ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 14 บทที่ 414 เล่าเรื่องตลกหยอกเด็กให้ร่าเริง
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 14 บทที่ 414 เล่าเรื่องตลกหยอกเด็กให้ร่าเริง
เซียวจื่อเซวียนเบ้ปากมองดูเนื้อปลาในชาม แม้จะเป็นเนื้อปลาเช่นเดียวกัน แต่เขารู้ว่าเนื้อส่วนท้องปลานั้นดีที่สุด
เขารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเล็กน้อย เขาอายุมากกว่าน้องสาวเพียงสองปี น้องสาวได้ แต่เขากลับไม่ได้
พี่ใหญ่ยังบอกอีกว่า เขาโตแล้ว ไม่จำเป็นต้องดูแลอย่างละเอียดถึงเพียงนั้น
เกรงว่าเขาคงไม่ใช่น้องชายแท้ๆ ของพี่ใหญ่ แต่เป็นเด็กที่ถูกเก็บกลับมาจากข้างนอกกระมัง เหตุใดถึงต่างกับจื่อเมิ่งราวฟ้ากับดินเล่า!
เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งคีบเนื้อปลาออกไปชิ้นหนึ่ง ชิ้นที่สองคงคีบออกไปอีกไม่ได้ หากคีบออกไป ท่านราชบัณฑิตน้อยต้องไม่พอใจแน่ เขาคีบก้างปลาออกให้นางสองชิ้นแล้ว
อย่าทำตัวไม่ไว้หน้าถึงเพียงนั้นเลย
เซี่ยยวี่หลัวจึงได้แต่กินเสีย
เนื้อส่วนท้องปลาอ่อนนุ่มที่สุด ทั้งยังได้เซียวยวี่ช่วยคีบก้างปลาออกให้หมดแล้ว อร่อยเป็นที่สุด
ระหว่างที่กินอยู่ จู่ๆ เซี่ยยวี่หลัวก็ครุ่นคิดจนเข้าใจเรื่องหนึ่ง
นางอายุมากกว่าเซียวจื่อเซวียนถึงเจ็ดปี นางโตถึงเพียงนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องดูแลอย่างละเอียดถึงเพียงนี้เช่นเดียวกันมิใช่หรือ!
เมื่อเห็นท่าทางน้อยอกน้อยใจของเซียวจื่อเซวียน เซี่ยยวี่หลัวก็ไม่อาจทนดูดายได้ เช่นนี้เท่ากับสร้างรอยแผลในใจให้เด็กไม่ใช่หรือ?
แต่ยังมีเรื่องที่สร้างรอยแผลในใจให้เซียวจื่อเซวียนยิ่งกว่า
ขอเพียงเป็นของอร่อย ของที่เซี่ยยวี่หลัวชอบกิน เขาจะคีบส่วนที่ดีที่สุดไปวางในชามของนาง เซียวจื่อเมิ่งยังมีเซี่ยยวี่หลัวคอยดูแล ส่วนเขา…
ถูกคนเหล่านี้เมินใส่โดยสมบูรณ์!
พี่ชายไม่รักเขาแล้ว จากนั้นก็บอกพี่สะใภ้ใหญ่ว่าเขาเป็นเด็กผู้ชาย อย่าดูแลเอาใจใส่มากเกินไป พี่สะใภ้ใหญ่ก็ไม่ดูแลเขาแล้ว
จู่ๆ ก็นึกเสียใจที่ตัวเองเป็นเด็กผู้ชาย หากเป็นเด็กผู้หญิง คงดีไม่น้อย!
ถึงแม้จะน้อยเนื้อต่ำใจ แต่เรื่องที่ได้กินข้าวข้างนอกยังคงทำให้ความรู้สึกน้อยอกน้อยใจเพียงน้อยนิดนั่นสลายหายไป
พี่สะใภ้ใหญ่บอกแล้ว ว่ากินข้าวเสร็จจะพาพวกเขาไปเที่ยวเล่นที่อื่น วันนี้ตามพี่ใหญ่มาถือว่าคุ้มแล้ว
ดังนั้นจึงกินอาหารอย่างมีความสุขต่อ
เซี่ยยวี่หลัวเป็นคนอารมณ์ดี แม้แต่ระหว่างกินอาหาร ก็มีเรื่องที่ทำให้มีความสุขมากมาย คำกล่าวที่ว่ากินไม่พูดนอนไม่คุย ใช้ไม่ได้กับนาง
นางคิดมาตลอด ว่าการที่ทั้งครอบครัวสามารถอยู่ร่วมกันได้ถือเป็นวาสนา ปกติทุกคนงานยุ่ง ไม่ง่ายเลยที่จะได้อยู่ด้วยกันและกินอาหารอย่างมีความสุข เหตุใดจึงต้องเข้มงวดเย็นชาเช่นนั้นด้วย?
