ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 1 บทที่ 9 เหมือนเห็นภูตผีก็มิปาน
หลังจากเซี่ยยวี่หลัวล้างหน้าแล้ว นางก็กลับห้องไปชงน้ำผึ้งสามถ้วย ชงน้ำผึ้งที่จะให้สองพี่น้องเสร็จก็ยกไปให้หน้าห้องของพวกเขา เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้เข้าไป เพียงตะโกนจากด้านนอก “จื่อเซวียน จื่อเมิ่ง ข้างนอกมีน้ำผึ้ง พวกเจ้ายกเข้าไปดื่มเถิด”
กล่าวจบก็กลับไปยังห้องของตัวเอง ดื่มน้ำผึ้งเสร็จจึงเข้าไปในครัว เริ่มทำอาหารเช้า
เมื่อวานใช้ไข่ไก่ไปสามฟอง เหลือเพียงห้าฟอง นางตอกไข่ฟองหนึ่ง คนเข้ากับแป้ง ทำซุปก้อนแป้งผักจี้ช่ายเหมือนเมื่อวาน เซี่ยยวี่หลัวชอบกินของร้อนๆในยามเช้า
เซียวจื่อเมิ่งกำลังสวมเสื้อผ้า เมื่อได้ยินว่าด้านนอกมีน้ำผึ้ง ก็หันมองออกไปด้วยความอยากกิน
เซียวจื่อเซวียนเปิดประตูห้อง เห็นน้ำสีเหลืองสองถ้วยที่มีไอร้อนลอยขึ้นมาวางอยู่ตรงขอบหน้าต่าง ลองดมดูก็ได้กลิ่นหอมหวาน เป็นกลิ่นของน้ำผึ้ง
เขาเงยหน้าขึ้นมองห้องของเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่ง ก่อนยกน้ำผึ้งสองถ้วยเข้าไปในห้อง
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยความตื่นเต้นดีใจ “พี่รอง ข้าจะดื่ม ข้าจะดื่ม!”
เซียวจื่อเซวียนไม่ได้ให้เซียวจื่อเมิ่งทันที แต่ตัวเองดื่มถ้วยละหนึ่งคำ รอดูครู่หนึ่ง แล้วจึงยกมาให้เซียวจื่อเมิ่ง ยื่นถ้วยไปตรงริมฝีปากนาง “ดื่มช้าๆ เดี๋ยวสำลัก!”
เซียวจื่อเมิ่งจับถ้วยไว้ก่อนดื่มอย่างรวดเร็ว น้ำผึ้งอุ่นร้อนหนึ่งถ้วย รสชาติหอมหวาน ดื่มเสร็จแล้ว เซียวจื่อเมิ่งแย้มรอยยิ้มหวาน “พี่รอง น้ำผึ้งอร่อยจริงๆ!”
เซียวจื่อเซวียนยื่นส่งถ้วยของตัวเองให้เซียวจื่อเมิ่ง ยิ้มพร้อมกล่าวด้วยความเอ็นดู “ยังมีอีกหนึ่งถ้วย เจ้าดื่มเสีย!”
เซียวจื่อเมิ่งส่ายหน้า “จื่อเมิ่งไม่ดื่มแล้ว พี่รองดื่ม รสหวาน เป็นของดี!”
เซียวจื่อเซวียนลูบศีรษะนางด้วยความเอ็นดู ก่อนจะแหงนหน้าดื่มน้ำผึ้ง
เป็นรสหวานจริง ยังอุ่นอยู่ หลังจากดื่มแล้ว ร่างกายรู้สึกอบอุ่นนัก
เซี่ยยวี่หลัวง่วนอยู่กับการทำอาหารในครัว หลังจากทำอาหารเช้าเสร็จ นางยังคงยกเข้าไปในห้องของสองพี่น้องเหมือนเมื่อวาน
เซียวจื่อเซวียนกำลังช่วยผูกผมให้เซียวจื่อเมิ่ง มือของเขาวนไปมาอยู่บนศีรษะของเซียวจื่อเมิ่งด้วยท่าทางเงอะงะ ได้แต่ม้วนผมเป็นมวยสองข้าง ปล่อยปอยผมลู่ลงตรงอก เด็กสองคนเห็นเซี่ยยวี่หลัวเข้ามา รีบลุกขึ้นยืนทันที ถอยหลังไปสองก้าว จ้องมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทางหวาดระแวง
เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะกลัวตัวเอง ในเใื่อช่วยไม่ได้ เด็กๆ กลัวไปแล้วสาวความไปก็เปล่าประโยชน์ ตอนนี้นางจึงได้แต่ใส่ใจดูแลพวกเขา ให้พวกเขาลดอคติที่มีต่อตนเอง
