ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 13 บทที่ 375 เจ้ามีคนรู้ใจตั้งแต่เมื่อใด
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 13 บทที่ 375 เจ้ามีคนรู้ใจตั้งแต่เมื่อใด
เซียวยวี่เพิ่งเปิดประตู ก็เห็นเซียวยิงที่รอดูเรื่องสนุกอยู่หน้าประตู แสดงสีหน้าเย้าหยอก สอดส่ายสายตามองไปมากำลังจะมองเข้าไปข้างใน
“นี่เซียวยวี่ เจ้ามีคนรู้ใจตั้งแต่เมื่อไร เหตุใดถึงไม่บอกข้า? ” เซียวยิงกล่าวเป็นเชิงหยอกเย้า เมื่อครู่เขาได้ยินเสียงสตรีที่ฟังดูนุ่มละมุนจากด้านใน
ตอนนี้เซียวยวี่มีธุระ ไม่ว่างจะสนใจเซียวยิง
หยิบเสื้อผ้าเสร็จจึงเข้าไปในห้องอีกครั้ง ปิดประตูอย่างมิดชิดตลอดเวลา เซียวยิงชะเง้อคออย่างไรก็มองไม่เห็นภาพด้านใน ร้อนใจแทบตาย
เมื่อนำเสื้อผ้ามาส่งเสร็จ เซียวยวี่จึงออกมา ก่อนปิดประตูห้อง จากนั้นจึงมายังริมหน้าต่าง
เซียวยวี่ไปแล้ว ต่อให้เซียวยิงอยากรู้มากเพียงใดว่าสตรีด้านในเป็นผู้ใด ก็ได้แต่สะกดความรู้สึกสงสัยนี้ไว้ นั่งลงตรงข้ามเซียวยวี่
ทว่า เขามีความอยากรู้อยากเห็นไม่น้อย
“เจ้ารู้จักกับสตรีผู้นี้จากที่ไหนกัน? ” เซียวยิงมีเรื่องอยากถามไม่รู้จบ “เมื่อครู่ข้าได้ยินเสียงของสตรีผู้นั้น เสียงนุ่มละมุนใสกังวาน ถึงแม้จะไม่เห็นรูปลักษณ์หน้าตา แต่สตรีผู้นี้น่าจะเป็นสตรีรูปงาม! เซียวยวี่ ดูเจ้าสิ มีวาสนาไม่น้อยเลย เริ่มจากได้แต่งภรรยาที่มีรูปโฉมงดงาม ตอนนี้ก็มีคนรู้ใจที่อ่อนหวานอีก เจ้าช่าง…”
เซียวยวี่ดื่มน้ำชาหนึ่งคำ ยิ้มทีหนึ่ง
“แต่ข้ารู้สึกสงสัยเล็กน้อย เรือนหลังใหญ่และห้องหนังสือของเจ้า เหตุใดเซี่ยยวี่หลัวถึงไม่ชิงเข้ามาอยู่เอง? ” เซียวยิงคิดอยู่นานก็ยังไม่เข้าใจ เว้นเสียแต่จะมีความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง
“เจ้ากับเซี่ยยวี่หลัว คงไม่ใช่ว่าแยกทางกันจริงกระมัง? ” เซียวยิงเอ่ยถาม
ต้องรู้ว่า สตรีผู้นั้นเย่อหยิ่งยโส อยากให้เซียวยวี่สอบผ่านได้เป็นซิ่วไฉหรือจวี่เหริน ต่อไปนางจะได้เป็นฮูหยินขุนนาง แต่ซิ่วไฉหรือจวี่เหรินเป็นสิ่งที่จะสอบผ่านได้อย่างง่ายดายที่ไหนกัน!