เซียวยวี่เองก็ลืมคำกล่าวที่ว่ากินไม่พูดนอนไม่คุยไปโดยสิ้นเชิง ยามเห็นเซี่ยยวี่หลัวเอื้อนเอ่ยวาจาด้วยสีหน้ามีความสุข เขาเองก็คล้อยตาม ทั้งสี่คนกินอาหารอย่างมีความสุข ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนไม่น้อย
“ครอบครัวนี้เป็นใครกัน? เหตุใดจึงไม่เคยเห็นมาก่อน? ” ลูกค้าที่กำลังกินอาหารอยู่ข้างๆ เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ครอบครัวนี้รูปลักษณ์หน้าตาดูดีเสียจริง สตรีงดงามดุจเทพธิดา บุรุษผู้นั้นก็หล่อเหลาราวกับเทพเซียน ช่างดูดียิ่งนัก”
“เด็กสองคนนั้นก็หน้าตาดี ดูเด็กผู้ชายนั่นสิ หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับบุรุษผู้นั้นนัก หรือจะเป็นพ่อลูกกัน? ”
“พ่อลูก? ข้าคิดว่าบุรุษผู้นั้นอายุเพียงสิบเจ็ดถึงสิบแปดปี จะมีลูกตัวโตขนาดนี้ได้อย่างไร อาจเป็นพี่น้องก็ได้! ”
“พวกเขากำลังคุยอะไรกันอยู่? พูดคุยอย่างมีความสุขกันใหญ่ ดูสิ หัวเราะอย่างเบิกบานใจถึงเพียงนั้น! ”
“จริงด้วย เห็นพวกเขาหัวเราะ ข้าก็กินข้าวเพิ่มได้อีกสองชามเลยทีเดียว”
ข้างๆ มีลูกจ้างหนุ่มกำลังรินสุราอยู่พอดี ลูกค้าพวกนั้นยุยงให้ลูกจ้างเดินเข้าใกล้เพื่อแอบฟัง
ตัวลูกจ้างหนุ่มเองก็รู้สึกสงสัยยิ่งนัก จึงขานรับ แสร้งทำเป็นมีงานต้องทำ แอบฟังอยู่ข้างๆ
ในจังหวะนี้เอง เส้นผมของเซียวจื่อเซวียนกำลังจะหล่นลงไปในน้ำแกง เซี่ยยวี่หลัวรีบจับเส้นผมไว้ ให้เขารวบผมให้ดี แต่พอก้มหน้า เส้นผมก็ร่วงลงมาอีก
เซียวจื่อเซวียนรู้สึกหงุดหงิด เซี่ยยวี่หลัวจึงยิ้มพลางเล่าเรื่องตลกให้เขาฟัง “นานมาแล้วมีคนผู้หนึ่ง ตอนกินข้าวไม่ได้ผูกผ้าโพกหัวไว้ดีๆ แถบผ้าด้านบนมักจะร่วงลงไปในชาม เขาจึงใช้มือดึงขึ้นไปคาดไว้ แถบผ้ากลับร่วงลงมาอีก คาดไว้อีกครั้งก็ร่วงอีกครั้ง คนผู้นั้นโมโหแทบแย่ จึงดึงผ้าโพกหัวลงมา ปาใส่ชามอย่างรุนแรง พลางตะคอกเสียงดัง ‘เจ้ากินเองเถิด ข้าไม่กินแล้ว’ ”
เซียวยวี่ส่งเสียงหัวเราะดัง “พรืด” หันมองเซียวจื่อเซวียน และแล้วอารมณ์หงุดหงิดโมโหของเซียวจื่อเซวียนก็พลันหายไปในทันที ไม่โมโหแล้ว ทั้งยังหัวเราะตามด้วยเสียอีก
อาหารอร่อยถึงเพียงนี้ เขายังกินไม่อิ่มเลย ทำไมต้องให้เส้นผมกินด้วย!
ยิ่งไปกว่านั้น เส้นผมของเขาก็ไม่เหมือนกับผ้าโพกหัว ดึงลงมาไม่ได้!
