ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 10 บทที่ 294 ไม่มีหน้าไปพบบิดามารดาของเซียวยวี่
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 10 บทที่ 294 ไม่มีหน้าไปพบบิดามารดาของเซียวยวี่
เมื่อทั้งสองคนพบหน้ากัน ก็รู้สึกกระดากอายเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนนี้ทั้งคู่ยังพูดคุยกันบ้าง แต่ระหว่างกินอาหารเช้าวันนี้ ทั้งสองคนที่นั่งตรงข้ามกัน แทบอยากมุดหน้าลงไปในชามข้าว
น่าเสียดายที่โจ๊กยังร้อนเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นเซี่ยยวี่หลัวคิดจะกินให้หมดในคราเดียวเสีย
นางไม่ได้ทำเช่นนั้น ยังรักษาภาพลักษณ์ที่ดูหนักแน่น ถึงอย่างไร หากเมื่อคืนนางเปิดม่านเดินออกมาทั้งอย่างนั้น…
ดูสิ โชคดีที่นางหนักแน่นพอ!
กินข้าวเช้าจนหมดอย่างยากลำบาก เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกว่ากินอาหารมื้อนี้ ไม่ต่างกับขึ้นลานประหารเท่าไร
ครั้งแรกที่นั่งกินข้าวกับเซียวยวี่ยังไม่ตื่นเต้นถึงเพียงนี้เลย!
“ฟู่ ฟู่ ฟู่…” กินข้าวเสร็จ เซี่ยยวี่หลัววิ่งเข้าไปในห้องครัว ผ่อนลมหายใจยาวสองที
เซียวจื่อเซวียนยกชามที่ใช้แล้วเข้ามา ก่อนกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ใหญ่บอกว่าเช้านี้เขาจะแก้บทความ ต้องการอยู่คนเดียว ให้พวกเราฝึกเขียนหนังสือในห้องของตัวเองขอรับ”
“อืม ได้ เช่นนั้นก็ฝึกเขียนในห้องของตัวเอง” เซี่ยยวี่หลัวผ่อนลมหายใจยาว ขอเพียงเซียวยวี่ไม่ออกมาก็พอ
ใครจะสนว่าเขาทำอะไร อย่าว่าแต่แก้บทความเลย บินขึ้นฟ้าไปนางก็ไม่สน
ล้างชามและตะเกียบเสร็จ เซี่ยยวี่หลัวพาเด็กสองคนเข้าห้องไปฝึกเขียนหนังสือ นางนั่งอยู่ข้างๆ ชำเลืองมองเป็นครั้งคราว พร้อมชี้แนะจุดที่เด็กสองคนเขียนผิด ก่อนจะทำงานในมือต่อ
เห็นรูปร่างเบื้องต้นแล้ว เป็นรองเท้าคู่หนึ่ง
เซียวจื่อเซวียนอาศัยจังหวะที่เซี่ยยวี่หลัวไม่ทันระวัง จดจ่อมองดูอย่างตั้งใจ
พื้นรองเท้าใหญ่มาก ดูแล้วเหมือนว่าไม่ได้ทำให้พี่สะใภ้ใหญ่ใส่เอง ไม่ได้ทำให้เขาใส่ และยิ่งไม่ได้ทำให้จื่อเมิ่งใส่
เซียวจื่อเซวียนจับพู่กัน หัวเราะเบาสองที
ในบ้านมีกันแค่สี่คน นอกจากพี่สะใภ้ใหญ่ ตัวเอง และน้องสาว พี่สะใภ้ใหญ่ทำรองเท้าให้ใคร ไม่ต้องบอกก็รู้ไม่ใช่หรือ!
สองพี่น้องกระซิบกระซาบ เซี่ยยวี่หลัวที่ไปห้องน้ำกลับมาเห็นสองพี่น้องสุมหัวกันหัวเราะคิกคัก
เซียวจื่อเมิ่งยังใช้มือปิดปาก มองนางพร้อมหัวเราะอย่างเป็นนัย
เซี่ยยวี่หลัว “…”
เด็กคนนี้ หรือว่าจะบอกเรื่องเมื่อคืนให้เซียวจื่อเซวียนรู้?
