ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - บทที่ 443 อาการของเจ้าค่อนข้างสาหัส ข้าเลยเพิ่มปริมาณของวัตถุดิบให้
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- บทที่ 443 อาการของเจ้าค่อนข้างสาหัส ข้าเลยเพิ่มปริมาณของวัตถุดิบให้
เปลวเพลิงสีทองส่องประกายระยิบระยับเย้ายวนใจ
เปลวเพลิงเจิดจ้าที่ดูคล้ายดวงอาทิตย์ดวงเล็กดึงดูดสายตาของหนานกงอู๋เชวีย เขาแปลกใจและตกใจอย่างมาก
“มัน… มันคือเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีไม่ใช่หรือ นี่มันเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีชัดๆ”
พลังของเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีสีทองไม่ได้ด้อยไปกว่าเปลวเพลิงราชันเก้าโลกันตร์ของเขา เปลวเพลิงนี้ปล่อยคลื่นพลังผันผวนน่าเกรงขามออกมา
หนานกงอู๋เชวียคิดไม่ถึงว่าปู้ฟางจะมีเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีอยู่ในครอบครอง ขั้นปราณของเถ้าแก่ปู้ยังไม่ถึงชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับมีเปลวเพลิงซึ่งแม้แต่ยอดฝีมือชั้นกา ายาศักดิ์สิทธิ์ยังยากจะควบคุม มันคือเรื่องจริงที่เหมือนเทพนิยายไม่มีผิด
ปู้ฟางยังไม่บรรลุชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ แล้วเขาดูดซับเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นเขาไม่ใช่นักเล่นแร่แปรธาตุ การดูดซับเปลวเพลิงเข้าไปน่าจะยากกว่าหลายข ขุม
เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีเป็นเพียงของไร้ค่าที่ปราณระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามอย่างปู้ฟางก็ครอบครองได้หรือนี่
“เดี๋ยว สหายปู้ เจ้าจะทำอะไร”
หนานกงอู๋เชวียยังคงประหลาดใจกับเรื่องนี้และตกใจกับการเคลื่อนไหวของปู้ฟาง เมื่อเห็นเปลวเพลิงสีทองลอยเข้าไปใต้กระทะสีดำ หนานกงอู๋เชวียก็ทำสีหน้าแปลกประหลาด
“นี่… สหายปู้ใช้เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีปรุงอาหารรึ”
หนานกงอู๋เชวียอึ้งกิมกี่ แม้แต่สีหน้าที่ซีดเซียวยังเปลี่ยนเป็นแดงเรื่อ ช่างเสียของเสียจริงๆ! เหตุใดคนผู้นี้ถึงได้ใช้อะไรเสียของเช่นนี้ เหตุใดจึงใช้เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และ ะปฐพีในการปรุงอาหาร อย่างน้อยก็ควรใช้มันปรุงโอสถทิพย์ มันควรนำมาใช้ปรุงโอสถทิพย์ต่างหาก
การปรุงอาหารด้วยเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีก็ไม่ต่างอะไรกับการหั่นหัวไชเท้าด้วยดาบพิฆาตมังกร มันฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองเกินมากไป
สหายปู้คนนี้… กำลังทำบาปมหันต์