เมื่อครู่ลูกจ้างหนุ่มเห็นว่าเส้นผมของเซียวจื่อเซวียนมักจะร่วงลงมา และเห็นกับตาว่าเด็กผู้ชายตัวน้อยมีท่าทางหงุดหงิด ก่อนหันมองเซี่ยยวี่หลัวที่พูดเรื่องตลกจนเด็กผู้ชายร่าเริง ลูกจ้างหนุ่มเองก็ฟังเรื่องราวของฮูหยินท่านนี้จนนึกขำขันเช่นกัน
ลูกจ้างหนุ่มไม่กล้าหัวเราะเสียงดังต่อหน้าลูกค้า ได้แต่กลั้นหัวเราะด้วยสีหน้าแปลกพิลึก วิ่งไปอีกทางหนึ่ง ลูกค้าโต๊ะนั้นยังรอเขากลับมาอยู่ เห็นเขาเดินไปด้วยสีหน้าแปลกพิลึก ก็รู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก “นี่มันสีหน้าท่าทางอะไรกัน? ได้ยินเรื่องอะไรเข้า ถึงได้มีท่าทางเช่นนี้? ”
ซ่งฝูพบกับลูกจ้างหนุ่มผู้นั้นเข้าพอดี เห็นท่าทางแปลกพิลึกของลูกจ้างหนุ่ม ก็รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจนัก “เจ้าเป็นอะไรไป? ทำไมถึงมีสีหน้าเช่นนี้? ”
ในที่สุดลูกจ้างหนุ่มก็กลั้นไม่ไหว ส่งเสียงหัวเราะลั่น หัวเราะจนซ่งฝูรู้สึกฉงนสงสัย “เจ้าทำอะไร? ”
ลูกจ้างหนุ่มเองก็ไม่กล้าบอกว่าตัวเองจงใจแอบฟังลูกค้าคุยกัน ได้แต่บอกว่าได้ยินโดยบังเอิญ ก่อนเล่าเรื่องเมื่อครู่ ซ่งฝูฟังแล้วก็นึกขำขันตาม “มีเรื่องตลกเช่นนี้ด้วยหรือ? เจ้าเห็นจริงหรือ ว่าเส้นผมของเด็กผู้ชายนั่นร่วงลงไปในชาม พี่สะใภ้ใหญ่ของเขาจึงเล่าเรื่องตลกจนเขาเบิกบานใจ? ”
“จริงขอรับ เด็กผู้ชายตัวน้อยนั่นเส้นผมร่วงลงไปหลายครั้ง จะโมโหอยู่แล้ว พี่สะใภ้ใหญ่ของเขาจึงเล่าเรื่องตลกให้ฟัง เด็กคนนั้นก็หัวเราะตาม ไม่โมโหสักนิด! ”
ซ่งฝูให้เขาไปทำงานต่อ ตัวเองเดินวนหนึ่งรอบ ก่อนกลับไปยังด้านหลังโต๊ะคิดเงิน ซ่งฉางชิงกำลังนั่งเหม่ออยู่ตรงนั้น ซ่งฝูเดินไป ผ่านไปครู่ใหญ่เขาก็ยังไม่เห็น
“คุณชาย ท่านไม่สบายตรงไหนใช่หรือไม่ขอรับ? ” ระยะนี้ไม่รู้ว่าคุณชายเป็นอะไร สีหน้าค่อนข้างเศร้าหมอง พูดคุยน้อยมาก ทั้งยังแทบไม่เห็นรอยยิ้มของเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าอารมณ์ไม่ดี หรือว่าอากาศร้อนเกินไป
ซ่งฉางชิงส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไร! ”
คุณชายอารมณ์ไม่ดีหรอกหรือ!
ซ่งฝูคิดอยากหยอกคุณชายของเขา “คุณชาย ท่านคงไม่รู้ว่า เมื่อครู่นี้มีลูกจ้างคนหนึ่งได้ยินฮูหยินเซียวเล่านิทานโดยบังเอิญ”
ตอนลูกจ้างหนุ่มบอกเล่าให้ซ่งฝูฟัง ก็เลียนแบบสีหน้าท่าทางและน้ำเสียงของเซี่ยยวี่หลัวได้เหมือนมาก ซ่งฝูจึงเลียนแบบตาม ตะคอกเสียงแหลม “เจ้ากินเองเถอะ ข้าไม่กินแล้ว! พรืด…”
เล่าจบ ซ่งฝูกลับหัวเราะเสียเอง
ซ่งฉางชิงมองซ่งฝูแวบหนึ่ง สีหน้าท่าทางไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
ซ่งฝูเอ่ยขึ้น “…คุณชาย ข้าไปทำงานก่อนขอรับ” เขารีบวิ่งไปราวกับข้างหลังมีภูตผีก็มิปาน ประหนึ่งเกรงว่าหากตัวเองเดินช้าไปแม้เพียงก้าวเดียว คุณชายจะต้องตำหนิเขาอีกเป็นแน่
มีเด็กคนหนึ่งรู้สึกหงุดหงิดใจ นางจึงเล่าเรื่องตลกหยอกเด็กจนหัวเราะอย่างร่าเริง
นอกจากนั้น ยังเอาใจใส่ถึงเพียงนี้
ซ่งฉางชิงไม่ได้พบเด็กสองคนที่ตามอยู่ข้างกายนางมานานมากแล้ว