คราวนี้เซียวยวี่สอบไม่ผ่าน คาดว่าสตรีผู้นั้นคงโมโหถึงขีดสุด จึงไปแล้ว
เซียวยวี่อ้าปากกำลังคิดอยากอธิบาย ก็ได้ยินเซียวยิงกล่าวต่อ “แยกทางกันก็ดี เซี่ยยวี่หลัวนั่นไม่รู้หนังสือ ยโสโอหัง ทั้งยังหยิ่งผยอง เห็นแก่ตัว ควรจะหย่าขาดกับนางแต่เนิ่นๆ เสีย”
เซียวยวี่กะพริบตาปริบๆ มองคนที่เดินมาหาตรงหน้า
“คนอย่างเซี่ยยวี่หลัว ถึงแม้จะหน้าตางดงาม แต่จิตใจชั่วร้าย พวกเจ้าไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน หย่าขาดเสียแต่เนิ่นๆ ต่อไปต่างคนต่างไป ไม่ข้องเกี่ยวกันอีก เจ้าเองก็ต้องพยายามให้มากขึ้น นางรังเกียจที่พวกเราสอบไม่ผ่านไม่ใช่หรือ? พวกเราก็ต้องสอบให้ผ่าน ให้นางนึกเสียใจจนตาย! ”
เซี่ยยวี่หลัวเดินมา ได้ยินเสียงที่ว่ากล่าวตัวเอง จึงไหวคิ้วทีหนึ่ง
เซียวยวี่มองเซียวยิงที่กำลังพูดจาอย่างฉะฉาน ก่อนหันมองเซี่ยยวี่หลัวที่กำลังเดินมา “…”
“ครั้งนี้ถึงแม้เจ้าจะสอบไม่ผ่าน แต่อย่าได้ถอดใจ อย่าได้ท้อแท้ ข้ากับหัวหน้าหมู่บ้านล้วนเชื่อเจ้า ขอเพียงเจ้าสอบต่อ ปีหน้าต้องสอบผ่านแน่นอน! เจ้าอย่าได้ถอดใจเพราะเรื่องอื่นเชียว เจ้ารักการเล่าเรียนมากที่สุดไม่ใช่หรือ? ”
เซียวยวี่ “พี่เซียวยิง…” เรื่องที่เขาไม่อยากเล่าเรียนแล้ว มีเพียงหัวหน้าหมู่บ้านคนเดียวที่รู้ บัดนี้เซียวยิงก็รู้แล้วเช่นกัน ดูท่าหัวหน้าหมู่บ้านยังไม่ยอมตัดใจ จึงไหว้วานให้เซียวยิงมาเกลี้ยกล่อม!
เซียวยิงนำเงินสิบตำลึงออกมาจากอกเสื้อ ก่อนกล่าว “นี่เป็นเงินสิบตำลึง เจ้าเก็บไว้ให้ดี แต่สตรีผู้ชั่วร้ายอย่างเซี่ยยวี่หลัวไม่อยู่บ้านนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเก็บซ่อนไว้ เจ้าตั้งใจร่ำเรียน ข้าเชื่อว่าปีหน้าเจ้าต้องสอบผ่านแน่นอน อย่าได้ถอดใจ”
เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวคิดอยากแกล้งเซียวยิงที่พูดจานินทาลับหลังให้ตกใจเสียหน่อย แต่พอได้ยินว่าเซียวยิงมาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เซียวยวี่เล่าเรียนต่อ เซี่ยยวี่หลัวจึงล้มเลิกความคิดนี้
สิ่งที่เซียวยิงกล่าวถึง ล้วนเป็นเซี่ยยวี่หลัวในอดีต นางจะโมโหไปทำไม!
ถึงอย่างไร เซียวยิงก็กล่าวได้ไม่ผิด
เซี่ยยวี่หลัวในอดีตเห็นแก่ตัว ยโสโอหัง ทั้งยังหยิ่งผยอง ไม่รู้หนังสือ…
เซียวยวี่ละสายตาจากเงินสิบตำลึง มองไปทางเซี่ยยวี่หลัวที่อยู่ด้านหลังเซียวยิง เหมือนกำลังอ้อนวอนนางว่าอย่าได้ถือโทษเซียวยิง
คนผู้นี้เป็นสหายที่ดีของเซียวยวี่ คิดเผื่อเซียวยวี่ เซี่ยยวี่หลัวจะถือโทษเซียวยิงเพียงเพราะเซียวยิงว่ากล่าวเจ้าของร่างเดิมได้อย่างไร?
เซี่ยยวี่หลัวแสยะปากแย้มรอยยิ้ม “เซียวยวี่ แขกผู้นี้คือ…”
พอได้ยินเสียงใสกังวานหวานละมุนจากด้านหลัง เซียวยิงกล่าวด้วยความตื่นเต้น “เจ้านี่นะ เก็บซ่อนไว้ไม่ยอมให้เปิด คราวนี้ข้าจะได้ดูดีๆ…” เซียวยิงตบมือเซียวยวี่เบาๆ ก่อนกล่าวต่อ ราวกับกำลังปลอบโยนเซียวยวี่ “ใต้หล้านี้คนที่จะมีรูปลักษณ์เทียบเซี่ยยวี่หลัวได้ เกรงว่าคงหาคนที่สองได้ยาก แต่ใต้หล้านี้คนที่อุปนิสัยดีกว่าเซี่ยยวี่หลัว เรียกว่าคว้าทีเดียวก็ได้เป็นตะกร้า อายวี่ การดูคนนั้น จะถูกตาต้องใจแค่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้ ยังต้องดูอุปนิสัยภายใน ดูว่าถูกชะตาหรือไม่”
เซียวยวี่ส่ายหน้าพร้อมยิ้มขม
เซียวยิงหันหลัง ไม่ได้คาดหวังว่าจะเห็นใบหน้าที่งดงามสักเท่าไร
ถึงอย่างไร เซียวยวี่ก็เห็นรูปลักษณ์งดงามไร้ที่ติของเซี่ยยวี่หลัวมามาก เกรงว่าสตรีอื่นๆ คงดูธรรมดา
ยามสายตามองทอดไปที่ใบหน้าเซี่ยยวี่หลัว รอยยิ้มบนใบหน้าเซียวยิงพลันแข็งทื่อ
เซี่ยยวี่หลัว?
