ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 14 บทที่ 417 คืนนี้ช่างครึกครื้นนัก
ช่วงกลางวันทัศนวิสัยดี คนหนึ่งเงยหน้ามอง ส่วนอีกคนก้มหน้ามอง ทั้งคู่สามารถเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายได้อย่างแจ่มแจ้งและชัดเจน
ในดวงตาของอีกฝ่าย มีแต่ภาพสะท้อนของตัวเอง และมีได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
“อายวี่…” จู่ๆ เซี่ยยวี่หลัวก็กล่าวขึ้น
เซียวยวี่ขานตอบทีหนึ่ง “มีอะไรหรือ? ”
“อยากให้เด็กสองคนนี้โตขึ้นเร็วๆ เสียจริง! ” เช่นนั้นก็จะไม่คั่นอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขาอีก พวกเขาอยากทำอะไร ก็สามารถทำได้! ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังทำอะไรไม่ได้เลยก็ตาม!
เซี่ยยวี่หลัวกล่าวประโยคนี้ด้วยความขวยเขิน จากนั้นจึงชักมือตัวเองกลับ พลิกตัวทีหนึ่ง หันหลังให้เซียวยวี่
เซียวยวี่ “…”
เขาหันไปมองเซียวจื่อเซวียนที่หลับสนิทราวกับสุกรแวบหนึ่ง ก่อนค้ำตัวขึ้นมองเซียวจื่อเมิ่งที่นอนดิ้นแรงจนกลิ้งเข้าไปนอนแผ่หลาอยู่ด้านใน
จู่ๆ เซียวยวี่ก็ลุกขึ้น คลานขึ้นเตียง ถึงแม้ขอบเตียงจะเหลือพื้นที่เพียงน้อยนิด แต่เขาก็ตะแคงตัวนอนลงไป โอบกอดนางไว้ในอ้อมกอด
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก มองดูเด็กที่อยู่ข้างๆ เกือบจะกล่าวประโยคเจ้าเสียสติไปแล้วหรือออกมา
เซียวยวี่โอบไหล่เซี่ยยวี่หลัวไว้ จุมพิตตามแก้มแดงชุ่มชื้นของนางอย่างเบาหวิวประหนึ่งแมลงปอสะกิดน้ำ จากนั้นกล่าวอะไรบางอย่างหนึ่งประโยค ก่อนพลิกตัวลงจากเตียงไป
เซี่ยยวี่หลัว “…”
เมื่อครู่นางได้ยินวาจาของเซียวยวี่อย่างชัดเจน
เซียวยวี่บอกว่า ยังต้องรอให้เจ้าโตก่อน เมื่อเจ้าโตแล้ว ขอเพียงเจ้าต้องการ ข้าให้เจ้าได้ทุกเมื่อ
เซี่ยยวี่หลัวดึงผ้านวมขึ้นมา ปิดบังใบหน้าที่แดงก่ำประหนึ่งสีโลหิตไว้!
เซียวยวี่ เจ้าคนบ้าตัณหา!
เซียวยวี่มองเซี่ยยวี่หลัวพร้อมแย้มรอยยิ้ม แม้แต่ดวงตาก็กำลังยิ้ม
นอนหลับไปเป็นเวลาสองถ้วยชา เซียวยวี่ก็ตื่นแล้ว
เขามองดูเด็กสองคนที่ยังนอนหลับสนิทอยู่ ก่อนเขย่าตัวเซี่ยยวี่หลัวเบาๆ เพื่อปลุกให้ตื่น เมื่อทั้งสองคนแต่งตัวเสร็จและกำลังเตรียมจะออกไป เซียวจื่อเมิ่งก็เอ่ยถามเสียงใส “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ พวกท่านจะไปตลาดหรือเจ้าคะ? พวกเราก็จะไปด้วยเจ้าค่ะ! ”
เซียวจื่อเซวียนเองก็ตื่นแล้ว มองดูก็สงสัยว่าเหตุใดตัวเองถึงนอนอยู่ฝังขวาอีกแล้ว แต่เขาไม่ได้คิดมาก รีบกล่าวทันที “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเราตื่นแล้วขอรับ! ”
ทั้งสองคนที่เดิมทีจะแอบออกไป ต่างหันมองกันไป มองกันมา…
อย่างไรเสียก็ไม่มีอะไรให้ไม่พอใจ เซี่ยยวี่หลัวเองก็อยากพาเด็กสองคนไปดูข้างนอกอยู่แล้ว เซียวยวี่เองก็ดีใจยิ่งนัก หากตามไปด้วยตอนกลางวัน ตอนกลางคืนก็ไม่ต้องตามไปแล้ว อยู่บ้านเขียนหนังสือและนอนหลับอย่างสงบใจเสียเถิด ตอนกลางคืนเป็นช่วงเวลาของเขากับอาหลัวเพียงสองคนเท่านั้น!
เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ทำอาหารให้เด็กสองคนกินนานแล้ว นางซื้อปลาตัวใหญ่สองตัว เนื้อหมูหลายจิน และผักสดอีกสองถึงสามอย่าง จากนั้นจึงไปร้านขายไก่ย่างเพื่อซื้อไก่ย่างหนึ่งตัว ก่อนจะไปซื้อขนมสองกล่องมาจากร้านขายขนม
เซียวยวี่เห็นนางซื้อไม่หยุด ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เด็กๆ จะกินอาหารมากมายขนาดนี้หมดได้อย่างไร? ”
เซี่ยยวี่หลัว “พรุ่งนี้ข้าจะตื่นเช้าหน่อย ผัดอาหารสองอย่างให้พวกเจ้านำกลับไป ตอนเที่ยงอุ่นกินได้”
“ไม่ต้อง มีข้าอยู่ เจ้าวางใจเถิด ข้าจะดูแลพวกเขาให้ดีเอง! กลับเป็นเจ้า เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี! ” เซียวยวี่กล่าว
“พี่เซียงชุ่ยบุตรสาวของท่านป้าฟู่จะเอาข้าวมาส่งให้ข้ากับท่านป้าฟู่ในช่วงเที่ยง ข้าให้เงินเล็กน้อย ให้พวกนางช่วยทำในส่วนของข้าด้วย ตอนเที่ยงข้ากินอิ่มแน่ เจ้าอย่าได้เป็นห่วง”
เซียวยวี่ “ท่านป้าฟู่อายุสี่สิบกว่าแล้ว บุตรสาวของนาง อายุเท่าใดหรือ? ”
เซี่ยยวี่หลัวคิดครู่หนึ่ง ก่อนกล่าว “พี่เซียงชุ่ยน่าจะอายุยี่สิบกว่าแล้วกระมัง”
“ยังไม่ออกเรือนหรือ? ”
“ออกเรือนแล้ว แต่ได้ยินว่าบุรุษผู้นั้นชอบดื่มสุราและเล่นการพนัน หากดื่มสุราจนเมามายและแพ้การพนันก็จะทุบตีนาง พี่เซียงชุ่ยจึงพาบุตรสาวกลับมาอาศัยอยู่บ้านเดิม” เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกว่าสตรีผู้นี้ช่างน่าสงสารนัก
ฟู่ซื่อทำงานอยู่ที่โรงผลิต ส่วนพี่เซียงชุ่ยช่วยซักผ้าให้ผู้อื่น ซักผ้าเสร็จก็ทำอาหาร ทำอาหารเสร็จจึงนำมาส่ง ทั้งยังต้องเลี้ยงลูกอีก
สตรีผู้หนึ่งที่ต้องแต่งกับบุรุษเช่นนั้น ช่างน่าสงสารเสียจริง
เซียวยวี่ไม่ได้กล่าวอะไร
พวกเขากลับถึงบ้าน ก็เริ่มเตรียมทำอาหารเย็น
ภายในลานบ้านมีบ่อน้ำเพียงบ่อเดียว น้ำในบ่อทั้งใสทั้งสะอาด เซียวยวี่รับผิดชอบตักน้ำ คนที่เหลือล้อมอยู่รอบบ่อเพื่อล้างผัก เซี่ยยวี่หลัวและเด็กสองคนแบ่งงานกัน คนที่ล้างผักก็ล้างผัก คนที่หุงข้าวก็หุงข้าว ช่วยเป็นลูกมืออย่างขยันขันแข็ง
เพียงไม่นาน ผักทั้งหมดก็ถูกล้างจนสะอาด ย่างปลาหนึ่งตัว นำเนื้อหมูกึ่งหนึ่งมาทำหมูตุ๋นน้ำแดง ทำหมูผัดพริก ก่อนทำยำแตงกวา ยังมีไก่ย่างอีกหนึ่งตัว เพิ่งถึงช่วงพลบค่ำ อาหารก็เสร็จหมดแล้ว
เหตุใดวันนี้ถึงทำอาหารเสร็จเร็วนัก เด็กสองคนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมอธิบาย “วันนี้เป็นวันจ่ายตลาดของเมืองโยวหลัน ตอนเช้าพวกเจ้าตื่นไม่ไหว ความสนุกครึกครื้นที่ไม่ได้เห็น ตอนค่ำก็ยังมีอีก ตลาดยามค่ำคืนก็คึกคักเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงให้พวกเจ้ากินเร็วขึ้น หากไปช้าก็ไม่สนุกแล้ว”
