ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 10 บทที่ 300 เป็นห่วงว่านางอาจกลัวงูด้วยหรือ
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 10 บทที่ 300 เป็นห่วงว่านางอาจกลัวงูด้วยหรือ
ตอนแรกที่ได้ยินว่ามีงู ในห้วงความคิดเซี่ยยวี่หลัวก็ขาวโพลง ปีนขึ้นแผ่นหลังเซียวยวี่โดยไม่คิดด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ นางโดนลมภูเขาพัดผ่าน จึงมีสติแจ่มชัดขึ้น คิดถึงเรื่องเหลวไหลเมื่อครู่ เซี่ยยวี่หลัวก็รู้สึกสับสนมึนงง
แผ่นหลังที่ดูไม่กว้างนัก กลับทำให้นางรู้สึกปลอดภัยในยามที่หวาดกลัว
ส่วนเซียวยวี่ ก็ยินยอมจะแบกนาง ไม่ไล่ให้นางลงไป
เซียวยวี่จับต้นถั่วหนึ่งกำ ใช้เคียวในมือตัดอยู่ครู่ใหญ่ เพิ่งตัดไปได้กึ่งหนึ่ง จู่ๆ เขาก็คิดอยากเห็นว่าเซี่ยยวี่หลัวกำลังทำอะไร ไม่ได้ลุกขึ้น เพียงหันมองไปทางทิศที่เซี่ยยวี่หลัวอยู่
เซี่ยยวี่หลัวจ้องมองเซียวยวี่ จ้องมองเขาอย่างไม่เกรงกลัว เซียวยวี่หันกลับมามอง สายตาของทั้งคู่สบประสานกันกลางอากาศ
ท่ามกลางหมอกหนา ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก อีกฝ่ายเห็นประกายฉงนสงสัยในแววตาได้อย่างชัดเจน
ดวงตาคู่งามของเซี่ยยวี่หลัวฉายประกายลนลานราวกับเป็นเด็กที่ถูกผู้ใหญ่จับได้ว่ากระทำผิด ประหนึ่งลูกกวางตัวน้อยที่ตื่นตกใจ เซี่ยยวี่หลัวรีบก้มหน้าลง ไม่กล้าเงยหน้าอีก
เมื่อครู่นางไม่ทันระวัง นึกว่าท่านราชบัณฑิตน้อยจะหันกลับมามองเฉพาะตอนลุกขึ้น นางประมาทเกินไป!
หากให้ท่านราชบัณฑิตน้อยรู้ว่านางมองเขาจนเหม่อลอย จะรู้สึกรังเกียจ หรือรู้สึกรังเกียจยิ่งกว่าเดิม?
ต้องรู้ว่า สำหรับท่านราชบัณฑิตน้อย รูปลักษณ์ของเขาถือเป็นสิ่งต้องห้าม
เขาในนิยาย ไม่ชอบให้คนอื่นวิจารณ์รูปลักษณ์หน้าตาของเขา และรังเกียจสตรีที่มองเขาแล้วไม่อาจละสายตาได้ กล่าวโดยง่าย ก็คือท่านราชบัณฑิตน้อยในช่วงหลัง นอกจากโหดเหี้ยมอำมหิตเหลี่ยมจัดชั่วร้าย ก็ยังมีอัตวิสัยเชิงบุรุษนิยมเป็นอย่างมาก
น่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เยาว์วัย
เซี่ยยวี่หลัวไม่กล้าเงยหน้าอีก ย่อมไม่เห็นว่าเซียวยวี่เม้มริมฝีปากเบา ตวัดริมฝีปากเล็กน้อยในชั่วพริบตาที่หันหน้ากลับ
เซียวยวี่แย้มรอยยิ้ม
เขารู้สึกดีใจ แม้แต่เคียวในมือก็เคลื่อนไหวเร็วขึ้นมาก ผ่านไปเพียงครู่เดียวก็ตัดได้เต็มตะกร้า
พอประมาณแล้ว เซียวยวี่เก็บเคียว หิ้วตะกร้ากลับไปยังคันนา
เซี่ยยวี่หลัวก้มหน้า ไม่กล้ามองเซียวยวี่แม้แต่แวบเดียว
เมื่อครู่นางจ้องมองเขา ถูกเซียวยวี่จับได้
มาบัดนี้ รู้สึกอับอายจนแทบอยากหารูงูสักรูมุดเข้าไปเสีย
เซียวยวี่ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องเมื่อครู่ น้ำเสียงยังคงเรียบสงบเหมือนเคย “เท่านี้พอหรือไม่? ”
เซี่ยยวี่หลัวรีบรับตะกร้ามา พยักหน้าไม่หยุด “พอแล้ว พอแล้ว” ท่าทางลุกลี้ลุกลนนั่น เพราะเกรงว่าจะทำให้เซียวยวี่ไม่พอใจ
นางยังคงกลัวความตาย ไม่กล้าให้เซียวยวี่เกิดความรังเกียจนางแม้เพียงน้อยนิด
เซียวยวี่ขานตอบทีหนึ่ง ไม่ได้แย่งตะกร้าคืนมา แต่เดินนำไปทางคันนา เซี่ยยวี่หลัวหิ้วตะกร้าหันตัว คิดจะเดินตามหลังเพื่อกลับบ้าน
ใครจะรู้ว่าเซียวยวี่ยังไม่ไป แต่กลับใช้มือคู่ค้ำบนเข่า โน้มตัวลง
เซี่ยยวี่หลัวผงะไป “…” เหนื่อยแล้วจึงอยากพักผ่อนหรือ?