เซียวยิงเบิกตากว้างจ้องมองเซี่ยยวี่หลัว เพียงคิดว่าสตรีที่ถูกหย่าขาดผู้นี้มาหาเรื่องเซียวยวี่ถึงบ้านหรือไม่ กลับเห็นเซี่ยยวี่หลัวยิ้มพลางเดินไปข้างกายเซียวยวี่
เซียวยวี่ขยับออกด้านข้างเล็กน้อย ให้เซี่ยยวี่หลัวนั่งบนฟูก ตัวเขาเองนั่งบนพื้นเย็นข้างๆ
นี่ยังไม่เท่าไร เซียวยวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดุจสายน้ำ “กระหายหรือไม่? ”
เรื่องที่ทำให้รู้สึกผิดคาดคือ เซี่ยยวี่หลัวที่แต่ก่อนกล่าวไม่ถึงสองประโยคก็เปลี่ยนเป็นตะคอกกลับ…
“อืม กระหายแล้ว! ” น้ำเสียงของเซี่ยยวี่หลัวราวกับแฝงเร้นด้วยน้ำผึ้ง ทั้งยังเหมือนจะแฝงเร้นด้วยความออดอ้อน
เซียวยวี่รินน้ำเปล่าเล็กน้อย ยื่นไปยังปากเซี่ยยวี่หลัว
เซี่ยยวี่หลัวไม่อยากถือเอง จึงดื่มน้ำในถ้วยตามมือเซียวยวี่ที่ป้อนให้จนหมด
นี่ยังเป็นเซี่ยยวี่หลัวคนเดิมหรือไม่…
นางกับเซียวยวี่ คุยกันเพียงสองถึงสามประโยคก็ต้องมีปากเสียงกันไม่ใช่หรือ คนหนึ่งโวยวายไม่หยุด อีกคนทำสีหน้าบึ้งตึงเงียบขรึมไม่กล่าวอะไร อาละวาดจนในบ้านวุ่นวายทุกสามวันห้าวันไม่ใช่หรือ?
แต่ในตอนนี้ เซี่ยยวี่หลัวที่อ่อนโยนดูเป็นกุลสตรี กับเซียวยวี่ที่ใบหน้าฉายประกายความรักลึกซึ้ง…
ปฏิสัมพันธ์ที่แฝงเร้นด้วยความรักลึกซึ้งระหว่างทั้งสองคน ดวงหน้าเผยความอ่อนโยนอย่างเป็นธรรมชาติ มาบัดนี้ เซียวยิงยังจะมีอะไรไม่เข้าใจอีก!
อาหลัว เซี่ยยวี่หลัว ก็คือหลัวเดียวกันไม่ใช่หรือ!
เซี่ยยวี่หลัวไม่อยากถือเอง จึงดื่มน้ำที่เซียวยวี่ป้อนให้ถึงสามถ้วย
เซียวยวี่อยากให้เซี่ยยวี่หลัวรบกวนตัวเองเสียยิ่งกว่าอะไร ทั้งยังอยากให้นางดื่มน้ำเช่นนี้ไปชั่วชีวิต ยามมองไปทางเซี่ยยวี่หลัว เบื้องลึกแววตาเต็มไปด้วยความรักลึกซึ้งและอ่อนโยน เห็นแล้วน่าอิจฉา
เซี่ยยวี่หลัวน้ำเสียงอ่อนหวาน “ชานี่อร่อยหรือไม่? ”
เซียวยวี่พยักหน้า “อืม อร่อย” ขอเพียงเป็นของที่เจ้าเตรียม ล้วนแต่อร่อย
เซี่ยยวี่หลัวยิ้ม “เช่นนั้นปีหน้าข้าจะตากเพิ่มอีกหน่อย เจ้าอ่านตำราจนเหนื่อยแล้ว ก็ดื่มเจ้านี่ให้มากเพื่อช่วยบำรุงสายตา”
เซียวยวี่ยิ้มพลางพยักหน้า ท่าทางอ่อนโยนดุจสายน้ำตลอด
พวกเขาสองคนพูดคุยกันหลายประโยคแล้ว ไม่เห็นจะมีปากเสียงกันเลย!
เซียวยิงคลำจมูก เวลานี้เขารู้สึกวางตัวไม่ถูกเอาเสียเลย
เมื่อครู่นี้ เขานินทาเซี่ยยวี่หลัวลับหลังไว้ไม่น้อย เกรงว่าคงถูกนางรังเกียจแล้ว