ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 499: การเผชิญหน้าอันเยือกเย็น (1)
จักรวรรดิออสทีน เมืองหลวงซีโอ
หลังจากหลายเดือนของฤดูหนาวอันแห้งแล้งผ่านพ้นไป เมือง
หลวงของจักรวรรดิที่ตั้งอยู่ทางเหนือของจักรวรรดิออสทีนก็เผชิญกับ
หิมะหนาแน่น
ปริมาณหิมะปานกลางในช่วงฤดูหนาวถือเป็นเรื่องดีในพื้นที่ส่วน
ใหญ่ พื้นดินอันแห้งแล้งจะได้รับความชุ่มชื้น เพื่ออํานวยความสะดวก
ในการเจริญเติบโตของพืชสําหรับปีหน้าที่กําลังจะมาถึง นี่จึงเป็นสิ่ง
สําคัญอย่างยิ่งสําหรับการเกษตร อย่างไรก็ตามสําหรับพื้นที่เมือง หิมะ
ตกก็อาจก่อให้เกิดปัญหาทางการจราจรได้โดยเฉพาะในช่วงนี้
ในยุคที่ความบันเทิงยังด้อยพัฒนา เทศกาลต่างๆ จึงเป็นปัจจัย
หลักสําหรับผู้คนในการระบายความเบื่อหน่ายและความเศร้าโศกใน
ชีวิตประจําวันออกไป อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการบรรเทาความ
กดดันต่างๆ โดยทั่วไปแล้ว ทุกอาณาจักรล้วนต้องมีวันเทศกาลของ
ตนเองเป็นหลักสากล ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่จะมีวันพิเศษสําหรับช่วงฤดู
หนาว ซึ่งก็คือช่วงระหว่างการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง และการ
เพาะปลูกในฤดูใบไม้ผลิที่จักรวรรดิเซนต์เมซิท อาณาจักรที่ประชาชนเกือบทุกคนเป็นผู้
ศรัทธาในเทพีเซีย วันนี้ถือเป็นวันปีใหม่ที่ผู้คนหลายพันคนจะมารวมตัว
กันเพื่ออธิษฐานขอพรจากเทพีเซีย ส่วนในอาณาจักรแห่งการศึกษาโบร
เนล วันนี้ถือเป็นวันก่อกําเนิดของเทพีแห่งปัญญา ซึ่งจะเป็นวันที่ทุกคน
จะมารวมตัวกันเพื่อจัดนิทรรศการ และสําหรับจักรวรรดิออสทีน วันนี้
เป็นวันสถาปนาจักรวรรดิออสทีนโบราณแห่งยุคที่สอง
จักรวรรดิออสทีนโบราณคือความฝันอันรุ่งโรจน์ที่ผู้คนใน
จักรวรรดิออสทีนไม่มีวันลืมเลือน แม้ว่าจะผ่านไปนับพันปี มันก็เป็น
ช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ แม้ว่าทุกสิ่ง
ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่จักรวรรดิออสทีนก็ยังคงอ้างสิทธิ์ใน
ฐานะผู้สืบทอด ทําให้การสืบทอดเทศกาลที่มีมานานนับพันปีนี้
กลายเป็นสิ่งที่สําคัญที่สุดอย่างหนึ่ง
ในวันสถาปนาจักรวรรดิออสทีนโบราณ ขุนนางจากทั่วอาณาจักร
จะเดินทางเข้ามายังศูนย์กลางของจักรวรรดิ เพื่อถวายความจงรักภักดี
แก่เชื้อสายโบราณที่ครอบครองอํานาจสูงสุดของมนุษยชาติมานับพันปี
การเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่นี้จะถูกจัดขึ้นภายในพระราชวัง โดยมีแขก
มากมายเสียจนเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดแห่งนี้แออัดไปด้วยผู้คน
เหล่าบุรุษต่างโอ้อวดอํานาจของตน โดยโบกดาบยาวบนเวทีของ
