ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 11 บทที่ 306 เทียบกับงู เซียวยวี่ยังถือว่าปลอดภัย
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 11 บทที่ 306 เทียบกับงู เซียวยวี่ยังถือว่าปลอดภัย
หลังจากเซียวยวี่นำมะเขือยาวออกมา เซี่ยยวี่หลัวใช้มีดกรีดเปลือกมะเขือยาวออก เนื้อมะเขือยาวทั้งอ่อนทั้งนุ่ม และมีไอน้ำร้อนลอยขึ้นมา
ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก บุรุษหล่อเหลาสตรีงดงาม คนคู่นี้ ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกสบายตา ยิ่งดูยิ่งรู้สึกน่าอิจฉา
“ดูสามีภรรยาคู่นี้สิ หน้าตาดีเสียจริง! ” พ่อครัวกล่าวกับซ่งฝูอย่างชื่นชม
ซ่งฝูพยักหน้าไม่หยุด ยิ้มจนตาหยี “นั่นน่ะสิ! ”
ซ่งฉางชิงเหลือบมองซ่งฝูอย่างเย็นเยียบแวบหนึ่ง ซ่งฝูรีบปิดปาก รู้สึกไม่เข้าใจนัก
ห้ามคุยกันระหว่างทำอาหารหรือ?
เทเครื่องปรุงรสเนื้อหมูลงไปในมะเขือยาวที่เพิ่งกรีดออก โรยต้นหอมซอย มะเขือยาวนึ่งที่ทั้งหอม ทั้งอ่อนนุ่ม และไม่มันเลี่ยนก็เสร็จแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “ตอนกินมะเขือยาวให้คนเนื้อมะเขือยาวกับเครื่องปรุงรสเนื้อหมูให้เข้ากันก่อน พอเคี้ยวในปากจะเต็มไปด้วยกลิ่นหอม! เถ้าแก่ซ่ง ท่านลองชิมดู…”
ซ่งฉางชิงเดินขึ้นหน้า รับตะเกียบมาจากมือเซี่ยยวี่หลัว ทำตามที่เซี่ยยวี่หลัวบอก คนให้เข้ากัน เนื้อมะเขือยาวผสมกับเครื่องปรุงรสเนื้อหมู มีทั้งกลิ่นหอมของเครื่องปรุงรส และความอ่อนนุ่มของมะเขือยาว นอกจากนั้น มะเขือยาวอมน้ำมันเป็นอย่างมาก ปกติเวลาผัดมะเขือยาวต้องใช้น้ำมันไม่น้อย แต่มะเขือยาวที่ใช้วิธีนึ่งมีน้ำมันน้อย รสสัมผัสเหมาะกับคนที่ไม่ชอบกินของมันเลี่ยน
“ใช้ได้ใช่หรือไม่? ” เห็นซ่งฉางชิงกินไปสองคำ เซี่ยยวี่หลัวจึงเอ่ยถาม
ซ่งฉางชิงกินต่ออีกหลายคำ เอ่ยชมไม่ขาดปาก “รสชาติดีมากทีเดียว”
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มจนคิ้วงามโก่งโค้ง หันมองพ่อครัวที่อยู่ข้างๆ “เมื่อครู่ท่านดูอย่างละเอียดแล้วใช่หรือไม่? ”
พ่อครัวพยักหน้ารัวราวกับกำลังตำกระเทียมอย่างไรอย่างนั้น “ดูละเอียดแล้ว ดูละเอียดแล้ว”
นี่เป็นวิธีทำที่ง่ายมาก เหมือนอาหารที่ทำกินในบ้านทั่วไป ประเด็นสำคัญคือ ต้องมีคนคิดจะทำเช่นนี้! วิธีทำแปลกใหม่เช่นนี้ ไม่ใช้วิธีผัดมะเขือยาว แต่ใช้วิธีนึ่ง พ่อครัวเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“เช่นนั้นอาหารชนิดนี้ถือว่าข้ามอบให้เถ้าแก่ซ่ง พวกเราขอตัวก่อน” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพลางหยิบตะกร้าขึ้น เดินออกไปกับเซียวยวี่
