ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 14 บทที่ 401 เหมือนจะละเลยเซียวยวี่ไป
เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยชมไม่หยุด “จื่อเมิ่งของข้าเป็นเด็กดีเสียจริง! ตอนกลางคืนพี่สะใภ้ใหญ่จะเล่านิทานให้เจ้าฟังสองเรื่อง ชดเชยของเมื่อคืนด้วย ดีหรือไม่? ”
เซียวจื่อเมิ่งได้ฟังดังนั้นก็ประคองใบหน้าเซี่ยยวี่หลัวก่อนจุมพิตทีหนึ่ง…
เซียวยวี่ “…” จุมพิตอะไรกัน นั่นเป็นของเขา!
“พี่สะใภ้ใหญ่ เมื่อคืนข้าไม่ได้นอนกับท่าน คืนนี้ข้าจะนอนกับท่านเจ้าค่ะ! ”
“ได้สิ เช่นนั้นกลางคืนนอนกับพี่สะใภ้ใหญ่! ” เซี่ยยวี่หลัวตอบตกลงโดยไม่คิดเสียด้วยซ้ำ
เซียวยวี่ “…” อยากกระอักเลือดนัก จู่ๆ ก็ไม่อยากให้อาหลัวกลับมาแล้ว อยู่ในตัวเมืองยังดีเสียกว่า เขาสามารถไปหาได้ ทั้งสองคนจะได้นอนด้วยกัน
ไม่เหมือนตอนนี้ ไม่ว่าใครก็คิดจะแย่งอาหลัวกับเขา
ทั้งที่อาหลัวเป็นของเขา!
อาหารเย็นวันนี้ เซียวยวี่กินอย่างอัดอั้นใจ หลังกินอาหารเย็น เซียวจื่อเมิ่งก็ดึงเซี่ยยวี่หลัวกลับห้องไป บอกว่าจะให้พี่สะใภ้ใหญ่ดูตัวหนังสือที่นางฝึกเขียนในช่วงสองวันนี้ หลังจากนั้นก็ให้พี่สะใภ้ใหญ่อาบน้ำให้นาง อาบเสร็จแล้วก็ให้พี่สะใภ้ใหญ่เล่านิทาน เล่านิทานเสร็จแล้วก็จะให้นอนด้วย!
ตั้งแต่เซียวยวี่ได้พบเซี่ยยวี่หลัวตอนกินข้าว แยกจากกันในห้องโถง ก็ไม่ได้พบเซี่ยยวี่หลัวอีกเลย
เขาอ่านตำราอยู่ในห้องหนังสือเพียงลำพัง ได้ยินเสียงหัวเราะของเซียวจื่อเมิ่งและเซียวจื่อเซวียนดังมาจากห้องข้างๆ ทำให้เขายิ้มไม่ออก
ทั้งที่แยกจากยาวนานสัมพันธ์จะแน่นแฟ้นกว่าตอนเพิ่งแต่งงาน คนที่นางอยู่ด้วยควรเป็นเขากระมัง?
เซียวยวี่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจนัก รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเป็นพิเศษ
หลังจากเล่านิทานเสร็จสองเรื่อง เล่นกับเด็กสองคนครู่หนึ่ง ก็ถึงช่วงค่ำแล้ว เซียวจื่อเมิ่งใช้มือปิดปากพลางหาว เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าควรพักผ่อนได้แล้ว
เซียวจื่อเมิ่งเชื่อฟังว่าง่าย กอดเซี่ยยวี่หลัวถึงจะยอมนอนลง
เซี่ยยวี่หลัวได้แต่เอนตัวลงนอน หลังจากดับไฟแล้วจึงเอ่ยถามเซียวจื่อเมิ่ง “เหตุใดต้องจับมือพี่สะใภ้ใหญ่แล้วถึงยอมนอน! ”
เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยท่าทางอัดอั้นใจ “ข้ากลัวว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะหนีไปกลางดึกเจ้าค่ะ”
“เด็กโง่ ข้าจะไปที่ไหนได้! ข้าก็อยู่ตลอดไม่ใช่หรือ? ” เซี่ยยวี่หลัวไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเด็กคนนี้
“ไม่เจ้าค่ะ มีวันหนึ่งข้าเห็นพี่สะใภ้ใหญ่นอนอยู่ในห้องของพี่ใหญ่! ” เซียวจื่อเมิ่งกล่าวด้วยท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจ “พี่ใหญ่โตขนาดนั้น ไม่ใช่เด็กเล็กเสียหน่อย เขาตื่นกลางดึกก็ไม่กลัวความมืด ทำไมต้องให้พี่สะใภ้ใหญ่นอนด้วยเจ้าคะ ข้ายังเล็กขนาดนี้ จึงต้องมีพี่สะใภ้ใหญ่นอนด้วยเจ้าค่ะ! ”