เรื่องอะไรที่ไม่ควรพูดกลับพูดเสียได้ กล่าวถึงเรื่องเมื่อคืน ใบหน้าของเซี่ยยวี่หลัวร้อนจนแทบทอดไข่ไก่ได้
“เขียนหนังสือ เขียนหนังสือ กระซิบอะไรกัน? ” เซี่ยยวี่หลัวหน้าแดงถึงใบหู ไม่กล้ามองเด็กสองคนอีก หยิบเข็มขึ้นมาถูไปบนเส้นผมสองที ก้มหน้าจนต่ำ เย็บพื้นรองเท้าต่อ
เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งใช้มือปิดปาก ปิดกั้นเสียงหัวเราะที่แทบจะหลุดออกมา กลั้นหัวเราะจนใบหน้าเล็กของทั้งสองคนกลายเป็นสีแดง
เซี่ยยวี่หลัวไม่กล้าเงยหน้า ย่อมไม่เห็นท่าทางของเด็กสองคน
นางเพ่งสมาธิทั้งหมดไปกับงานในมือตัวเอง ใกล้ถึงวันประกาศผลแล้ว ครั้งนี้เซียวยวี่สอบไม่ผ่าน นางคิดจะมอบรองเท้าคู่หนึ่งให้เซียวยวี่
ขอให้เขาไม่หวั่นเกรงต่ออนาคต ออกเดินทางใหม่อีกครั้ง ย่างกรายไปบนพื้น โบยบินไปไกลหมื่นลี้!
“ปัง ปัง ปัง…” จู่ๆ เสียงเคาะประตูด้วยความร้อนรนดังขึ้นจากด้านนอก เซี่ยยวี่หลัวรีบวางงานในมือลง เก็บพื้นรองเท้าและเข็มกับด้ายไว้ในกระจาด เก็บเสร็จแล้วจึงกำชับเด็กสองคนให้เขียนหนังสือดีๆ จากนั้นจึงไปเปิดประตู
พอนางไป เด็กสองคนก็รีบเข้าไปรุมล้อม หยิบพื้นรองเท้าในกระจาดออกมา ยิ้มจนตาหยี “ดูสิ นี่คือรองเท้าใหม่ที่พี่สะใภ้ใหญ่ทำให้พี่ใหญ่”
“พี่สะใภ้ใหญ่ช่างดีต่อพี่ใหญ่เหลือเกิน ข้าจะไปบอกพี่ใหญ่” เซียวจื่อเมิ่งจับพื้นรองเท้า พร้อมกล่าวด้วยความดีใจ
เซียวจื่อเซวียนขวางนางไว้ “ยังทำรองเท้าไม่เสร็จเลย พี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่ได้บอกพี่ใหญ่ พวกเราจะไปบอกได้อย่างไร? ถึงเวลาพี่สะใภ้ใหญ่มอบรองเท้าที่ทำเสร็จแล้วให้พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ย่อมต้องดีใจกว่าไม่ใช่หรือ? ”
เซียวจื่อเมิ่งเอียงศีรษะคิดครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้า “เจ้าค่ะ พี่รองกล่าวได้ถูกต้อง พวกเรายังไม่บอก รอให้พี่สะใภ้ใหญ่บอก”
ทั้งสองคนนำพื้นรองเท้าไปเก็บที่เดิมอย่างระมัดระวัง กลบเกลื่อนร่องรอยให้เหมือนว่าไม่เคยมีใครมาค้นดู
ถึงเวลาพี่สะใภ้ใหญ่มอบรองเท้าที่ทำเสร็จแล้วให้พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ต้องดีใจมากแน่นอน
พอคิดว่าถึงเวลาพี่ใหญ่จะดีใจเป็นอย่างมาก เด็กสองคนก็มีแรงกระตุ้นในการฝึกเขียนหนังสือมากเป็นพิเศษ
เสียงเคาะประตูด้านนอกทั้งเร่งรีบและเสียงดัง เซี่ยยวี่หลัวรีบกล่าว “มาแล้ว มาแล้ว”
เมื่อเปิดประตู ด้านนอกมีคนยืนอยู่สองคน
คนหนึ่งคือเซียวเหลียนที่ผมเผ้าโดนลมโกรกจนยุ่งเหยิง อีกคนหนึ่งคือเซียวจิ้งยี่ สีหน้าของทั้งสองคนดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก
“หัวหน้าหมู่บ้าน พี่เซียวเหลียน พวกท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ? ” เซี่ยยวี่หลัวเห็นว่าสีหน้าของทั้งสองคนดูไม่สู้ดีนัก จึงรีบเอ่ยถาม
เซียวจิ้งยี่ถามตามตรง “เมื่อวานจื่อเมิ่งเกือบโดนพวกค้ามนุษย์จับตัวไปหรือ? ”
เซียวจิ้งยี่สีหน้าดูวิตกกังวล น้ำเสียงร้อนรนจนเอ่ยวาจาอย่างรวดเร็ว เร็วจนเซี่ยยวี่หลัวได้ยินคำพูดของเขาไม่ค่อยชัดนัก
เซี่ยยวี่หลัวกลัวว่าจะทำให้เขาเป็นห่วง จึงรีบกล่าว “เจ้าค่ะ เกือบโดนจับตัวไป แต่ในภายหลังก็หาพบแล้ว เสี่ยวฮวาก็อยู่บ้าน กลับมาแล้วเช่นกัน ท่านอย่าได้เป็นห่วงเจ้าค่ะ” ที่แท้ก็มาเพราะเรื่องที่เด็กหายตัวไป