ซ่งฝูส่งทั้งสองคนถึงประตูใหญ่ ยิ้มจนตาหยี “คุณชายเซียว ฮูหยินเซียว มีเวลาว่างก็มาบ่อยๆ นะขอรับ มาบ่อยๆ…”
บัดนี้ได้พบเซี่ยยวี่หลัวอีกครั้ง ซ่งฝูแทบจะเห็นเซี่ยยวี่หลัวเป็นดั่งเทพเจ้าก็มิปาน
ไม่เพียงแต่ขจัดภัยอันตรายที่อาจเกิดกับเซียนจวีโหลว ทั้งยังมอบสูตรอาหารให้เซียนจวีโหลวถึงสี่สูตร เมื่อครู่ซ่งฝูลองกินทั้งถั่วแระและมะเขือยาวแล้ว อร่อยจนเขาแทบกัดลิ้น
ได้เซี่ยยวี่หลัวขายสูตรอาหารให้หลายสูตร เซียนจวีโหลวย่อมสามารถกลายเป็นกิจการใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองโยวหลันได้อย่างแน่นอน
ฮูหยินเฒ่ากล่าวไว้ไม่ผิดจริงๆ ฮูหยินเซียวผู้นี้ เป็นดาวนำโชคของเซียนจวีโหลว เป็นดาวนำโชคของบ้านตระกูลซ่ง
ไม่มีผู้ใดเห็น ว่าบนชั้นสอง มีหน้าต่างบานหนึ่งแง้มจนมีช่องเล็กๆ เงาร่างสูงตระหง่านร่างหนึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่าง จวบจนมองไม่เห็นแล้ว คนผู้นั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“คุณชาย ถั่วแระนี่จะเริ่มขายที่เซียนจวีโหลวตั้งแต่พรุ่งนี้เลยหรือไม่ขอรับ? ” ซ่งฝูไปถามความคิดของซ่งฉางชิง พอเข้าไปในห้อง ก็เห็นคุณชายยืนอยู่ริมหน้าต่าง ท่าทางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
ซ่งฉางชิงหันขวับอย่างฉับพลัน ขานตอบทีหนึ่ง “พรุ่งนี้ไปรับซื้อถั่วแระของฮูหยินเซียวก่อน”
เมื่อครู่ตกลงกันแล้ว จินละหกอีแปะ เซี่ยยวี่หลัวปลูกไว้เต็มแปลงนาเหมือนกัน คาดว่าจะมีถั่วแระสองร้อยถึงสามร้อยจิน ซ่งฉางชิงบอกไว้แล้วว่าจะรับซื้อของเซี่ยยวี่หลัวก่อน พรุ่งนี้จะไปรับมา
“ได้ขอรับ พรุ่งนี้ข้าจะไปรับของฮูหยินเซียวที่หมู่บ้านสกุลเซียวก่อน” คราวนี้ซ่งฝูไม่ถามว่าเหตุใดถึงต้องไปรับของถึงที่ ต่อให้บอกให้เขาไปช่วยเซี่ยยวี่หลัวเก็บเกี่ยวถั่วแระในแปลงนา เขาก็ยินยอม
ซ่งฉางชิงมองซ่งฝูที่เชื่อฟังว่าง่ายทีหนึ่ง จู่ๆ ก็หวนนึกถึงวาจาที่ซ่งฝูกล่าวเมื่อครู่
คุณชายเซียวและฮูหยินเซียวช่างเหมาะสมกัน สวรรค์สร้างมาให้คู่กัน…
เหตุใดวาจานี้ถึงได้ฟังขัดหูนัก ซ่งฉางชิงก้มหน้าคิดบัญชี พลางกล่าวกับซ่งฝู “พรุ่งนี้เจ้าไปแต่เช้า ไปช่วยฮูหยินเซียวเก็บเกี่ยวถั่วแระ”
ซ่งฝูตอบรับเต็มปากเต็มคำ “ได้ขอรับ! พรุ่งนี้ข้าจะไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางขอรับ”
ซ่งฉางชิงเงยหน้ามองซ่งฝูแวบหนึ่ง เจ้าหมอนี่ท่าทางยินดีเสียยิ่งกว่าอะไร ดีใจจนลืมตัว
“…” ซ่งฉางชิงเห็นแล้วรู้สึกขวางหูขวางตา “ไปได้แล้ว”
ซ่งฝูออกไปอย่างดีอกดีใจ
ซ่งฉางชิงดูสมุดบัญชีในมือ อ่านไม่เข้าใจแม้แต่ตัวเดียว
สวรรค์สร้างมาให้คู่กัน?