“ล้างหน้าเสร็จหรือยัง? รีบมากินข้าวเร็ว! เช้านี้เหมือนเมื่อคืน ในบ้านมีวัตถุดิบแค่นี้” เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอายเล็กน้อย
บล็อกเกอร์อาหารรสเลิศได้แต่ประทังชีวิตด้วยไข่ไก่ แป้ง และผักจี้ช่าย หากผู้ติดตามหลายแสนคนรู้ว่าบล็อกเกอร์ที่เคยทำอาหารน่ากินมากมาย ตอนนี้แม้มีฝีมือก็ไม่อาจแสดงออกมาได้เพราะขาดวัตถุดิบ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะคิดเช่นไรแล้ว
เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งเห็นเซี่ยยวี่หลัววางซุปลงเสร็จก็หันขวับเดินออกจากห้องไป นางยังไม่ได้หยิบชามกับตะเกียบเลย
เซียวจื่อเมิ่งมองอาหารบนโต๊ะ ดวงตาเป็นประกายวิบวับ กลืนน้ำลายอึกหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองเซียวจื่อเซวียน เรียกพี่รองทีหนึ่ง
แววตาเซียวจื่อเซวียนเหมือนจะฉายประกายดิ้นรน ขมวดคิ้วมุ่น จับมือเซียวจื่อเมิ่งไว้แน่น
เซี่ยยวี่หลัวหยิบชามและตะเกียบเข้ามา ตักซุปจนเต็มสามชาม เด็กสองคนเห็นอย่างชัดเจน เซี่ยยวี่หลัวตักก้อนแป้งใส่ในชามของพวกเขาจำนวนมาก ตักจนเต็มชาม เต็มไปด้วยก้อนแป้ง ส่วนในชามของเซี่ยยวี่หลัว มีแค่ครึ่งชามเท่านั้น
หลังจากตักเสร็จสองชาม เซี่ยยวี่หลัววางไว้ตรงข้ามตัวเอง กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดุจสายน้ำ “รีบมากินเร็ว ชามร้อนมาก นั่งลงกินแล้วกัน!”
เมื่อวานตอนเที่ยงกับตอนเย็น เด็กสองคนนำอาหารไปกินที่มุมห้อง นางนั่งกิน เด็กสองคนย่อตัวอยู่ตรงมุมห้อง ดูอย่างไรก็เหมือนนางทารุณพวกเขา มองแล้วรู้สึกบีบคั้นหัวใจนัก
เซียวจื่อเมิ่งมองเซียวจื่อเซวียน เซียวจื่อเซวียนมองเซี่ยยวี่หลัว
หิวจนท้องร้องโครกคราก แต่เซี่ยยวี่หลัวเป็นคนร้ายกาจ ไม่รู้ว่าอีกครู่หนึ่งจะอาละวาดหรือไม่
สุดท้าย ความหิวก็อยู่เหนือทุกสิ่ง เซียวจื่อเซวียนจูงมือเซียวจื่อเมิ่งนั่งลง ไม่กล้ามองเซี่ยยวี่หลัว หยิบชามมากินคำโต เพราะหิวเกินไป และอาหารที่เซี่ยยวี่หลัวทำก็รสชาติดีเหลือเกิน
เด็กสองคนกินอย่างรวดเร็ว ไม่มีแก่ใจจะสนใจว่าก้อนแป้งจะร้อนหรือไม่ เซี่ยยวี่หลัวเห็นแล้วรู้สึกตกใจยิ่งนัก “พวกเจ้ากินช้าๆ มันร้อน…”
หลังจากกินก้อนแป้งไปหนึ่งชาม ก็รู้สึกอิ่มท้อง ร่างกายก็อุ่นสบาย
เซียวจื่อเมิ่งลูบท้องอันน้อยนิดของตัวเอง กินอิ่มเหลือเกิน มีความสุขจริงๆ
เซี่ยยวี่หลัวเห็นท่าทางอิ่มเอมของเด็กน้อย จึงหัวเราะพร้อมเอ่ยถามเซียวจื่อเมิ่ง “จื่อเมิ่ง อร่อยไหม?”
เซียวจื่อเมิ่งเลียริมฝีปากทีหนึ่ง เอียงคอมองเซียวจื่อเซวียน ก่อนมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทางหวาดกลัว กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาบางประหนึ่งเสียงยุง “อร่อย!”
ในที่สุดเด็กคนนี้ก็คุยกับตัวเองแล้ว แม้ว่าจะยังเหมือนหนูเผชิญหน้ากับแมว แต่มีความเปลี่ยนแปลงก็ถือว่าดีมากมิใช่หรือ?
