ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 12 บทที่ 351 พวกเจ้ามีใจให้กันประสาอะไร
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 12 บทที่ 351 พวกเจ้ามีใจให้กันประสาอะไร
เซี่ยยวี่หลัวลงมายืนบนพื้น มองดูเซียวหมิงจูที่ยังกอดขาเซียวยวี่ไว้ ไม่ได้กล่าวอะไร
เซียวหมิงจูหันกลับมาขอร้องอ้อนวอนเซี่ยยวี่หลัว “พี่สาว ข้ากับพี่อายวี่มีใจให้กัน ต่างต้องใจกัน ขอร้องท่านเมตตาข้า ให้ข้ากับ…”
เซี่ยยวี่หลัวหัวเราะลั่น “แม่นางหมิงจูช่างรู้จักพูดจาล้อเล่น ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเซียวยวี่ที่อยู่ในสายตาข้าตลอด มีใจให้ท่านและต้องใจท่านตั้งแต่เมื่อไรกัน”
นางยิ้มอยู่ตลอด แต่หลังจากกล่าวจบ ท่าทางอ่อนโยนของนางกลับหายไปจนสิ้น สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือบุคลิกน่ายำเกรง อุณหภูมิรอบข้างลดลงกว่ากึ่งหนึ่งอย่างฉับพลัน ไม่รู้ว่าเพราะความหนาวหรือเพราะตกใจ เซียวหมิงจูรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมา
เซียวยวี่เห็นเซี่ยยวี่หลัวยืนได้แล้ว จึงดึงเซียวหมิงจูออก ขมวดคิ้วพลางตะคอก “ข้าเพียงเห็นเจ้าเป็นน้องสาว ไม่เคยมีความคิดเป็นอื่นกับเจ้า! ”
เซียวยวี่เป็นบัณฑิต คิดแต่เพียงจะอธิบาย แต่คำอธิบายบางอย่างก็เปล่าประโยชน์และไม่มีพลัง
“เซียวยวี่คงไม่ใช่ว่าหลอกนางแล้วไม่ยอมรับกระมัง? ”
“เมื่อก่อนข้าเห็นเซียวหมิงจูไปบ้านเซียวยวี่เป็นประจำ ช่วยทำโน่นทำนี่ ข้าคิดว่าสองคนนี้ น่าจะถูกตาต้องใจกันตอนนั้นกระมัง? ”
“ตอนนั้นเซี่ยยวี่หลัวยังไม่แต่งเข้ามาเลย เช่นนี้ถือว่าเซี่ยยวี่หลัวแย่งคนรักของนางไปหรือไม่! ”
“ข้าคิดว่าเหมือนจะเป็นเช่นนั้น งานแต่งนี้ท่านตาของเซี่ยยวี่หลัวเป็นคนขอร้องจนได้มา เกรงว่าเซียวยวี่เห็นว่าเซี่ยยวี่หลัวหน้าตาดีกว่าเซียวหมิงจู จึงแต่งกับเซี่ยยวี่หลัวกระมัง!”