เดิมทีใบหน้าของคนสูงวัยก็ดูหมองคล้ำอยู่แล้ว บัดนี้เปลี่ยนเป็นสีขาวซีด ริมฝีปากสั่นเทิ้ม กล่าวพึมพำไม่หยุด พร่ำกล่าวเพียงประโยคเดียวอยู่ตลอด “หาตัวพบก็ดี หาตัวพบก็ดี พระโพธิสัตว์คุ้มครอง พระโพธิสัตว์คุ้มครอง…”
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอุ่นใจเป็นอย่างยิ่ง หัวหน้าหมู่บ้านสกุลเซียว เป็นคนที่มีความรับผิดชอบ
เพิ่งผ่านช่วงฟ้าสางได้ไม่นาน ดูจากท่าทางของทั้งสองคน คาดว่าคงกลับมาจากในตัวเมืองอย่างเร่งรีบ
เซียวเหลียนได้ยินเซี่ยยวี่หลัวบอกว่าหาตัวเด็กพบแล้ว จิตใจที่วิตกกังวลอยู่ตลอดจึงผ่อนคลายลง ก่อนกล่าว “เมื่อคืนนี้ หลี่เจิ้งเรียกตัวหัวหน้าหมู่บ้านทุกคนไปหา หลังจากบิดาข้ากลับมาถึงได้รู้ ว่าทั้งห้าหมู่บ้านในเมือง มีสี่หมู่บ้านที่มีเด็กหายไป”
หัวใจของเซี่ยยวี่หลัวเต้นแรงทีหนึ่ง “เด็กหายไปกี่คนเจ้าคะ? ”
“เจ็ดคน สามหมู่บ้านหายไปหมู่บ้านละสองคน ยังมีอีกหนึ่งหมู่บ้านที่หายไปหนึ่งคน” เซียวเหลียนกล่าว “หลี่เจิ้งบอกว่าหมู่บ้านสกุลเซียวก็เกือบมีเด็กหาย จึงบอกชื่อให้บิดาของข้า เมื่อคืนท่านพ่อคิดจะมาตั้งแต่ตอนค่ำ แต่ตอนนั้นดึกเกินไป ไม่เห็นถนนหนทางอย่างชัดเจน เกรงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิด จึงรอจนถึงตอนเช้า ฟ้ายังไม่สว่างพวกเราก็มาแล้ว”
เซียวจิ้งยี่รู้สึกผิดอยู่เต็มอก “ต้องโทษข้า ข้าไม่ควรไปในตัวเมือง”
เซี่ยยวี่หลัวเห็นรอยย่นเต็มใบหน้าคนสูงวัยตรงหน้า ก่อนหน้านี้ใบหน้าของเขายังมีสีแดงเลือดฝาด พอมาวันนี้ สีหน้ากลับหมองคล้ำ เปลือกตาที่หย่อนยานก็มีสีคล้ำ ดูท่าเมื่อคืนคงไม่ได้นอนดีๆ ทั้งคืนเพราะเรื่องนี้
“หัวหน้าหมู่บ้าน พี่เซียวเหลียน รีบเข้ามาเถอะเจ้าค่ะ กินข้าวหรือยังเจ้าคะ? หากยังไม่ได้กินข้าจะไปต้มบะหมี่ให้” เซี่ยยวี่หลัวรีบเชิญทั้งสองคนเข้ามา
เซียวเหลียนไม่ได้บอกว่ากิน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่กิน เพียงกล่าวว่าขอบคุณน้องสะใภ้
เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าทั้งสองคนยังไม่ได้กิน จึงไปต้มบะหมี่ที่ห้องครัว เด็กสองคนเห็นท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้านและเซียวเหลียนมา จึงรีบกล่าวทักทายอย่างสนิทสนม
เซียวจิ้งยี่เห็นเซียวจื่อเมิ่งที่กระโดดโลดเต้นอย่างมีชีวิตชีวาอยู่ตรงหน้า ก็ดีใจจนน้ำตาไหลริน
“แม่หนูน้อย แม่หนูน้อย…” ถึงกับเสียงแตกเล็กน้อย
เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านมาครึ่งค่อนชีวิต หลายสิบปี เหมือนเวลาผ่านไปแค่ชั่วพริบตา ถึงแม้ว่าภายในหมู่บ้านจะเคยเกิดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้าง แต่เรื่องอย่างลักพาตัวเด็กไปขาย ในระหว่างที่เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ในหมู่บ้านสกุลเซียวยังไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน!
เมื่อวานนี้เกือบไปแล้ว อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น!
เขาตกใจแทบตาย
หากเด็กหายตัวไป ถึงเวลาเขาจะยังมีหน้าไปพบบิดามารดาของเซียวยวี่ได้อย่างไร!