พอได้ยินว่าจะออกไปเดินเที่ยวอีก เด็กสองคนรู้สึกดีอกดีใจทันที “ได้ได้ได้ พวกเราจะกินให้เร็วขึ้นแน่นอน”
เซียวยวี่คีบกับข้าวขึ้นมาด้วยท่าทางเงียบขรึม ได้แต่ลอบถอนหายใจอยู่ในใจ
คิดแล้วเชียว พาเด็กสองคนมาด้วย ช่วงเวลาที่เขาและอาหลัวจะได้อยู่ด้วยกันตามลำพังก็คงไม่เหลืออีก
ตลาดยามค่ำคืนครึกครื้นอย่างแท้จริง คึกคักกว่าตอนที่เด็กสองคนตามมาด้วยในช่วงเที่ยงมากนัก ถึงอย่างไรช่วงเที่ยงอากาศก็ร้อน ทั้งยังเป็นเวลากินอาหาร แผงขายของหลายอย่างจึงต่างพากันเก็บแผง อีกทั้งยังมีคนเดินไม่มาก จึงไม่คึกคักเท่าไรนัก
ทว่าช่วงค่ำนั้นต่างกัน ช่วงค่ำอากาศเย็น คนที่ต้องอยู่แต่ในบ้านมาทั้งวัน เวลานี้ล้วนสามารถออกมาได้ บนท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คนเดินขวักไขว่ คึกคักเป็นอย่างยิ่ง
เซี่ยยวี่หลัวจูงมือเซียวจื่อเซวียน เซียวยวี่อุ้มเซียวจื่อเมิ่ง เดินตามฝูงชนไปมองทางนี้ที มองทางนั้นที
ข้าวของไม่ต้องซื้อแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่ซื้อให้พวกเขามากพอแล้ว ทว่า ได้มองดูก็ถือว่าดีเหมือนกัน
เซียวจื่อเมิ่งไม่พอใจที่ได้แต่ดู แต่จับต้องไม่ได้ บิดตัวสองทีก็จะลงมา แต่เซียวยวี่ไม่ยอม “คนมากมายถึงเพียงนี้ หากเจ้าลงมาแล้วเดินหลงจะทำเช่นไร? ”
เซียวจื่อเมิ่งส่ายหน้ารัวราวกับกลองป๋องแป๋งก็มิปาน “พี่ใหญ่ ข้าจะจูงมือท่านเจ้าค่ะ จะไม่ปล่อยมือแน่นอน”
เซียวยวี่ได้แต่ปล่อยนางลงมา มือหนึ่งจับมือเล็กของเซียวจื่อเมิ่งไว้ กุมไว้แน่น มองดูอาหลัวที่ถูกเจ้าตัวแสบเซียวจื่อเซวียนดึงให้เดินดูไปทั่ว กัดฟันดังกรอด
“พี่ใหญ่ ท่านดูนี่… พี่ใหญ่…” เซียวจื่อเมิ่งกำลังดูตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่งที่วางขายอยู่ในแผงขายของตรงหน้า จู่ๆ ก็โดนพี่ใหญ่ดึงให้เดินไปข้างหน้า
เซียวจื่อเมิ่งสาวเท้าก้าวเล็ก พยายามเดินตาม ในที่สุดก็ตามทัน “พี่ใหญ่ ทำไมท่านถึงวิ่งเร็วนักเจ้าคะ! พี่สะใภ้ใหญ่ พี่รอง…”
ในที่สุดเซียวยวี่ก็ไปถึงข้างกายเซี่ยยวี่หลัว เซียวจื่อเซวียนดูของในแผงขายของเสร็จ เห็นว่าทางอื่นมีของน่าสนุกอีก จึงดึงมือเซี่ยยวี่หลัวจะวิ่งไปทางอื่นอีก
เมื่อเห็นว่าพวกนางจะไปอีกแล้ว เซียวยวี่จึงก้าวขึ้นหน้าไป ดึงมือเซียวจื่อเซวียนไว้ กล่าวสั่งสอนด้วยสีหน้าบึ้งตึง “จะวิ่งไปทางไหนอีก? คนเยอะถึงเพียงนี้ หากเดินหลงจะทำเช่นไร? ”