ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 11 บทที่ 315 มือซ้ายได้รับบาดเจ็บ
“หายตัวไป? ” เซี่ยยวี่หลัวแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “อะไรคือหายตัวไป? ”
คนตัวโตขนาดนี้ จะบินขึ้นฟ้าหรือมุดลงดินได้หรืออย่างไร?
“พี่ใหญ่ไม่อยู่ในห้อง ในห้องหนังสือก็ไม่อยู่” เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยท่าทางวิตก “พี่ใหญ่ไม่เคยออกบ้านแต่เช้าตรู่ ต่อให้ออกไป ก็จะบอกพวกเราก่อน เหตุใดวันนี้เขาถึง… ถึง…”
ก็ถูก คนที่ปกติไปหายามเช้าแล้วจะอ่านตำราอยู่ในห้องหนังสือเสมอ จู่ๆ เช้าวันหนึ่งไม่ได้อ่านตำราและไม่ได้พักผ่อน คนหายตัวไปทั้งอย่างนี้ จะไม่ทำให้ตกใจแทบตายหรือ?
เมื่อครู่เซี่ยยวี่หลัวเห็นเสื้อผ้าสกปรกใต้ชายคา เซียวยวี่ไม่ได้ไปซักผ้า เช่นนั้นเขาจะไปที่ไหนได้?
“อย่าเพิ่งร้อนใจ บางทีพี่ใหญ่ของเจ้าอาจออกไปเดินเล่น ไม่นานก็คงกลับมา! ” เซี่ยยวี่หลัวบอกเซียวจื่อเซวียนว่าอย่าร้อนใจ แต่ความจริงนางเองก็ร้อนรนจิตใจเช่นกัน
ไม่ได้รู้สึกกลัว แต่รู้สึกร้อนรนจิตใจ
คนผู้หนึ่งออกไปแต่เช้าตรู่โดยไม่บอกกล่าวอะไร แค่คิดก็รู้สึกร้อนใจแล้ว กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าท่านราชบัณฑิตน้อยไม่เป็นอะไรแน่
“เจ้าอยู่ดูแลน้องสาว ข้าออกไปดูก่อน” เซี่ยยวี่หลัวถอดเสื้อกันเปื้อนออกอย่างใจเย็น พลางเดินออกไปข้างนอก
ฝีก้าวของนางเร็วมาก แฝงเร้นด้วยความร้อนรนเล็กน้อย เพิ่งเดินถึงตรงประตู ก็ชนเข้ากับอกของคนผู้หนึ่ง
“อือ…”
เซี่ยยวี่หลัวถูกชนจนถอยหลังไปสองก้าว คลำจมูกที่ถูกชนจนเจ็บ เจ็บจนน้ำตาแทบไหลออกมา กำลังจะกล่าวอะไร เงยหน้าก็เห็นใบหน้าของเซียวยวี่
ใบหน้าของเซียวยวี่เป็นสีแดงก่ำ บนหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ วันนี้เขาไม่ได้สวมชุดตรง ไม่ว่าจะเป็นตัวเก่าหรือตัวใหม่ก็ไม่ได้สวมใส่ กลับสวมเสื้อผ้าแขนสั้น แต่งตัวเหมือนคนจะไปทำไร่ไถนาไม่มีผิดเพี้ยน
นี่ยังไม่เท่าไร บนไหล่ขวาของเขาแบกจอบไว้อันหนึ่งด้วย
พอมองเช่นนี้ หากมองข้ามบุคลิกของเซียวยวี่ ก็เหมือนชาวนาที่ต้องทำงานโดยหันหน้าลงพื้นดินหันหลังให้ฟ้าโดยสมบูรณ์
เซียวยวี่เห็นท่าทางทั้งหมดตั้งแต่เซี่ยยวี่หลัวถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ปิดจมูกไว้ ทั้งยังขมวดคิ้วมุ่น
ท่าทางรังเกียจนั่น
เซียวยวี่ออกไปทำเกษตรตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เมื่อวานเก็บเกี่ยวถั่วแล้ว เขาจึงไปพลิกกลับหน้าดิน ทำอยู่นานกว่าครึ่งชั่วยาม ตอนนี้เป็นเวลากินข้าวเช้าที่บ้าน เขาจึงกลับมาก่อน เกรงว่าอีกเดี๋ยวทุกคนจะหาเขาด้วยความร้อนใจ
อากาศในช่วงเช้าไม่ร้อนสักนิด ทั้งยังเย็นเล็กน้อย