เซียวยวี่ใบหน้าแดงก่ำก่อนแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด เขาเป็นบัณฑิต แยกแยะชัดเจน ระหว่างเขากับเซียวหมิงจูไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดๆ ไม่เคยมีการกระทำหรือถ้อยคำเกินเลยใดๆ
จู่ๆ เซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ข้างๆ ก็ยื่นมือออกมา กุมมือเซียวยวี่ไว้แน่น ส่งไออุ่นกลางฝ่ามือไปให้ฝ่ามือของเซียวยวี่ ทำให้เขาใจเย็นลงในชั่วพริบตา
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มให้เขา กล่าวเสียงเบา “ข้าจัดการเอง” เซียวยวี่เข้าใจแล้ว ภายในใจเขารู้สึกอบอุ่น กุมมือเซี่ยยวี่หลัวไว้แน่น
ก่อนหน้านี้เซี่ยยวี่หลัวไม่อยากพาดพิงถึงเซียวหมิงจู เพราะไม่อยากให้นางขายหน้าเกินไป แต่ตอนนี้นางกลับมาร่ำไห้โวยวายถึงที่บ้าน ให้ร้ายทำลายชื่อเสียงของเซียวยวี่ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าเซี่ยยวี่หลัวใจไม้ไส้ระกำ
ผู้ใดไม่ล่วงเกินนาง นางก็จะไม่ล่วงเกินผู้นั้น หากผู้ใดล่วงเกินนาง นางย่อมเอาคืนอย่างสาสม
“จื่อเมิ่ง ครั้งก่อนพี่ใหญ่ของเจ้าไปสอบ พี่หมิงจูมอบอะไรให้เจ้าหรือ?” เซี่ยยวี่หลัวไม่ถามเซียวหมิงจู กลับเอ่ยถามเซียวจื่อเมิ่งที่อยู่ข้างๆ ทุกคนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวเสียงใส “พี่หมิงจูมอบผ้าเช็ดหน้าให้ข้าผืนหนึ่งเจ้าค่ะ”
“อ่อ บนนั้นปักอะไรไว้หรือ? ”
“ปักยวนยางเจ้าค่ะ”
“อ่อ ผ้าเช็ดหน้าที่ปักยวนยางไว้เช่นนั้นหรือ?” เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม ไม่ถามเซียวจื่อเมิ่งต่อ กลับถามเซียวหมิงจู “แม่นางหมิงจู เหตุใดท่านถึงต้องมอบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งที่ปักยวนยางให้จื่อเมิ่งหรือ?”
เซียวหมิงจูร้อนใจอยากแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างนางและเซียวยวี่ จึงกล่าวโดยไม่คิดด้วยซ้ำ “ข้ากับเขามีใจให้กัน ไม่มอบผ้าเช็ดหน้ายวนยางจะให้มอบอะไร?”
“จริงด้วย มีใจให้กัน มอบอะไรให้กันก็ย่อมได้!” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวพึมพำ ก่อนเอ่ยถามต่อ “แต่เหตุใดท่านถึงมอบผ้าเช็ดหน้าปักยวนยางให้จื่อเมิ่งเล่า? หรือว่าท่านมีใจให้จื่อเมิ่ง? ”
ชาวบ้านต่างหัวเราะกันครืนใหญ่
“นั่นไม่ใช่ของที่ให้จื่อเมิ่ง แต่เป็นของที่ให้พี่อายวี่!”
“ของที่ท่านมอบให้พี่อายวี่ เหตุใดท่านถึงไม่มอบให้เขาเองเล่า? ”
เซียวหมิงจูตกใจเป็นอย่างมาก เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองตกลงไปในหลุมพรางของเซี่ยยวี่หลัวแล้ว นางคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวเสียงดัง “ตอนนั้นข้าไม่ได้พบเซียวยวี่ จึงให้อาเมิ่งมอบให้เขาแทนข้า มีปัญหาอะไรเช่นนั้นหรือ?”
เซี่ยยวี่หลัวส่ายหน้า “แน่นอนว่าไม่มีปัญหา มอบแทนกันก็ย่อมได้ ท่านให้นางมอบแทน แล้วได้บอกนางหรือไม่ว่ายวนยางบนผ้าเช็ดหน้ามีความหมายเช่นไร?”
เซียวหมิงจูพูดโพล่งออกมาโดยไม่คิดด้วยซ้ำ “ไม่ได้บอก!”
“ไม่ได้บอก?” เซี่ยยวี่หลัวตวัดมุมปากเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ “ท่านให้เด็กอายุหกขวบส่งมอบผ้าเช็ดหน้าสื่อรักแทนท่าน หากนางรู้ว่าพวกท่านมีใจให้กัน คิดจะช่วยสานสัมพันธ์ให้พวกท่านก็แล้วไป แต่หากนางไม่รู้ ก็เท่ากับให้เด็กผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งเรียนรู้การล่อลวงที่ต่ำช้าตามท่านไม่ใช่หรือ?”