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “อร่อยก็ดีแล้ว ตอนเที่ยงเรามากินกันอีกเถิด!”
เซียวจื่อเซวียนมองเซี่ยยวี่หลัวด้วยท่าทางตกใจ นางกำลังจะบอกว่า ตอนเที่ยงจะทำซุปก้อนแป้งให้พวกเขากินอีกงั้นหรือ?
เซี่ยยวี่หลัวจะไปล้างชาม เซียวจื่อเซวียนรีบลุกขึ้นยืน นำชามไปยังห้องครัว เซียวจื่อเมิ่งก็ไม่กล้าอยู่คนเดียว เดินตามหลังเซียวจื่อเซวียนเข้าไปในครัว
เพียงแต่ ก่ออนที่นางเดินไปห้องครัว หันกลับมามองเซี่ยยวี่หลัวแวบหนึ่ง
เซี่ยยวี่หลัวแย้มรอยยิ้ม เผยรอยยิ้มแบบภรรยาผู้รู้ความ มารดาผู้เมตตาที่นางคิดว่าอ่อนโยนที่สุด แววตาเซียวจื่อเมิ่งฉายประกายตกใจประหนึ่งเห็นภูตผีก็มิปาน กัดริมฝีปากทีหนึ่ง ก่อนวิ่งเข้าห้องครัวไปอย่างรวดเร็ว
วิ่งเร็วราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น
ขณะหันตัวไป ชายเสื้อโบกไหวทีหนึ่ง เซี่ยยวี่หลัวพบว่า บนเสื้อของเด็กคนนั้นที่ผ่านการปะแล้วปะอีก ตรงชายเสื้อขาดเป็นรูใหญ่ เผยให้เห็นปุยฝ้ายด้านใน
เซี่ยยวี่หลัวก้มลงมองเสื้อผ้าฝ้ายบนกายตัวเอง วันนี้นางเปลี่ยนเป็นเสื้อนวมสองชั้นสีชมพู เป็นของใหม่ น่าจะเพิ่งซื้อมาใหม่ปีนี้ ส่วนเสื้อผ้าบนกายเด็กสองคน เซี่ยยวี่หลัวได้แต่ยิ้มขมพร้อมส่ายหน้า บาปกรรมเสียจริง!
เด็กสองคนล้างชามขัดหม้อเสร็จก็หยิบตะกร้าออกไป เดินออกจากห้องครัว ประตูห้องของเซี่ยยวี่หลัวแง้มอยู่ เซียวจื่อเมิ่งเงยหน้ามองเซียวจื่อเซวียน “พี่รอง…”
เซียวจื่อเซวียนจูงมือเซียวจื่อเมิ่งไว้ “เราไปกันเถอะ!”
เซี่ยยวี่หลัวกำลังรื้อของในตู้ ได้ยินเสียง “เอี๊ยด” ดังจากประตูใหญ่ คาดว่าเด็กสองคนคงไปเก็บผักป่าอีกแล้ว นางรื้อของต่อ พอเห็นเสื้อผ้าที่กองอยู่บนเตียง ก็รู้สึกปวดหัวจนกุมขมับ
เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ซื้อเสื้อผ้าไว้เยอะขนาดไหนกัน!
เสื้อผ้าสำหรับทุกฤดูกาล เสื้อแบบต่างๆมีมากกว่าสองชุด ยังมีชุดเสื้อนวมสองชั้นสำหรับหน้าหนาวอีกหลายตัว เซี่ยยวี่หลัวลองเทียบขนาดร่างกาย มีหลายตัวที่น่าจะเป็นของปีก่อนๆ ยังใหม่มาก แต่แขนเสื้อและขาสั้นเกินไป
เสื้อผ้าดีขนาดนี้กลับเก็บไว้ เสื้อที่เซียวจื่อเมิ่งสวมใส่ขาดจนไม่มีชิ้นดี
ตอนที่นางยืดแขน เผยให้เห็นข้อมือเล็กประหนึ่งฟืนไม้ เห็นได้ชัดว่าแขนเสื้อสั้นเกินไป ยังมีตรงขาอีก เย็บต่อเข้าไปแบบเอียงๆ เห็นได้ชัดว่าใส่มาหลายปีแล้ว หากสั้นเกินไปก็เย็บต่อเข้าไปในภายหลัง
การเย็บนั่น ถ้าไม่ใช่ฝีมือเซียวยวี่ ก็เป็นฝีมือเซียวจื่อเซวียน
เซี่ยยวี่หลัวเก็บเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่ได้ไว้ แยกเสื้อผ้าที่ตัวเล็กแต่ยังใหม่อยู่ออกมา