เทศกาล ส่วนฝั่ งสตรีก็สวมชุดแบบจักรวรรดิออสทีนโบราณเต้นรําบนฟลอร์อย่างสง่างาม เสียงเพลง และการเต้นรําอันสนุกสนานมาพร้อม
กับคาถาเวทดอกไม้ไฟ และการแสดงแสงที่เปลี่ยนไปแปลงไปตาม
ช่วงเวลา แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ
มนุษยชาติ
ภายในพระราชวังอันงดงาม เด็กสาวผมดําผู้ซึ่งแต่งตัวแตกต่าง
จากคนอื่นๆ กําลังยืนอยู่ที่ด้านข้างของสถานที่จัดงาน แม้นัยน์ตาสีอ
เมทิสต์จะสะท้อนภาพความรุ่งเรืองของโลก แต่ใบหน้าอันงดงามนั้นก็
ยังคงเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง ถึงกระนั้นเธอก็ยังตกเป็นเป้าสายตาของ
ผู้คนนับไม่ถ้วน
วัยรุ่นที่นั่งอยู่บนโต๊ะต่างพูดคุยหัวร่อต่อกระซิก ยกแก้วไวน์ขึ้น
ชําเลืองมองไปที่เด็กสาวคนนั้น คนที่กําลังดวลดาบกันเมื่อรู้ผลแพ้ชนะ
ก็มองไปในทิศทางเดียวกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ทุกคนต่างมีอารมณ์
แปรปรวนเล็กน้อยกับโฉมงามผู้เยือกเย็นเหมือนน�าแข็ง
น่าเสียดายที่ปีนี้เองก็ไม่ต่างไปจากปีก่อนๆ เด็กสาวยังคงมีท่าทาง
สง่าผ่าเผยด้วยรอยยิ้ม ที่งดงามประดุจเกล็ดหิมะ แต่ก็พร้อมที่จะแช่
แข็งใครก็ตามที่ต้องการเข้าใกล้เช่นกัน
ลิเลียน แอคเคอร์มันน์ ผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลมและน่า
สะพรึงกลัว เป็นดั่งน�าหวานล่อลวงที่อันตรายถึงตาย ไม่ว่าจะเป็นด้าน
กลยุทธ์ ความแข็งแกร่ง ทักษะทางการเมือง หรือพรสวรรค์ ทุกอย่างล้วนมีพลังเทียบเท่าสัตว์ประหลาด เธอไม่จําเป็นต้องทําให้ใครพอใจ
หรือสนใจใครทั้งนั้น ทั้งเหล่าเด็กผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้ หรือแม้แต่ดยุคผู้
ยิ่งใหญ่ในจักรวรรดิออสทีนก็ยังไม่กล้าดูหมิ่นเธอ
ไม่มีใครรู้ว่าคนแบบไหนถึงจะอยู่ในสายตาของเด็กสาวคนนี้ ไม่มี
ใครเคยได้เต้นรํากับเธอมาก่อน ลิเลียนเป็นบุตรสาวที่คล้ายคลึงกับ
จักรพรรดิลูคัส บิดาของเธอมากที่สุด มันเหมือนกับว่าพวกเขาขาด
อะไรบางอย่างไป แต่เธอนั้นให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากลูคัสเล็กน้อย
ตรงที่ลิเลียนเหมือนจะมีเวทมนตร์บางอย่างที่อธิบายไม่ได้ ทําให้ผู้คน
กระตือรือร้นที่จะเข้าหาเธอ แม้ว่ามันจะเสี่ยงแค่ไหนก็ตาม
ชายมากมายที่ไม่สามารถควบคุมสายตาของตนเองได้ต่างบรรเทา
อาการของตนด้วยสุรา อย่างไรก็ตามที่ซึ่งภาพของพวกเขามาบรรจบ
กัน ลิเลียนนั้นไม่ได้มองไปที่สิ่งใด เธอกําลังคิดถึงการเปลี่ยนแปลง
ล่าสุดที่เกิดขึ้นในช่วงนี้
จักรวรรดิออสทีน อาณาจักรอันเจริญรุ่งเรืองกําลังอยู่ในช่วง
สงครามเย็น เบื้องหน้าจักรพรรดิลูคัส บุตรทั้งสามของเขากําลังโจมตีใส่