เซียวยวี่ผู้นั้นรูปลักษณ์หน้าตาหล่อเหลา บุคลิกสง่างามจริง พอยืนกับเซี่ยยวี่หลัว ไม่เหมือน ไม่เหมือน ไม่เหมือนสักนิด!
ไม่มีแก่ใจจะดูสมุดบัญชีในมือต่อ ซ่งฉางชิงหยิบสูตรอาหารที่เซี่ยยวี่หลัวยื่นให้เขาออกมาจากอกเสื้อ ตัวหนังสือที่เขียนเป็นรูปแบบกว่านเก๋อ เขียนตัวบรรจงเป็นระเบียบ มองแวบเดียวก็ดูออกว่าเป็นลายมือของเด็ก
ซ่งฉางชิงมองแวบเดียว ก็โยนไว้บนโต๊ะ
เซี่ยยวี่หลัวออกจากประตูใหญ่ด้วยความยินดี เซียวยวี่หิ้วตะกร้าตามอยู่ข้างๆ พอคิดถึงเงินสามสิบตำลึงที่เถ้าแก่ซ่งมอบให้ เซียวยวี่ตกอยู่ในอาการเหม่อลอยเล็กน้อย
ในหัวของนางมักจะมีของแปลกใหม่มากมาย แม้แต่อาหารที่ทำออกมายังแปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใด
มะเขือยาวไม่ใช้วิธีผัดแต่กลับนึ่ง เซียวยวี่ไม่เคยกินมะเขือยาวที่ปรุงด้วยวิธีนั้น แต่เห็นเนื้อของมะเขือยาวที่ถูกกรีดออกมีไอร้อนสีขาวลอยขึ้น ตอนนั้นเขาก็กลืนน้ำลายอึกหนึ่งอย่างอดไม่ได้
เหตุใดนางถึงไม่เคยทำอาหารชนิดนี้ให้เขากินบ้างเล่า?
คนแรกที่ได้กิน กลับเป็นเถ้าแก่ซ่งผู้นั้น
เซียวยวี่รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ไม่ถูก ไม่ใช่รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย แต่รู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก
ในหัวของนางยังมีสิ่งของอีกมากน้อยเท่าไรที่เขายังไม่รู้ ไม่แน่ว่า นางอาจนำไปขายให้ผู้อื่นอีกก็เป็นได้
พอคิดถึงตรงนี้ คิ้วเข้มของเซียวยวี่พลันขมวดมุ่น แววตาก็ค่อยๆ มืดหม่นลง
หาเงินได้ เซี่ยยวี่หลัวก็คิดจะนำไปใช้จ่าย ซื้อเนื้อหมูห้าจิน กระดูกสองท่อน ซื้อปอดหมูและหัวใจหมูอีก ทั้งยังไปซื้อขนมมาสองกล่อง ซื้อคราเดียวใช้จ่ายไปกว่าหนึ่งร้อยอีแปะ ใส่จนเต็มตะกร้า
เวลานี้เซี่ยยวี่หลัวใช้จ่ายเงินโดยไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่แม้แต่น้อย อย่างไรเสียใช้เงินหมดแล้วก็ยังสามารถหามาใหม่ได้ หาเงินได้มากขนาดนี้ ใช้ไปเพียงเล็กน้อย ที่เหลือก็เก็บเอาไว้ ถึงเวลานางจากไป ท่านราชบัณฑิตน้อยจะได้มีเงินไว้ร่ำเรียนต่อ
ลองนับดู วันประกาศผลสอบ เหมือนว่าจะเหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบวัน
ต้องเร่งทำรองเท้าเสียแล้ว
ทั้งสองคนต่างคนต่างมีความคิดในใจ ระหว่างทางกลับ ต่างก็ไม่ได้สนทนากันอยู่นาน
เซี่ยยวี่หลัวมีเรื่องน่ายินดีจึงรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเงินร้อนๆ ที่อยู่ในถุง แต่นางก็ไม่กล้าแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งเกินไป เซียวยวี่กำลังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและเศร้าเสียใจอยู่!
