ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 446 สถานศึกษาเหวินกง
บทที่ 446 สถานศึกษาเหวินกง
สถานศึกษาเหวินกง เวลานี้คึกคักเป็นอย่างมาก
หากกล่าวถึงสถานศึกษาที่ดีที่สุดในเมืองโยวหลัน เช่นนั้นย่อมต้องเป็นสถานศึกษาเหวินกง
ประการแรก สถานศึกษาเหวินกงมีท่านจวี่เหรินเป็นอาจารย์ซึ่งสถานศึกษาแห่งอื่นในตัวเมืองไม่มี ประการที่สอง สถานศึกษาเหวินกงมีขนาดใหญ่และดูโอ่อ่า ทั่วทั้งเมืองไม่มีสถานศึกษาแห่งใดจะดูโอ่อ่าเท่าสถานศึกษาเหวินกงอีกแล้ว
นอกจากนั้น นักเรียนที่จะเข้าศึกษาที่นี่ต้องผ่านการทดสอบก่อนเข้าเรียนเสียก่อน หากสอบผ่านถึงจะได้เข้าเรียน มิเช่นนั้น สถานศึกษาเหวินกงจะไม่รับ ได้แต่ไปยังสถานศึกษาเล็กแห่งอื่นๆ
นักเรียนที่รับเข้าเรียนเดิมทีก็ดีอยู่แล้ว อีกทั้งอาจารย์ที่สอนหนังสือก็มีความสามารถ ผลการเรียนของนักเรียนย่อมต้องดีกว่าสถานศึกษาอื่นๆ โดยปริยาย
“วันนี้ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว ได้เห็นอาจารย์เฮ่อแข่งกับผู้อื่นด้วย”
“อาจารย์เฮ่อหลันเป็นท่านจวี่เหรินเพียงคนเดียวหากไม่นับรวมผู้อำนวยการเหวิน เขาเก่งกาจถึงเพียงนี้ ใครกันที่ไม่ประมาณตน กล้าแข่งกับอาจารย์เฮ่อ ไม่กลัวว่าพ่ายแพ้ร้องไห้จนน้ำมูกโป่งแล้วขายหน้าหรืออย่างไร” มีคนที่ไม่รู้ความในเอ่ยถาม
ข้างๆมีคนจากสถานศึกษาอื่นที่มาเพื่อดูเรื่องสนุก ยิ้มพร้อมกล่าว “เจ้าคงไม่รู้ความในกระมัง ไม่ใช่ผู้อื่นต้องการท้าแข่งกับอาจารย์เฮ่อ แต่เป็นอาจารย์เฮ่อท้าคนผู้นั้นแข่ง”
“หืม อาจารย์เฮ่อท้าคนอื่นแข่ง? คนผู้นี้เป็นใครกัน? คนที่สามารถทำให้อาจารย์เฮ่อแข่งกับเขาได้ คนผู้นั้นดูท่าอย่างน้อยก็ต้องเป็นท่านจวี่เหรินกระมัง? ” คนเมื่อครู่ที่ไม่รู้ความในเอ่ยถามไปตามเรื่องตามราว
คนข้างๆ หัวเราะ “ใช่ที่ไหน เขาเป็นเพียงบัณฑิต ไม่ใช่ซิ่วไฉด้วยซ้ำ! ”
“อะไรนะ? ไม่ใช่ซิ่วไฉด้วยซ้ำ? เช่นนั้น… อาจารย์เฮ่อ เช่นนั้น… เช่นนั้นเท่ากับลดตัวไม่ใช่หรือ? ”
“ใครจะรู้ได้ คนจากสถานศึกษาทุกแห่งทั่วเมืองโยวหลันล้วนส่งคนมา ไม่รู้ว่าบัณฑิตไร้คุณวุฒิผู้นั้น ทำให้อาจารย์เฮ่อไม่พอใจได้อย่างไร! ”
เหวินจิ้งเสวียและโหยวเจิ้งเฉิง นั่งอยู่ตรงตำแหน่งที่นั่งหลักกลางลาน เฮ่อหลันทำสีหน้าบึ้งตึง นั่งอยู่ข้างโต๊ะหนังสือตัวหนึ่ง คนที่จะนั่งตรงโต๊ะหนังสือฝั่งตรงข้ามยังไม่มา
ใกล้ถึงเวลานัดหมายแล้ว เซียวยวี่ก็ยังไม่มา
“คนผู้นี้คงไม่ใช่ว่าไม่มาแล้วกระมัง? รู้ว่าอาจารย์เฮ่อเป็นถึงท่านจวี่เหริน อย่าว่าแต่แข่งขันเลย เกรงว่าไม่กล้ามาด้วยซ้ำ! ” ข้างๆ มีคนหัวเราะพร้อมกล่าว
“เกรงว่าคงไม่กล้ามาแล้วจริงๆ ทั่วทั้งเมืองโยวหลัน ความรู้ของอาจารย์เฮ่อเป็นรองเพียงท่านซ่งเท่านั้น ใครจะกล้าแข่งกับเขาอีก! ใครมาแข่งก็เท่ากับรนหาที่เอง! ”
“ผู้อำนวยการเหวิน เหตุใดอาจารย์เฮ่อถึงทำเช่นนี้หรือ? ” โหยวเจิ้งเฉิงถูกผู้อำนวยการเหวินเชิญตัวมา
ส่วนผู้อำนวยการเหวินก็ถูกเฮ่อหลันบีบบังคับ!