กันด้วยพลังอํานาจและความแข็งแกร่ง ต่อสู้กันเองในหล่มที่เรียกว่า
การเมือง ผู้ชนะจะได้ทุกอย่าง และผู้แพ้ก็จะถูกกําจัด
นี่คือสงครามที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่อาจยอมแพ้ได้ เป็นการต่อสู้ที่กิน
เวลามานานหลายปี ทั้งปัญญา ความแข็งแกร่ง ความอดทน พลังอํานาจ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไพ่ใบหนึ่งในสํารับ ก่อนหน้านี้ลิเลียน
เป็นฝ่ายที่เข้าใกล้ชัยชนะมากที่สุด แต่ในปีนี้ การเปลี่ยนแปลง
บางอย่างก็ทําให้เด็กสาวต้องเจอปัญหาเล็กน้อย
ความพ่ายแพ้ในศึกชิงถ้วยทําให้ลิเลียนเสียไพ่ใบสําคัญที่เธอควร
จะได้ ในทางกลับกัน ลูเซียส แอคเคอร์มันน์ และออเบรย์ แอคเคอร์
มันน์ องค์ชายทั้งสองซึ่งเป็นพี่ชายของเธอ ล้วนได้ประโยชน์จากโอกาส
นี้และได้จับมือกันเป็นพันธมิตรชั่วคราว
แม้ว่าการเป็นพันธมิตรที่มีผลประโยชน์ไม่สอดคล้องกันโดยสิ้นเชิง
นี้จะถือเป็นการจู่โจมในสายตาของลิเลียน แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาหลัก
ที่ทําให้เธอกังวลที่สุด เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่ เมื่อฝ่ายหนึ่ง
พลาดพลั้ง อีกฝ่ายก็ย่อมได้ผลประโยชน์ แต่สิ่งที่ทําให้ลิเลียนกังวลที่สุด
ก็คือ ข่าวสารตรงแนวชายแดนซึ่งกําลังส่งกลิ่นที่บ่งบอกได้ถึงอันตราย
หลังจากโศกนาฏกรรมของป้อมปราการทาร์กที่ชายแดนทิศ
ตะวันออกจบลง สงครามก็ปะทุขึ้นภายในจักรวรรดิเซนต์เมซิท อาจ
กล่าวได้ว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่น่ากังวลมากที่สุดสําหรับทุกๆ
อาณาจักร อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์นี้ ในด้านที่ไม่มีใคร
สังเกตเห็น ข่าวบางอย่างได้ดึงดูดความสนใจของลิเลียน และนั่นก็คือ
การเคลื่อนทัพของดยุคไซส์ในฐานะที่เป็นหนึ่งในดยุกผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในจักรวรรดิออ
สทีน ดยุคไซส์ไม่มีความตั้งใจที่จะยืนหยัดสนับสนุนบุตรคนใดคนหนึ่ง
ในประเด็นเรื่องผู้สืบทอดบัลลังก์ แต่คราวนี้การเคลื่อนพลของตระกูลด
ยุคไซส์กลับไม่ได้มีการเปิดเผยต่อขุนนางที่มีความสัมพันธ์อันดีกับฝ่าย
ของลิเลียน ซึ่งดึงดูดความสนใจของเธอขึ้นมาในทันที และสิ่งที่ทําให้
เธอตื่นตัวมากขึ้นไปอีกก็คือ หนึ่งในสองกองทัพที่กําลังรบกับตระกูลเอ
ลริกในตอนนี้ก็คือตระกูลแอสคาร์ด
เหตุการณ์พวกนี้คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ นี่เป็นการคาดเดาจาก
ประสบการณ์ที่ลิเลียนเรียนรู้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และวันนี้ลาง
สังหรณ์ของเธอก็ดูเหมือนจะมีมูล
“องค์จักรพรรดิต้องการให้ข้าเข้าพบงั้นหรือ?”