เซียวยวี่สีหน้าอึมครึมมากว่าครึ่งทาง เซี่ยยวี่หลัวคิดว่าเขาเป็นเช่นนั้นเพราะใกล้ประกาศผลสอบแล้ว
ไม่คิดจะกวนใจเขา จวบจนเซี่ยยวี่หลัวรู้สึกอยาก… ถ่ายเบา!
ตอนเช้ากินโจ๊กอีกแล้ว แม่เจ้า อยากถ่ายเบาเสียแล้ว
นางอยากกลั้นไว้ แต่พอรู้สึกปวดถ่ายเบา จะกลั้นเพียงใดก็ไม่อาจกลั้นได้
เดินไปอีกครู่ใหญ่ เซี่ยยวี่หลัวกลั้นไม่ไหวแล้ว
พอเห็นว่าอีกครู่ใหญ่ถึงจะกลับถึงบ้าน หากไม่จัดการปลดทุกข์ ต้องราดกางเกงเป็นแน่
นางเดินช้าลงเรื่อยๆ เซียวยวี่ที่อยู่ด้านหน้ายังโมโหคุกรุ่น ไม่เห็นเลยว่าเซี่ยยวี่หลัวอิดออดอยู่ข้างหลัง เซี่ยยวี่หลัวหันมองผืนป่าข้างทางที่มีต้นไม้ขึ้นอย่างหนาแน่น เดิมทีคิดอยากเข้าไปปลดทุกข์เองแล้วค่อยไล่ตามเซียวยวี่ แต่พอคิดถึงหัวงูที่ชูขึ้นสูงครั้งก่อน คิดแล้วจึงล้มเลิกความคิดนั้นไป
“คือ…” ได้แต่ขอความช่วยเหลือ
ครั้งก่อนไม่อยากให้เซียวยวี่ตามไป คราวนี้ต้องขอร้องให้เซียวยวี่ตามไป
เซียวยวี่เดินไปด้วยอารมณ์โมโห ในห้วงความคิดเต็มไปด้วยความลับของเซี่ยยวี่หลัว รอยยิ้มของเซี่ยยวี่หลัว…
เขาที่เป็นสามีของนาง กลับไม่รู้ความลับตั้งมากมายของนาง กลับต้องเห็นนางแย้มรอยยิ้มให้บุรุษอื่น เขาอิจฉา กลับไม่อาจทำอะไรได้
“คือ…” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยเรียกอีกครั้ง
เซียวยวี่ได้ยินเสียงจากด้านหลัง รีบหันหลังกลับ เซี่ยยวี่หลัวยืนอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากเขาสิบกว่าหมี่ จ้องมองเขาด้วยท่าทางน่าสงสาร
ความรู้สึกอิจฉาอะไร น้อยเนื้อต่ำใจอะไร โมโหอะไร ภายหลังได้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยประกายน่าสงสารนั่น ภายในใจเซียวยวี่ก็เหลือเพียงความรู้สึกผิดคิดตำหนิตัวเองอย่างรุนแรง
เขาทิ้งนางไว้ข้างหลังตั้งแต่เมื่อใดกัน!