เซี่ยยวี่หลัวอยากหัวเราะ ได้ยินจากปากเซียวจื่อเมิ่งว่าเซียวยวี่ไม่ใช่เด็กเล็ก ช่างทำให้รู้สึก…
ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“ได้ได้ได้ พี่สะใภ้ใหญ่จะไม่ไปไหน นอนอยู่กับจื่อเมิ่ง เด็กโง่ รีบนอนได้แล้ว รีบเติบโตขึ้น โตเมื่อไหร่ก็ไม่กลัวความมืดแล้ว”
เซียวจื่อเมิ่งกะพริบตาปริบๆ ยามค่ำคืนต้องใช้เวลาครู่ใหญ่ถึงจะมองเห็นดวงตาของพี่สะใภ้ใหญ่ที่อยู่ข้างกายอย่างชัดเจน ดวงตานางสว่างสดใส
“พี่สะใภ้ใหญ่ หากจื่อเมิ่งโตแล้ว ยังนอนกับท่านได้หรือไม่เจ้าคะ? ”
เซี่ยยวี่หลัวส่ายหน้า “ย่อมไม่ได้”
“เพราะอะไรเจ้าคะ?” เซียวจื่อเมิ่งกัดริมฝีปาก น้อยอกน้อยใจจนแทบจะร้องไห้ในเสี้ยววินาทีถัดไป
“เพราะหลังจากจื่อเมิ่งเติบใหญ่แล้ว ก็จะมีอีกคนหนึ่งที่รักเจ้า คอยปกป้องอยู่ข้างกายเจ้า เจ้าจะมีคนที่ทั้งรักและเอ็นดูเจ้า ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือค่ำคืน เขาก็จะอยู่ข้างกายคอยปกป้องเจ้า ให้เจ้าไม่ต้องกลัวอีกต่อไป! ”
เซียวจื่อเมิ่งฟังแล้วเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ยังไม่เข้าใจ “พี่สะใภ้ใหญ่ คนที่จะปกป้องท่านคือพี่ใหญ่หรือเจ้าคะ? ”
“ใช่แล้ว! ” เซี่ยยวี่หลัวยอมรับ!
เซียวจื่อเมิ่ง “เช่นนั้นคนๆ นั้นในอนาคต ก็จะปกป้องข้าเหมือนที่พี่ใหญ่ปกป้องพี่สะใภ้ใหญ่หรือเจ้าคะ? ”
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้า “แน่นอน เจ้าต้องหาคนที่ดีต่อเจ้าที่สุดพบแน่ เขาจะดูแลปกป้องเจ้าแทนพี่สะใภ้ใหญ่! ”
เซียวจื่อเมิ่งกัดริมฝีปาก คิดถึงพี่ใหญ่ ก่อนหวนคิดถึงพี่สะใภ้ใหญ่ จู่ๆ ก็เหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมา!
“พี่สะใภ้ใหญ่ ต่อไปข้าจะนอนกับท่านเป็นประจำไม่ได้แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ? ” เซียวจื่อเมิ่งเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“เพราะเหตุใดเล่า? ขอเพียงจื่อเมิ่งยินยอมนอนกับพี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ก็จะนอนกับจื่อเมิ่ง! ” เซี่ยยวี่หลัวลูบท้ายทอยเด็กตัวเล็ก ยิ้มพร้อมกล่าว
เซียวจื่อเมิ่งส่ายหน้า ก่อนกล่าว “ข้ายังเด็กเกินไป ไม่อาจปกป้องพี่สะใภ้ใหญ่ได้! พี่ใหญ่สามารถปกป้องพี่สะใภ้ใหญ่ได้เจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นเด็กคนนี้ว่าง่ายรู้ความ เซี่ยยวี่หลัวก็รู้สึกปลงอนิจจัง
หากแต่เด็กก็ยังคงเป็นเด็ก ต่อให้ว่าง่ายรู้ความ ก็ยังมีบางสิ่งที่รู้ว่าไม่อาจได้มาแต่ก็ยังอยากได้ ฝืนเก็บซ่อนไว้ในเบื้องลึกจิตใจ กลับไม่อาจลืมเลือนไปได้