หนานกงอู๋เชวียคิดไม่ถึงเลยว่าทั้งที่ตนเองรู้จักปู้ฟางมาพักใหญ่ แต่กลับไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีในครอบครอง
เฮ้อ! ชายหนุ่มเขาถอนหายใจเหยียดยาว
หนานกงเสวียนอิงเองก็สัมผัสถึงรัศมีของเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีได้เช่นกัน เขาอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองพลันรู้สึกตื่นตกใจ
“เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี ปราณระดับแปดครอบครองมันได้ด้วยหรือนี่”
ปฏิกิริยาของหนานกงเสวียนอิงไม่ได้แตกต่างจากหนานกงอู๋เชวียนัก เขาตกใจจนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
แม้แต่พี่ใหญ่ของเขายังหักหลังตระกูลหนานกงอย่างไม่ลังเล ชิงเปลวเพลิงจากร่างของหนานกงอู๋เชวีย ทำลายพรสวรรค์ด้านเล่นแร่แปรธาตุของเขา เพื่อจะได้ครอบครองเปลวเพลิงราชันเก้าโลกัน นตร์
หลังจากเสียเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี พรสวรรค์ด้านเล่นแร่แปรธาตุของหนานกงอู๋เชวียก็ลดลงอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นหนานกงอู๋เชวียที่เคยเป็นความภาคภูมิใจของเมืองหมอกนภาก็ เหลือเพียงอดีตในพริบตา
ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี
กระนั้นสิ่งที่เขาเห็นอยู่นี่คืออะไร
ผู้ฝึกตนระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามที่ไร้หัวนอนปลายเท้า เป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่งในสายตาของเขา กลับครอบครองเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี หนานกงเสวียนอิงไม่อาจยอมรับความ มจริงเรื่องนี้ได้ ที่น่าเหลือเชื่อกว่านั้นคือเจ้านี่ใช้เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีเพื่อปรุงอาหาร ปรุงอาหาร… พยายามจะอวดเก่งหรืออย่างไร
ปัง!
หนานกงเสวียนอิงที่เดือดดาลซัดหมัดส่งเจ้าขาวปลิวไปไกล
ปีกโลหะบนหลังของเจ้าขาวกระพือเล็กน้อย พลางส่งเสียงกึกก้องออกมา
หวือ! หวือ! หวือ!
มีดบินจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากร่างของเจ้าขาว มันเร็วมากเสียจนแทบฉีกท้องฟ้าเป็นริ้วๆ
เสียงหวีดหวิวจากมีดบินที่พุ่งเข้าหาหนานกงเสวียนอิงแว่วมาในอากาศ
มีดบินมีจำนวนมหาศาล มันเข้าปกคลุมท้องฟ้าและรวดเร็ว ใครที่ได้เห็นเป็นต้องอกสั่นขวัญแขวน
หลังจากขั้นปราณของปู้ฟางพัฒนาขึ้น มีดบินของเจ้าขาวก็เร็วขึ้นกว่าเดิม
กระนั้นหนานกงเสวียนอิงก็เป็นถึงยอดฝีมือที่ทำลายโซ่ตรวนขั้นเซียนเทพได้แล้วสองชิ้น
พลังปราณเที่ยงแท้ของเขาปะทุออกมา ทำให้โซ่สองเส้นด้านหลังแกว่งไกวอย่างบ้าคลั่งในสายลม มันส่งเสียงกระทบกันดังกึกก้องแล้วเริ่มเปล่งแสงออกมา