สมควรตายเสียจริง
เซียวยวี่สาวเท้าก้าวใหญ่เดินย้อนกลับไปอย่างเร่งรีบ แทบจะวิ่งกลับไป เขาวิ่งเหยาะๆ มาถึงข้างกายเซี่ยยวี่หลัว เห็นใบหน้าเล็กของนางที่ขาวซีด หัวใจของเซียวยวี่รู้สึกบีบคั้นนัก
“เป็นอะไรไป? ” น้ำเสียงไม่เรียบสงบเหมือนที่ผ่านมา คราวนี้แฝงเร้นด้วยความเป็นห่วงและเอ็นดู
เซี่ยยวี่หลัวไม่อาจกล่าวออกมาว่านางอยากถ่ายเบา นางชี้ไปยังผืนป่าข้างทางที่มีต้นไม้ขึ้นอย่างหนาแน่น ก่อนบุ้ยปากเล็กสีแดงฉ่ำ
เซียวยวี่เห็นแล้วรู้สึกจุกแน่นคอ เข้าใจทันที
เขาหันตัว ก้มตัวลง “มา…”
เขาจะแบกนางเข้าไปในดงต้นไม้หรือ?
เซี่ยยวี่หลัวนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ก่อนปีนขึ้นหลังเซียวยวี่ไป
ด้านหนึ่งคือท่านราชบัณฑิตน้อยที่ยังไม่มีจิตอาฆาต อีกด้านหนึ่งคืองูที่ลื่นไหล เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกว่า เวลานี้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดยังเป็นงู
แต่เซียวยวี่ในภายภาคหน้า น่าสะพรึงกลัวกว่างูเสียอีก
เซียวยวี่ไม่รู้เลยว่าเซี่ยยวี่หลัวเปรียบเทียบตัวเขากับงู เขาแบกเซี่ยยวี่หลัวเข้าไปในดงต้นไม้ หาสถานที่ลับตา เขาไม่ได้ไปไหน เพียงหันตัวไป เหมือนกำแพงเหล็กก็มิปาน ยืนอยู่ข้างกายเซี่ยยวี่หลัว ทำให้นางรู้สึกวางใจเป็นพิเศษ
คราวนี้เซี่ยยวี่หลัวไม่คิดอิดออดรอช้า รีบถอดกระโปรงย่อตัวลงถ่ายเบา
ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ปลดทุกข์ที่กลั้นมานาน เซี่ยยวี่หลัวสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จ แก้มขึ้นสีแดงเรื่อ “คือ ข้า… ข้าเสร็จแล้ว”
เซียวยวี่ย่อตัวลง ทิ้งแผ่นหลังซูบผอมแต่ทรงพลังให้เซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัวปีนขึ้นไป ทั้งสองคนเดินออกไปตามทางที่เข้ามา
คราวนี้เซียวยวี่เดินช้าๆ ไม่ได้เร่งรีบเหมือนตอนเข้ามา
คนบนหลังปลดทุกข์เสร็จแล้ว ค่อยๆ เดิน ไม่ต้องรีบ
ลมหายใจอุ่นร้อนของคนบนหลังตกกระทบตรงซอกคอของเขา เซียวยวี่ร่างกายเกร็ง การเคลื่อนไหวเริ่มแข็งทื่อ
เซี่ยยวี่หลัวไม่กล้ากล่าวอะไรกับเขา ทั้งสองคนเดินออกไปโดยไม่คุยอะไรกัน
ตลอดทางที่เดิน เมื่อเหยียบไปบนใบไม้ที่ร่วงเป็นชั้นหนาก็เกิดเสียงซ่าซ่าดังขึ้น เซี่ยยวี่หลัวคอยนับฝีก้าวของเซียวยวี่ หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…
นางเพ่งสมาธิ จดจ่ออยู่กับเสียงฝีก้าวของเซียวยวี่ ไม่ทันสังเกตเลยว่าร่างกายของเซียวยวี่แข็งเกร็ง เหยียดตรงราวกับด้ามพู่กันก็มิปาน
ลูกกระเดือกของเซียวยวี่เคลื่อนขึ้นลง จู่ๆ เขาก็ออกแรงบีบน่องของเซี่ยยวี่หลัว ก่อนจะยกขึ้นเล็กน้อย เซี่ยยวี่หลัวส่งเสียง “เอ๋” ออกแรงมือทั้งคู่ โอบคอเซียวยวี่ไว้แน่น และริมฝีปากของนาง ก็ประทับลงตรงซอกคอของเซียวยวี่
เซียวยวี่แข็งทื่อไปทั้งตัว