นางไม่ได้เคลื่อนไหว
เซียวยวี่ยังคงอยู่ในท่าเดิม เหมือนจะเห็นว่าคนด้านหลังไม่ได้เคลื่อนไหว เขาหันกลับมา กล่าวกับเซี่ยยวี่หลัวด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ “ขึ้นมา”
เพียงสองคำสั้นๆ กลับก่อให้เกิดคลื่นสูงระฟ้าในใจเซี่ยยวี่หลัว “ขึ้น… ขึ้นมา? ”
“อืม ขึ้นมา”
“คือ ข้าเดินเองได้! ” เซี่ยยวี่หลัวคิดว่าตัวเองไม่ได้หน้าใหญ่ถึงเพียงนั้น ให้ท่านราชบัณฑิตน้อยแบกตัวเองถึงสองรอบ
“เจ้าไม่กลัวว่าจะมีงูหรือ? ” เซียวยวี่เอ่ยถามเสียงเบา
นางยังคงกลัวอยู่ แต่เมื่อครู่เดินมาหนหนึ่ง งูน่าจะเลื้อยหนีไปแล้ว
“น่าจะไม่มีงูแล้วกระมัง เมื่อครู่พวกเราเดินมารอบหนึ่ง แหวกหญ้าให้งูตื่น น่าจะเลื้อยหนีไปแล้ว! ” เซี่ยยวี่หลัวมองไปตามคันหน้าด้านหน้าพร้อมกล่าว
หัวใจของนางเต้นแรง ก่อนหน้านี้เพราะนางกลัว เซียวยวี่จึงจำใจต้องแบกนางเดิน แต่ตอนนี้ เซียวยวี่อาสาเอง กลับทำให้เซี่ยยวี่หลัวรับไม่ได้
ท่านราชบัณฑิตน้อยในนิยายที่แทบอยากจะถลกหนังของนาง จะเป็นห่วงเรื่องที่นางกลัวงูด้วยหรือ?
เซี่ยยวี่หลัว “คือ ข้า ข้าเดินเองได้”
อย่ารบกวนท่านราชบัณฑิตน้อยเลย แค่อยู่ใกล้ ก็เกิดความรู้สึกราวกับมีมีดจ่อคอจนหนาวสะท้าน นอกจากนั้น นางก็ไม่อยากให้ท่านราชบัณฑิตน้อยคิดว่านางเป็นคนเรียกร้องความเห็นใจเกินกว่าเหตุ ในไร่นามีงูมากมาย นางจะไม่มาไร่นาตลอดไปเพียงเพราะกลัวงูไม่ได้กระมัง?
เช่นนั้นเหมือนกับไม่มีชะตาจะได้เป็นองค์หญิง แต่กลับเป็นโรคองค์หญิง[1]เสียได้
ยิ่งไปกว่านั้น ท่านราชบัณฑิตน้อยก็ไม่อาจแบกนางไปชั่วชีวิต!