พลังกดดันแกร่งกล้าเข้าโอบล้อมบริเวณรอบๆ ทำให้หินถูกบีบอัดจนแตกสลาย
หนานกงเสวียนอิงละสายตาจากปู้ฟางพลางยกฝ่ามือขึ้น พลังปราณเที่ยงแท้ของเขาปะทุออกมาจากฝ่ามือ
พลังปราณเที่ยงแท้ของหนานกงเสวียนอิงหมุนวนเป็นพายุแล้วสกัดกั้นมีดบินจนกระเด็นกระดอนไปทั่ว
มีดบินกระดอนกลับมา มันค้างอยู่กลางอากาศก่อนกลับคืนสู่หลังของเจ้าขาว
แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
“เจ้าหุ่นเชิดนี่ไม่ใช่ของเด็กเล่นจริงๆ” รูม่านตาของหนานกงเสวียนอิงขยายตัว
พลังความแข็งแกร่งของเจ้าขาวเหนือความคาดคิดของเขา เห็นได้ชัดว่ามันคือหุ่นเชิดขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ เหตุใดหุ่นเชิดขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์จึงปรากฏตัวที่นี่ได้ มีเพียงสำนักหุ่นเชิดเท่ านั้นที่ควบคุมมันได้ไม่ใช่หรือ
อ้อ! ใช่แล้ว มียอดฝีมือของสำนักหุ่นเชิดอยู่ในเมืองหมอกนภาในตอนนี้ เจ้าเด็กนี่เกี่ยวข้องกับคนเหล่านั้นหรืออย่างไร
หนานกงเสวียนอิงหรี่ตา เขาเริ่มรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง หากปู้ฟางเป็นคนของสำนักหุ่นเชิดจริงๆ เขาต้องคิดอย่างรอบคอบว่าจะเอาชีวิตหรือไว้ชีวิตหมอนี่ดี
ไม่ว่าอย่างไรสำนักหุ่นเชิดก็ถือเป็นสำนักที่น่าหวั่นเกรง
กระนั้นก็ดี เหนือสิ่งอื่นใดเขาต้องกำจัดหนานกงอู๋เชวียก่อน... เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม
แม้ว่าพรสวรรค์ด้านเล่นแร่แปรธาตุของหนานกงอู๋เชวียจะถูกทำลาย แต่เขายังมีพรสวรรค์อันเหลือเชื่อด้านพลังปราณ หากไม่ใช่เพราะความเกียจคร้าน หนานกงอู๋เชวียคงทำลายโซ่ตรวนขั้นเซียนเ เทพได้สองชิ้นไปแล้ว
และตอนนี้ความเกียจคร้านที่มากเกินเหตุของหนานกงอู๋เชวียก็ทำให้พวกเขามีโอกาสลงมือ
ฉ่า!
หลังจากเส้นบะหมี่ในน้ำซุปร้อนๆ เดือดมันเริ่มปล่อยกลิ่นหอมซึ่งอบอวลไปทั่วออกมา กลิ่นหอมนี้ไม่ได้เข้มข้นทว่าก็หอมติดจมูกคน
ปู้ฟางตักซอสพริกอเวจีขึ้นมาหนึ่งทัพพีใหญ่ จากนั้นเขาก็เทซอสในทัพพีใส่น้ำซุปร้อนๆ ทำให้เกิดสีแดงวับวาวทันที
กลิ่นเผ็ดร้อนพวยพุ่งออกจากระทะ
ลีลาของปู้ฟางชำนาญและประณีตมาก
เขาตบกระทะกลุ่มดาวเต่าดำเบาๆ เส้นบะหมี่ทะยานขึ้นฟ้า ก่อนตกลงมาในชามกระเบื้องที่เตรียมเอาไว้
ทันทีที่ปู้ฟางเทน้ำซุปสีแดงลงใส่ชาม กลิ่นเผ็ดร้อนก็โชยออกมา
บะหมี่อาละวาดหนึ่งชามเสร็จสมบูรณ์แล้ว
กระนั้นจนถึงตอนนี้หนานกงอู๋เชวียก็ยังคร่ำครวญไม่เลิกที่ปู้ฟางใช้เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีในการปรุงอาหาร
มันเป็นภาพที่เจ็บปวดเกินทน และเมื่อนึกถึงเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีของตัวเองที่ถูกถอดออกไป หนานกงอู๋เชวียก็ยิ่งคร่ำครวญหนักกว่าเดิม ช่างน่าโมโหนัก…
เหตุใดเจ้าจึงเรียกใช้เปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีในยามที่หัวใจข้าเป็นแผลและโศกเศร้า สหายปู้ เจ้าตั้งใจรังแกข้าเช่นนั้นสินะ
“กินเสียสิ”
หลังจากทำบะหมี่อาละวาดเสร็จ ปู้ฟางก็หันมองหนานกงอู๋เชวียที่กำลังสลดใจ ก่อนยกยิ้มมุมปากแล้วพูดอย่างเฉยชา เขาโบกมือส่งบะหมี่อาละวาดทะยานขึ้นฟ้าพุ่งไปหาหนานกงอู๋เชวีย
นี่คืออะไร
บะหมี่หรือ
ทำบะหมี่ให้ข้ากินตอนนี้เพื่ออะไรกัน
หนานกงอู๋เชวียตะลึงงัน เขารับบะหมี่อาละวาดที่ปู้ฟางโยนมาให้อย่างไม่รู้ตัว
“เดี๋ยวนะ! บะหมี่นี่ทำจากเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพี สหายปู้อยากให้ข้ารู้สึกถึงรัศมีของเปลวเพลิงอัคนีแห่งสวรรค์และปฐพีเพื่อช่วยเยียวยาบาดแผลในใจรึ” หนานกงอู๋เชวียมื อสั่นระริกพลางคว้าชามบะหมี่อาละวาดไว้ ดวงตาของเขาเริ่มร้อนด้วยน้ำตา
สหายปู้ช่างใส่ใจและห่วงใยนัก หนานกงอู๋เชวียตื้นตันจนน้ำตาแทบร่วง
อีกด้านหนึ่ง หนานกงเสวียนอิงมองบะหมี่ชามร้อนอย่างรังเกียจ
กินบะหมี่รึ เจ้าคิดว่ามันเป็นโอสถทิพย์ชั้นเลิศหรืออย่างไร น่าขันจริงๆ
ปัง!
หนานกงเสวียนอิงคำรามอย่างโกรธแค้นแล้วซัดหมัดออกไป มีดบินเล่มสุดท้ายปลิวไปไกล
หวือ!
มีดบินกลับคืนสู่ปีกของเจ้าขาว ดวงตาของเจ้าขาวเริ่มมีแสงสีม่วงวูบวาบ
หึ่ง…
คลื่นพลังผันผวนแปลกประหลาดแผ่ออกมาจากชุดเกราะของเจ้าขาวที่เริ่มปล่อยแสงเป็นประกาย วงแหวนปราณของชุดเกราะเริ่มทำงาน กระตุ้นให้วงแหวนปราณสีขาวตรงพุงของเจ้าขาวปรากฏขึ้น
ปัง!
เสียงระเบิดดังก้องเมื่อคลื่นพลังพุ่งออกจากวงแหวนปราณตรงพุงของเจ้าขาว มันรวดเร็วมากเสียจนทำให้เกิดเสียงดังสนั่นขณะพุ่งแหวกอากาศ
หนานกงเสวียนอิงตกตะลึงอีกครั้งพลางสูดหายใจลึก
เจ้าหุ่นเชิดนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ
วงแหวนปราณปืนใหญ่หรือ
เจ้าหุ่นเชิดนี่มีวงแหวนปราณปืนใหญ่ด้วยหรือนี่ ใครเป็นคนสร้างและออกแบบหุ่นเชิดตัวนี้กัน
ทันใดนั้นม่านพลังปราณเที่ยงแท้ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของหนานกงเสวียนอิง เมื่อวงแหวนปราณปืนใหญ่เข้าปะทะม่านพลัง แรงกระแทกก็ทำให้หนานกงเสวียนอิงเซถลาไปหลายก้าว
เขาคือยอดฝีมือชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ที่ทำลายโซ่ตรวนขั้นเซียนเทพได้แล้วสองชิ้น พลังปราณของเขาแกร่งกล้าอย่างยิ่งยวด ดังนั้นจึงสามารถสกัดการโจมตีได้ด้วยท่วงท่าน่าเกรงขาม
ฝุ่นควันลอยฟุ้งในอากาศ หนานกงเสวียนอิงสลายม่านพลังพลางถอนหายใจยาว ทว่าตอนนั้นเอง รูม่านตาของเขาก็ขยายกว้างเพราะสัมผัสได้ถึงความผันผวนน่าสะพรึงกลัวจากกลุ่มควันเบื้องหน้า