เซี่ยยวี่หลัวกล่าววาจารุนแรงมาก พูดดักทางจนเซียวหมิงจูได้แต่เลือกคำตอบแรก
“นางย่อมรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับพี่อายวี่” เซียวหมิงจูรีบอธิบายทันที
“นางรู้?” คราวนี้เซี่ยยวี่หลัวยิ้มอีกครั้ง “เช่นนั้นช่างน่าแปลกนัก จื่อเมิ่งเคยนำผ้าเช็ดหน้ามาถามข้า ว่านกสองตัวนั่นคือนกอะไร!”
เซียวหมิงจูกล่าวอะไรไม่ออก นางพบว่าตัวเองถูกเซี่ยยวี่หลัวพูดชักนำจนตกหลุมพรางแล้ว
เซี่ยยวี่หลัวสร้างคำตอบที่นางจำเป็นต้องเลือก นั่นคือหลุมพรางที่นางสร้างไว้ ไม่ว่าจะเลือกคำตอบใด ล้วนแต่ผิด
“พี่หมิงจู ท่านไม่เคยบอกข้า ท่านเพียงบอกว่าท่านกลัวพี่ใหญ่จะมีเหงื่อออก จึงให้ข้าแอบใส่ไว้ในสัมภาระของพี่ใหญ่เพื่อเอาไว้เช็ดเหงื่อ ข้าถามพี่สะใภ้ใหญ่ของข้าถึงได้รู้ว่านั่นคือยวนยาง ข้าจึงมอบให้พี่สะใภ้ใหญ่ทันที พี่สะใภ้ใหญ่ให้ข้ามอบคืนให้ท่าน ในภายหลังพี่รองเกือบตีข้า บอกว่าหากข้าใส่ในสัมภาระของพี่ใหญ่จริง พี่ใหญ่กลับมาต้องตีข้าจนตายแน่!” เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
ที่นางกล่าวมาล้วนเป็นความจริง นางไม่เคยรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเซียวหมิงจูกับพี่ใหญ่
“ท่านเอาแต่พูดว่าท่านกับเซียวยวี่มีใจให้กัน ข้าอยากรู้นักว่าพวกท่านมีใจให้กันประสาอะไร ต้องใจกันประสาอะไร! จื่อเมิ่งเป็นเด็กว่าง่ายรู้ความ หากรู้ว่าท่านกับพี่ใหญ่ของนางมีใจให้กัน มีหรือจะนำผ้าเช็ดหน้าที่ท่านมอบให้มาถามข้าว่านั่นคือนกอะไร หลังจากได้รู้ว่าเป็นยวนยาง ไหนเลยจะมอบผ้าเช็ดหน้าให้ข้า? แม่นางหมิงจู ท่านไม่รู้สึกหรือว่าสิ่งที่ท่านกล่าวมาเมื่อครู่นี้ฟังดูไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย?”
เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้หวั่นเกรงเซียวหมิงจู แต่นางสงสารสตรีผู้นี้
ชอบบุรุษที่ไม่ได้ชอบนาง ถูกกำหนดไว้แล้วว่าชีวิตนี้ต้องเผชิญกับอุปสรรคและความยากลำบาก
เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวคิดจะให้นางเผชิญกับความลำบากน้อยลงบ้าง
แต่เซียวหมิงจูไม่เข้าใจความหวังดีของนาง นึกว่านางเป็นคนอ่อนแอข่มเหงได้ง่าย
เซี่ยยวี่หลัวก้มหน้ามองเซียวหมิงจูที่นั่งกองอยู่บนพื้น แววตาฉายประกายเสียดายและจนใจ รวมถึงเพลิงโทสะ
นางเคยให้โอกาสเซียวหมิงจูหลายครั้ง แต่นางไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
จะบอกว่าเป็นคนรักมั่น หรือเป็นคนดื้อรั้นดี?
ความรักที่ไม่ทำร้ายผู้อื่นถึงจะเป็นความรัก ความรักที่ยอมทำทุกวิถีทางรวมถึงทำร้ายผู้อื่นเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายของตัวเอง นั่นไม่ใช่ความรัก
แต่เป็นการทำร้าย!