เซียวจื่อเมิ่งขดตัว ขดเข้าไปในอ้อมอกเซี่ยยวี่หลัว เบ้ปากพร้อมกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ายังคงอยากนอนกับท่านเจ้าค่ะ! ”
เซี่ยยวี่หลัวหัวใจอ่อนยวบ “ได้ รอให้จื่อเมิ่งกล้านอนคนเดียวเมื่อไร พี่สะใภ้ใหญ่ถึงจะไม่นอนกับเจ้า ดีหรือไม่? ”
เซียวจื่อเมิ่งยิ้มทั้งน้ำตา “พี่สะใภ้ใหญ่ จริงหรือเจ้าคะ? ”
“จริงแน่นอน คำพูดของพี่สะใภ้ใหญ่ ไม่เป็นจริงตั้งแต่เมื่อใดกัน? ” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว
เซียวจื่อเมิ่งที่ได้รับคำตอบอย่างมั่นอกมั่นใจของพี่สะใภ้ใหญ่รู้สึกดีใจเสียยิ่งกว่าอะไร พูดคุยกับเซี่ยยวี่หลัวอีกพักใหญ่ ก่อนจะหลับสนิท
เซี่ยยวี่หลัวนอนไม่หลับ โอบกอดเซียวจื่อเมิ่งไว้ในอ้อมอก จู่ๆ ก็คิดถึงเซียวยวี่ที่กอดนางนอน…
นอกจากระหว่างทางกลับที่นางกับเซียวยวี่ได้พูดคุยพบหน้ากัน ตั้งแต่กลับถึงบ้าน พวกเขาก็ไม่เคยคุยกันอีกแม้แต่ประโยคเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทำเรื่องอื่น!
จู่ๆ ภายในใจเซี่ยยวี่หลัวก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
นางกลับมา เขาเดินไปไกลถึงเพียงนั้นเพื่อรับนาง ลองคิดดู เขาน่าจะตั้งตารอคอยที่จะได้พบนางมากกระมัง?
ไม่รู้ว่าตอนนี้เซียวยวี่นอนหรือยัง? แต่ดูจากสภาพตอนนี้…
เซี่ยยวี่หลัวมองดูเซียวจื่อเมิ่งในอ้อมอกที่ดึงเสื้อนางไว้ ขอเพียงนางเคลื่อนไหว เด็กคนนี้ต้องสัมผัสได้แน่ คิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้แต่ปล่อยไป รอดูว่าเด็กคนนี้จะพลิกตัวเมื่อใดแล้วกัน พลิกตัวเมื่อใดนางค่อยไปดูเซียวยวี่
คืนนี้เหมือนนางจะละเลยเขาเสียแล้ว
ยามนี้เซียวยวี่ที่ถูกละเลยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียยิ่งกว่าอะไร อ่านตำราเขียนหนังสืออยู่ในห้องหนังสืออย่างน่าสงสาร ไม่ง่ายเลยกว่าจะบีบบังคับให้ตัวเองอ่านตำราและเขียนหนังสือในส่วนของวันนี้จนเสร็จ จากนั้นเซียวยวี่จึงรู้สึกหงุดหงิดตัวเอง!
ยังดีที่เขาและอาหลัวยังมีช่วงเวลาที่อยู่บนรถม้า มิเช่นนั้น เขาคงรู้สึกน้อยอกน้อยใจแทบตาย
อาเซวียนโตแล้ว นอนคนเดียวได้ ย่อมไม่มาแย่งอาหลัวกับเขา แต่กลับยังมีอาเมิ่งอีกคน!
อาเมิ่งอายุหกขวบ ถือว่าไม่เล็กแล้ว ควรจะนอนคนเดียวได้แล้ว!
คิดถึงในอดีต เขายังไม่เคยนอนกับบิดามารดาเลย!
เซียวยวี่ใช้มือเท้าคาง ครุ่นคิดเรื่องของเซียวจื่อเมิ่งอยู่ตลอด ควรใช้ข้ออ้างใด ให้นางนอนคนเดียว!
ทางด้านเซี่ยยวี่หลัว หลังจากตื่นนอน เซียวจื่อเมิ่งที่อยู่ข้างๆ ก็กลิ้งไปอีกทางแล้ว
เมื่อเห็นเด็กคนนี้นอนดิ้นไม่เป็นท่า เซี่ยยวี่หลัวได้แต่ส่ายหน้าพลางยิ้มขม หยิบผ้านวมมาห่มท้องน้อยที่เปิดโล่งไว้ จากนั้นจึงลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบ
สวรรค์ทรงโปรด เอาใจคนตัวเล็กเสร็จ ยังต้องไปเอาใจคนตัวโตอีก รู้สึกกดดันเสียจริง!