อย่างไรเสียเขาก็เป็นหน้าเป็นตาของโรงเรียนเหวินกง ผู้อำนวยการเหวินรู้ว่าอาจารย์ท่านนี้หยิ่งทะนง มีใจอยากเอาชนะ หากไม่แข่งกับเซียวยวี่ให้รู้ผลแพ้ชนะ เกรงว่าคงไม่อาจนอนหลับอย่างสงบใจได้ไปตลอด และคงไม่มีแก่ใจจะสอนนักเรียนเป็นแน่
เหวินจิ้งเสวียถอนหายใจทีหนึ่ง “หลี่เจิ้ง เรื่องในวันนี้ ทำให้ท่านเห็นเรื่องน่าอายแล้ว เพียงแต่… อาจารย์เฮ่อมีใจอยากเอาชนะสูง ถูกคนหักหน้า ก็ถือว่าเข้าใจได้! ”
โหยวเจิ้งเฉิงรู้จักคนที่ถูกเฮ่อหลันท้าดวล เซียวยวี่ คือสามีของจอมยุทธ์หญิง เขาเคยพบ นั่นเป็นบุคคลที่เคยเห็นครั้งเดียวก็ไม่มีทางลืมได้
ไม่เพียงแค่รูปลักษณ์หน้าตาดี บุคลิกดี ทุกอิริยาบถ ล้วนมีกลิ่นอายของผู้สูงศักดิ์
เพราะเกรงกลัวจึงไม่มา?
ไม่มีทาง!
ได้รู้เรื่องของเซียวยวี่เพิ่มอีกส่วนหนึ่งจากเซียวจิ้งยี่ โหยวเจิ้งเฉิงจึงรู้สึกเสียดายเซียวยวี่ยิ่งนัก
หากไม่ใช่เพราะบิดามารดาเกิดเรื่อง ทำให้เสียสมาธิ เซียวยวี่ผู้นี้ เกรงว่าสี่ปีก่อนคงมีฐานะเป็นซิ่วไฉไปแล้ว หรืออาจสูงกว่านั้น เป็นจวี่เหรินแล้ว
น่าเสียดายที่ชะตากลั่นแกล้ง!
“ครั้งก่อนตอนเด็กเหล่านั้นแข่งกัน ข้าก็อยู่ด้วย เด็กๆ ที่เซียวยวี่สอน เก่งกว่าเด็กคนที่อาจารย์เฮ่อสอนจริง นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นกันอยู่ หากอาจารย์เฮ่อไม่ยอมรับ ทั้งสองคนสามารถแข่งกันโดยส่วนตัวได้มิใช่หรือ เหตุใดวันนี้ต้องทำอย่างเอิกเกริกด้วยเล่า ไม่ว่าใครแพ้ ก็ดูไม่ดีทั้งนั้น! ” ทว่าโหยวเจิ้งเฉิงเป็นห่วงเซียวยวี่มากกว่า
อย่างไรเสียการแข่งขันครั้งก่อน เป็นการแข่งขันระหว่างเด็กๆ
เด็กๆ ที่เพิ่งเข้าเรียน สามารถเรียนรู้ได้มากเท่าไร แข่งกันที่ใครมีความเข้าใจมากกว่า มีความจำดีกว่า คนที่มีดีทั้งสองด้าน ย่อมเรียนรู้ได้มากกว่า
แต่เซียวยวี่แข่งกับเฮ่อหลัน นั่นเป็นเรื่องที่ต่างกัน การแข่งนี้เป็นการแข่งความสามารถที่แท้จริง เทียบความรู้ที่สั่งสมมานานปี
การสอบขุนนางเข้มงวดถึงเพียงนั้น!
ทดสอบความรู้ความสามารถที่แท้จริง เซียวยวี่สอบมาสี่ปียังไม่ได้เป็นซิ่วไฉ นอกจากเขาดวงไม่ดี คงกล่าวได้เพียงว่าเขายังเรียนรู้ไม่มากพอ ทว่าเฮ่อหลันนั้นต่างกัน หลังจากสอบผ่านได้เป็นซิ่วไฉ สอบต่ออีกสองครั้ง ก็ได้เป็นจวี่เหริน
ผู้หนึ่งเป็นท่านจวี่เหริน อีกผู้หนึ่งเป็นบัณฑิตไร้คุณวุฒิ ระหว่างทั้งสองคนใครเด่นใครด้อยก็เห็นกันอยู่!