แต่ทำงานอยู่ในที่นามานานกว่าครึ่งชั่วยาม บนตัวร้อนจนเหงื่อออกราวกับแช่น้ำมาอย่างไรอย่างนั้น ไม่มีส่วนใดของร่างกายที่แห้งเลย เปียกชุ่มทั้งหมด บนเส้นผมก็มีหยาดเหงื่อหยดลงมา
บนกายเขามีกลิ่นเหงื่อชัดเจน เหม็นยิ่งนัก
ความรู้สึกที่โดนคนอื่นรังเกียจนั้นไม่ดีเอาเสียเลย แม้แต่หัวใจของเซียวยวี่ก็เหมือนกำลังหลั่งโลหิต
แต่เซียวยวี่ยังคงกล่าวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ข้าไปกลับหน้าดินในแปลงนา ดูว่าจะปลูกอย่างอื่นได้หรือไม่”
เขาไม่มีความรู้ด้านการเกษตรแม้แต่น้อย รอกลับหน้าดินเสร็จแล้วค่อยไปถามชาวบ้านคนอื่นๆ เพื่อขอความรู้
หน้าอกของเซียวยวี่ช่างแข็งเสียจริง จมูกถูกชนจนแทบจะเบี้ยวแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวคลำจมูก เจ็บจนแทบอยากด่าคน แต่กลับไม่กล้ากล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว และไม่กล้าโอดโอยแม้แต่น้อย
ท่าทางกล้ำกลืนฝืนทนนั่น ในสายตาของเซียวยวี่ กลับมองว่าเป็นความรังเกียจ
“ล้างมือแล้วกินข้าวเถอะ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าว นางหันขวับเดินไปทันที
มือของเซียวยวี่ที่จับด้ามจอบอยู่ ออกแรงบีบจนเส้นเลือดปูดขึ้น
เซี่ยยวี่หลัวไปห้องครัวรินน้ำอุ่นมาหนึ่งถ้วย จากนั้นจึงตักน้ำผึ้งหนึ่งช้อน คนให้เข้ากันแล้วจึงมายังห้องโถง
เซียวยวี่ยังล้างมืออยู่ข้างนอก เมื่อครู่ตอนเขามาเคยล้างที่คูน้ำแล้ว แต่เซี่ยยวี่หลัวรักสะอาด เซียวยวี่จึงใช้สบู่ถูมือครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไม่อาจล้างเอาคราบดินโคลนสีดำในซอกเล็บออก
โดยเฉพาะปลายเล็บนิ้วโป้งและนิ้วชี้ข้างขวา เป็นสีดำคล้ำ
นั่นหาใช่ดินโคลนสีดำ แต่เพราะทำงานมากขึ้น เล็บจึงมีสีติดจนกลายเป็นสีดำ
ส่วนอื่นๆ ถูกขัดจนผิวแทบถลอกแล้ว มือขวากลับยังไม่สะอาด
แววตาเซียวยวี่ฉายประกายลุ่มลึก ได้แต่ปล่อยไป
เข้าไปในห้องโถง เซี่ยยวี่หลัวนั่งลงรอเขาแล้ว เบื้องหน้ามีชามกับตะเกียบวางอยู่ มีทั้งโจ๊กและไข่ไก่ไม่ขาดแม้แต่อย่างเดียว ข้างๆ มีถ้วยหนึ่งใบ ภายในถ้วยเป็นน้ำสีเหลืองอ่อน เซียวยวี่เคยดื่มมาไม่น้อย รู้ว่านั่นคือน้ำผึ้ง
วางอยู่ตรงหน้าเขา
“กินข้าวเถอะ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าว
เซียวยวี่นั่งลง กำลังจะหยิบชามกับตะเกียบ เซี่ยยวี่หลัวชี้ไปทางถ้วยอีกใบที่อยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกล่าว “นั่นคือน้ำผึ้ง เจ้าดื่มมันก่อน”
เซียวยวี่ยกถ้วยขึ้นมาดื่มจนหมดอย่างว่าง่าย
เขาไม่ได้ใช้มือขวา แต่ใช้มือซ้าย
ตอนแรกเซี่ยยวี่หลัวยังไม่เห็นความผิดปกติของเซียวยวี่ หลังจากกินไปได้ครึ่งชาม ในที่สุดเซี่ยยวี่หลัวก็เห็นความผิดปกติของเขา
เซียวยวี่ที่ปกติใช้มือขวา กลายเป็นคนถนัดซ้ายตั้งแต่เมื่อไรกัน?