“ใช่ขอรับ ฝ่าบาทลิเลียน โปรดเดินทางไปที่นั่น ทันทีที่ท่านจัดการ
ธุระของท่านเสร็จ”
“เข้าใจแล้ว”
หลังจากพยักหน้าเบาๆ ขุนนางผู้นําราชโองการมาบอกก็เดินจาก
ไปอย่างถ่อมตัว ลิเลียนมองตามไปสักพักด้วยดวงตาสีม่วงที่หรี่ลง
เล็กน้อยมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่องค์จักรพรรดิ จะเรียกองค์ชายและองค์หญิง
ให้มาเข้าพบในวันสถาปนาอาณาจักร แต่ก่อนหน้านี้ในปีที่ผ่านๆ มา
ลูคัสมักจะเรียกทุกคนออกมาพร้อมๆ กัน เพราะสําหรับจักรพรรดิผู้เห็น
คุณค่าในประสิทธิภาพเหนือสิ่งใดแล้ว เขาจึงไม่คิดที่จะพบปะกับเด็กๆ
ทีละคน ทว่าในวันนี้ลิเลียนกลับได้รับคําสั่งให้เข้าพบเขาเป็นการ
ล่วงหน้า
ด้วยที่เธอรู้จักองค์จักรพรรดิเป็นอย่างดี ทําให้เด็กสาวรู้ว่านี่ไม่ใช่
การเลือกปฏิบัติ แต่เป็นสัญญาณเตือน ลูคัสไม่มีทางเรียกเธอมาเข้าพบ
เป็นการส่วนตัวด้วยเหตุผลด้านความรักเชิงครอบครัวแน่
มันคือการทดสอบ และผลของการทดสอบนี้ก็จะกําหนดอนาคต
ของเธอ
ภายในห้องจัดเลี้ยงที่เต็มไปด้วยเสียงดังของการสังสรร ลิเลียนหัน
ศีรษะชําเลืองมองไปยังพี่ชายทั้งสองที่อยู่ห่างไกลออกไป ก่อนจะหัน
ศีรษะไปยังส่วนลึกของพระราชวัง
—————————————————–
ภายในทางเดินที่เงียบสงบ ลิเลียน แอคเคอร์มันน์กําลังก้าวเดินไป
ข้างหน้าด้วยสีหน้าที่ยังคงสงบนิ่ง แต่ภายในหัวของเธอนั้นกําลังคิดประมวลผลอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เป็นไปได้ต่างๆ และ
เตรียมกลยุทธ์เพื่อจัดการกับมัน
ในฐานะจักรพรรดิที่ปกครองจักรวรรดิออสทีนมานานหลาย
ทศวรรษ จักรพรรดิลูคัสไม่ใช่คนที่จะสามารถหลอกกันได้ง่ายๆ ทําให้
ตอนนี้ลิเลียนห้ามทําผิดพลาดโดยเด็ดขาด
บนทางเดินที่นําไปพระราชวังชั้นใน ราชองครักษ์ระหว่างทางต่าง
ยืนด้วยความเงียบสงบทั้งสองข้างทางเดิน ราวกับเป็นรูปปั้ นชุดเกราะ
บนบานประตูอันเคร่งขรึม ทับทิมในดวงตาของรูปสลักนกอินทรีสองหัว
ของตระกูลแอคเคอร์มันน์เปล่งประกายแวววาว หลังจากประกาศตัว
เด็กสาวผมดําก็เดินเข้าไปเปิดมัน มองเข้าไปในประตู ที่ซึ่งผู้ปกครอง
เพียงคนเดียวของอาณาจักรอันยิ่งใหญ่นี้พํานักอยู่
ลูคัส แอคเคอร์มันน์ กําลังนั่งอยู่บนบัลลังก์จักรพรรดิ รอคอยการ
มาถึงของเธอ
ผู้ปกครองของอาณาจักรมหาอํานาจล้วนเป็นผู้มีพลังเหนือ
ธรรมชาติ ซึ่งลูคัส แอคเคอร์มันน์เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ทว่าต่างจาก
อาณาจักรอื่นๆ ตรงที่ลูคัสไม่ได้มีภาพลักษณ์ที่ดูแก่ชรา เขามีผิวขาว
ร่างกายสมสัดส่วน ใบหน้าผอมบางปราศจากหนวดเครา นัยน์ตาสีม่วง
ที่เรียวยาวสดใสเปี่ ยมไปด้วยพลังเขาเป็นชายวัยกลางคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี นี่คงจะเป็น
ความคิดแรกที่คนทั่วๆ ไปคิดเมื่อเห็นเขา นิสัยของลูคัสนั้นคล้ายกับลิ
เลียนจนถึงแก่น ไม่แยแส และให้บรรยากาศอันสง่างามผสมผสานกับ
ความสูงส่งในฐานะองค์จักรพรรดิ ดังนั้นใครก็ตามที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาก็
ย่อมไม่กล้าพูดจาเหลวไหลใดๆ ออกมา
หลังจากเห็นลูคัส เด็กสาวผมดําขลับก็ยอบกายลงทําความเคารพ
ด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ลิเลียนเข้าใจดีว่าทุกการ
กระทําที่มีอารมณ์มาเกี่ยวข้องล้วนสูญเปล่าเมื่ออยู่ต่อหน้าต่อหน้า
จักรพรรดิ บทสนทนาที่กระชับและชัดเจนนั้นสอดคล้องกับความชอบ
ของลูคัสเสียมากกว่า
“ท่านพ่อ ข้าได้ยินมาว่าท่านมีเรื่องจะพูดคุยกับข้า”