภัยของโรเอลคือสิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับพวกเขา เป ตราจึงยอมเห็นดีเห็นงามไปด้วยกับอาร์เทเชีย แม้ว่าจะไม่ถูกกันสุดๆ ก็ ตาม
ไม่ว่าพวกเขาจะมองยังไง โรเอลก็ทําสุดความสามารถแล้ว การดึง นอร่ากลับมาจากสถานะอวตารทูตสวรรค์ก่อนหน้านี้คือสุดทางสําหรับ เด็กคนนี้แล้วจริงๆ หากข้องเกี่ยวกับเธอไปมากกว่านี้ก็รังแต่จะเดินหน้า หาความตายโดยไม่จําเป็น
“ฉันเหลือเวลาเท่าไหร่?” “…สี่วันหรืออาจจะน้อยกว่านั้น” “เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันก็ยังพอมีโอกาสอยู่สินะ?” โรเอลถามด้วยรอยยิ้ม นี่ทําให้ใบหน้าของราชินีแม่มดมืดลง
วิธีที่เขาจะรอดจากสภาพนี้ไปได้ยังมีอีกวิธีหนึ่งก็คือ นอร่าจะต้อง ประสบความสําเร็จในการพิชิตราชาทูตสวรรค์ ทําให้ความก้าวหน้านั้น สมบูรณ์และสามารถควบคุมพลังของตัวเธอเองได้อย่างเต็มที่ หากเป็น
เช่นนั้นแล้วนอร่าก็จะสามารถช่วยโรเอลจากพลังเวทสีทองที่กําลัง ทําลายร่างกายเขาได้
แล้วถ้าเธอล้มเหลวล่ะ?
ถ้าราชาทูตสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พลังเวททองคําในตัวโร เอลจะถูกกระตุ้นทันที ทําให้เขาตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงที่แม้แต่ราชินี แม่มดก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้
อาร์เทเชียจ้องไปที่โรเอลด้วยความลําบากใจ ดวงตาสีแดงของเธอ เต็มไปด้วยโทสะ ตอนนี้เธอแทบจะไม่สามารถสงบอารมณ์ของตัวเองได้ อีกต่อไปแล้ว
“ข้าไม่เข้าใจเจ้าเลยจริงๆ! เธอมีดีอะไรที่ทําให้เจ้าถึงกับต้องเดิม พันชีวิตของตัวเองเพื่อเธอ!”
“… “
โรเอลนั่งลงบนเก้าอี้แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
ความทรงจําในอดีตแล่นผ่านเข้ามาในใจของเขา ไม่ว่าจะเป็นพบ กันครั้งแรกของพวกเขา เรื่องราวในงานเลี้ยงอาหารมื้อเย็นแสนอร่อยที่ พวกเขาอยู่ด้วยกัน การฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกันของพวกเขาในสถานะผู้ เฝ้ามอง อ้อมกอดอันอบอุ่นที่พวกเขาแบ่งปันร่วมกัน…
“ฉันต้องอยู่กับเธอ ฉันเป็น ‘เสาหลัก’ สุดท้ายในจิตใจเธอ เธอเองก็ น่าจะรู้ดีกว่าใครไม่ใช่เหรอ ว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่จะสามารถเอาชนะ ตัวตนที่เป็นจุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์ได้ นอกจากนี้ฉันเองก็กําลังรอใคร บางคนอยู่ด้วย”
“กําลังรอใครบางคน?”
“ศัตรูคู่แค้นน่ะ”
โรเอลว่า
เขานึกถึงชายผมสีทองผู้เยือกเย็นและเปี่ ยมไปด้วยจิตสังหาร แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการคาดเดา แต่เด็กหนุ่มก็กล้าที่จะกล่าวออกมา อย่างมั่นใจ