เมื่อเพ่งมองอย่างตั้งใจอีกครั้ง เซี่ยยวี่หลัวก็ถึงกับตกใจสะดุ้ง
มื้อซ้ายของเซียวยวี่ จากนิ้วก้อยจนถึงนิ้วกลางข้างซ้าย มีรอยแผลลึกสามรอย ไม่ใช่รอยแผลใหม่ แต่บนบาดแผลยังมีคราบเลือดสีดำคล้ำชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเป็นแผลที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน
เมื่อวานเซียวยวี่ใช้เคียวเกี่ยวตัดต้นถั่ว
ดวงหน้าเซี่ยยวี่หลัวพลันดูนิ่งขรึม บาดแผลนั่น เห็นได้ชัดว่าเป็นรอยแผลที่เกิดจากใบมีดเคียว
นางมองดูอีกครู่หนึ่ง ก่อนก้มหน้ากินข้าวอย่างรวดเร็ว ปกตินางใช้เวลากินข้าวค่อนข้างนาน วันนี้กลับกินเร็วเป็นพิเศษ ราวกับกำลังแข่งกับเวลาอย่างไรอย่างนั้น หลังจากกินเสร็จเพียงบอกให้ทุกคนค่อยๆ กิน แล้วจึงยกชามเปล่าเดินออกไป
เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งไม่ทันเห็นว่าใบหน้าของพี่ใหญ่ที่ถูกแดดเผาจนกลายเป็นสีแดงดูย่ำแย่ทันที ดวงหน้าเต็มไปด้วยประกายเศร้าเสียใจที่ฝืนสะกดไว้
เซี่ยยวี่หลัวกลับห้องไปหายาทาแผลที่นางซื้อมาจากตัวเมือง ยังไม่เคยใช้ นางจับขวดยาไว้ รู้สึกลังเลยิ่งนัก
เดิมคิดจะให้เด็กสองคนนำไปให้เซียวยวี่ แต่ก็กลัวเด็กสองคนจะรู้ว่าเซียวยวี่ได้รับบาดเจ็บ สุดท้ายจึงตัดสินใจว่าจะไปส่งด้วยตัวเอง
เพิ่งเดินเข้าห้องโถง เซียวยวี่ก็ไม่อยู่แล้ว
“พี่ใหญ่ของเจ้าเล่า? ” คงกลับห้องไปแล้ว เซี่ยยวี่หลัวกำลังจะสาวเท้าก้าวเดินไปยังห้องของเขา
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส “พี่ใหญ่บอกว่าเขายังกลับหน้าดินไม่เสร็จ จึงไปในแปลงนาแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อครู่พี่ใหญ่ยังกำชับให้พวกเขาเป็นเด็กดีเชื่อฟังพี่สะใภ้ใหญ่ด้วย
เซี่ยยวี่หลัว “…” เขาไม่อ่านตำราจะไปในแปลงนาทำไม?
เมื่อก่อนเซี่ยยวี่หลัวหักร้างถางพงบุกเบิกที่นาผืนนั้น เพราะอยากหาลู่ทางหาเงินเพิ่มขึ้น แต่ตอนนี้ นางมีลู่ทางหาเงินสองทางแล้ว ที่ผืนนั้นจะปลูกหรือไม่ปลูกก็ได้ พวกเขาไม่มีทางอดตาย
เซี่ยยวี่หลัวหันตัวเดินออกไปทันที
เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งหันมองกันไป มองกันมา ต่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองคน
เซียวยวี่เดินเร็วมาก เซี่ยยวี่หลัวตามไปตลอดทางก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา พอถึงที่นา ก็เห็นเซียวยวี่กำลังเหวี่ยงจอบพรวนดินอยู่ในแปลงนาโดยหันหลังให้นาง
นางเดินไปหา