เซียวยวี่ไม่ได้ดึงดัน ยืนเหยียดหลังตรง หยิบตะกร้าในมือเซี่ยยวี่หลัวมา สาวเท้าก้าวเดินไปข้างหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ “ตามชิดหน่อย! ”
เซี่ยยวี่หลัวตามไปติดๆ อย่างว่าง่าย ในห้วงภวังค์ก็ครุ่นคิด ต่อไปตัวเองมีเงินแล้ว ก็ไปอาศัยอยู่ในตัวเมืองที่คึกคัก ที่นั่นน่าจะไม่มีงู
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเมื่อครู่แหวกหญ้าให้งูตื่นหรือไม่ ระหว่างทางกลับจึงไม่พบงูเลย
ออกจากคันนา เหยียบลงบนพื้นดินกว้างขวาง เซี่ยยวี่หลัวจึงผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก
ส่วนเซียวยวี่ที่อยู่ข้างๆ พอได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจยาวราวกับยกภูเขาออกจากอก ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ภายในใจจึงรู้สึกไม่พอใจนัก
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าเซียวยวี่ไม่พอใจ หากให้นางคาดเดา เซียวยวี่ต้องดีใจเป็นแน่
ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้รบกวนเขา ท่านราชบัณฑิตน้อยที่โหดเหี้ยมเหลี่ยมจัด กลัวจะถูกรบกวนเป็นที่สุดไม่ใช่หรือ?
นอกจากนั้น นางไม่ได้รบกวนท่านราชบัณฑิตน้อย ไม่เจองู ทั้งยังแสดงให้เซียวยวี่เห็นว่านางไม่ออดอ้อนเกินเหตุ คุ้มแล้ว!
เซียวยวี่อารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก สาวเท้าก้าวใหญ่เดินตรงไปข้างหน้า หิ้วตะกร้าแต่ยังคงก้าวเดินอย่างรวดเร็ว
เซี่ยยวี่หลัวตามอยู่ข้างหลัง วิ่งไปพลางกระโดดไปพลาง ดีอกดีใจจนอยากร้องเพลงสักเพลงอย่างอารมณ์ดี
แน่นอนว่านางไม่ได้ร้อง หากรบกวนท่านราชบัณฑิตน้อย คงได้จดบัญชีความผิดของนางไว้ในใจอีกครั้ง
เซี่ยยวี่หลัวในนิยาย ทำให้เซียวยวี่เปลี่ยนจากความเกลียดชังเป็นโกรธแค้นทีละเล็กทีละน้อย จนสุดท้ายแทบอยากถลกหนัง กินเนื้อและดื่มโลหิตของนางเสีย ท่านตาของเซี่ยยวี่หลัวเคยรักษาอาการป่วยให้บิดามารดาของเซียวยวี่โดยไม่คำนึงถึงความเป็นความตายของตัวเอง ด้วยบุญคุณนี้เอง เซียวยวี่ที่เป็นคนให้ความสำคัญกับครอบครัวถึงเพียงนั้น ย่อมไม่สังหารเซี่ยยวี่หลัว
แต่ใครให้เซี่ยยวี่หลัวทำให้น้องชายน้องสาวของเขาต้องตายเล่า?
ต่อให้เป็นบุญคุณใหญ่หลวงเพียงใด เมื่อเผชิญกับเรื่องที่พี่น้องแท้ๆ ต้องตายจากไป ก็กลายเป็นเพียงหมอกควันในอดีตเท่านั้น
ทว่า ยังดีที่ตอนนี้เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งยังมีชีวิตดีอยู่ นางเองก็ว่าง่ายเชื่อฟังถึงเพียงนี้ ท่านราชบัณฑิตน้อยน่าจะไม่รังเกียจนางมากนักแล้วกระมัง?
ถึงเวลานางเอกปรากฏตัว ทุกคนแยกทางกันอย่างมีความสุข ไม่อาจเป็นสามีภรรยาก็ยังเป็นสหายกันได้ ต่อไปมีอดีตสามีที่ชื่อก้องทั่วหล้า เซี่ยยวี่หลัวแค่คิดยังรู้สึกตื่นเต้นดีใจเล็กน้อย
กระโดดโลดเต้นกลับบ้านไป ถั่วแระหนึ่งตะกร้าถูกวางไว้ใต้ชายคา ไม่เห็นวี่แววของเซียวยวี่ น่าจะกลับห้องไปแล้ว
เด็กสองคนยังไม่ตื่น เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้รบกวนพวกเขา หยิบกรรไกรมานั่งตัดถั่วแระอยู่ใต้ชายคา
ฟ้าค่อยๆ สว่าง เซี่ยยวี่หลัวครุ่นคิดสิ่งต่างๆ อยู่ในห้วงภวังค์
ไม่รู้ว่าเพราะช่วงเช้ามักทำให้คิดถึงบ้านได้ง่ายหรือไม่ เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกคิดถึงครอบครัวของตัวเองขึ้นมา
————————————–
เชิงอรรถ
[1] โรคองค์หญิง เป็นคำสแลงจีน หมายถึงสตรีที่ขี้อ้อน เอาแต่ใจ เรียกร้องความสนใจ ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ราวกับตัวเองเป็นองค์หญิง