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงระเบิดดังขึ้นติดต่อกัน ระเบิดจากวงแหวนปราณปืนใหญ่แหวกกลุ่มควันแล้วพุ่งเข้ามา
หนานกงเสวียนอิงขนลุกขนชันไปทั้งตัว
แม้ว่าเขาจะเป็นยอดฝีมือชั้นกายาศักดิ์สิทธิ์ที่ทำลายโซ่ตรวนขั้นเซียนเทพได้แล้วสองชิ้น แต่ก็ยังไม่กล้าปัดป้องแรงระเบิดของวงแหวนปราณปืนใหญ่ด้วยกายเนื้อของตัวเอง
ดังนั้นเขาจึงใช้ม่านพลังปราณเที่ยงแท้ปกป้องตัวเองอีกครั้ง
พลังระเบิดของปืนใหญ่ถล่มม่านพลังปราณเที่ยงแท้ของเขาอย่างต่อเนื่อง บีบให้หนานกงเสวียนอิงต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ
หนานกงอู๋เชวียตกตะลึงกับภาพที่เห็น เขายกชามกระเบื้องมาจ่อปากอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก ชายหนุ่มกำลังมองเจ้าขาวที่เปลี่ยนร่างเป็นจักรกลทำลายล้างด้วยอาการตื่นตกใจ
วงแหวนปราณปืนใหญ่…
วงแหวนปราณปืนใหญ่ซึ่งมีไว้ใช้บุกเมืองต่างๆ เจ้าขาวเอามาใช้อย่างง่ายดายไม่ลำบากลำบนเลยสักนิด
นายท่านขาวนี่ช่างสุดยอดและร้ายกาจจริงๆ
หนานกงอู๋เชวียกลืนน้ำลาย เขากระอักเลือดออกมาอีกคำใหญ่อย่างช่วยไม่ได้ ชายหนุ่มหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนเทบะหมี่เข้าปาก
“สหายปู้บอกให้ข้ากินบะหมี่ แต่ดันไม่ส่งตะเกียบมาด้วย”
หนานกงอู๋เชวียเทบะหมี่และน้ำซุปร้อนๆ เข้าปาก จากนั้นก็เริ่มเคี้ยว
ทันใดนั้นเองรูม่านตาของเขาก็ขยายตัวแล้วเปลี่ยนเป็นสีแดง ใบหน้าที่แต่เดิมซีดเซียวเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำทันที ราวกับเปลวไฟในกายกำลังจะระเบิดออกมา
“นี่มันอะไรกัน เหตุใดจึงเผ็ดเพียงนี้”
น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้มของหนานกงอู๋เชวีย เขาเคี้ยวไปพลางปาดน้ำตาไป
ปู้ฟางดับหมื่นไฟประลัยกัลป์ เก็บกระทะกลุ่มดาวเต่าดำเข้าที่แล้วจ้องหนานกงอู๋เชวียด้วยสีหน้าตายด้าน
“อาการของเจ้าค่อนข้างสาหัส ข้าเลยเพิ่มปริมาณของวัตถุดิบเข้าไปเพื่อเสริมสรรพคุณให้ดีงามยิ่งขึ้น” ปู้ฟางกล่าว
ปัง! ปัง! ปัง!
ครู่ถัดมา คลื่นพลังปราณเที่ยงแท้ก็พุ่งออกจากร่างของหนานกงอู๋เชวีย เขารู้สึกเหมือนร่างกายกำลังเผาไหม้
“อ๊าก... เผ็ดจังโว้ย!”
หนานกงอู๋เชวียกระโดดตัวลอย ฉีกเสื้อผ้าของตัวเองหลุดลุ่ยพลางคำรามลั่น คลื่นพลังปราณเที่ยงแท้แผ่พุ่งออกจากตัว หนานกงอู๋เชวียที่น้ำตายังไหลอาบแก้มเทบะหมี่ที่เหลือเข้าปาก กก่อนจะแผดเสียงร้องออกมาอีกครั้ง
ดวงตาแดงก่ำของเขาจ้องหนานกงเสวียนอิงเขม็ง
“แม่งโว้ย! นายท่านขาว หลีกไปเสีย ข้าจะจัดการเจ้าหมาแก่นั่นเอง”