เหวินจิ้งเสวียมองเฮ่อหลันที่ทำสีหน้าถมึงทึง ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มขมพร้อมกล่าว “อาจารย์ท่านนี้ของข้า อุปนิสัยดื้อรั้นยิ่งนัก บอกว่าหากไม่ให้เขาแข่ง เขาก็จะเก็บของจากไปทันที สถานศึกษาเหวินกงของข้ามีอาจารย์ที่เป็นจวี่เหรินเพียงคนเดียว ทั้งยังโดดเด่นที่สุดในบรรดาอาจารย์ทั้งหมด ถือเป็นคนที่หายากนัก เฮ้อ…”
โหยวเจิ้งเฉิงรู้ว่าในสถานที่เล็กๆ แห่งนี้สามารถมีท่านจวี่เหรินคนหนึ่งมาเป็นอาจารย์ ทั้งยังคิดจะรั้งให้เขาอยู่อย่างเต็มใจ นั่นเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากทีเดียว “ข้าเข้าใจได้”
ผู้อำนวยการเหวินก็เป็นคนชื่นชอบผู้มีความสามารถ เข้าใจได้ เข้าใจได้!
“เซียวยวี่ผู้นั้นยังไม่มาอีก? คงไม่ใช่ว่าไม่มาแล้วกระมัง? ”
เหวินจิ้งเสวียหันมองไปทางประตูใหญ่ ใกล้ถึงเวลาแล้ว เขายังไม่มา หรือจะกลัวเฮ่อหลันแล้วจริงๆ?
หากเป็นเช่นนั้น หนีการแข่งขัน การแข่งก็ไม่จำเป็นต้องจัดแล้ว อาจารย์เฮ่อหลันน่าจะกู้หน้าคืนมาได้
โหยวเจิ้งเฉิงที่อยู่ข้างๆ ยกยิ้ม “ผู้อำนวยการเหวิน ถ้าบอกว่าคนอื่นไม่มา ข้าอาจเชื่อ แต่หากบอกว่าเขาไม่มา ข้าไม่เชื่อ! ”
เมื่อเห็นโหยวเจิ้งเฉิงเข้าข้างเซียวยวี่ถึงเพียงนี้ เหวินจิ้งเสวียจึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “หลี่เจิ้งรู้จักเซียวยวี่ผู้นี้หรือ? ”
โหยวเจิ้งเฉิงลูบหนวดเครา ทำสีหน้าล้ำลึกยากหยั่งถึง “รอให้ท่านพบเขา ก็จะรู้เอง! ”
“มาแล้ว มาแล้ว เซียวยวี่มาแล้ว! ” จู่ๆ ข้างนอกก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น เซียวยวี่ยื่นหนังสือท้าดวลที่เฮ่อหลันส่งมาให้กับคนเฝ้าประตูสถานศึกษาเหวินกง คนเฝ้าประตูจึงตะโกนทันที
คนที่มุงดูรีบถอยออกเปิดเส้นทางให้ พร้อมหันมองไปทางเซียวยวี่ด้วยท่าทีสงสัย
บัณฑิตไร้คุณวุฒิที่สามารถทำให้ท่านจวี่เหรินโมโหจนส่งหนังสือท้าดวลได้ จะมีรูปลักษณ์แปลกประหลาดแค่ไหนเชียว!
ทว่า เมื่อเห็นรูปลักษณ์หน้าตาของเขา นี่เป็นรูปลักษณ์ประหลาดที่ไหนกัน รูปลักษณ์เช่นนี้…
ดูดีกว่าเทพเซียนในรูปวาดเสียอีก
เห็นเพียงบุรุษที่เดินมาอายุประมาณสิบเจ็ดถึงสิบแปดปี ถึงแม้รูปหน้าจะดูเด็กอยู่บ้าง แต่รัศมีรอบกายกลับดูหยิ่งทะนงและเย็นเยียบ ทั้งยังแฝงเร้นด้วยพลังอำนาจบีบคั้นกดดัน ให้ความรู้สึกแข็งกร้าวเหมือนผู้ยืนตระหง่านและมองใต้หล้าอย่างเดียวดาย
ยังดีที่ชุดตรงที่ทำจากผ้าดิ้นสีขาวบนกายเขาทำให้รัศมีของเขาเบาบางลง คิ้วคมเข้มเฉียงขึ้น นัยน์ตาสีดำด้านล่างฉายประกายคมกริบ แต่ริมฝีปากบางที่เม้มไว้เบาๆ และมุมปากที่ตวัดขึ้นเล็กน้อย ก็ทำให้รัศมีแข็งกร้าวเบาบางลงอีก เมื่อเห็นสตรีข้างกายที่เขาหันมอง ดวงตาอ่อนโยนดุจสายน้ำ เม้มริมฝีปากแดงเล็กน้อย ดูอ่อนโยนและเปี่ยมล้นด้วยความรัก ยังมีความแข็งกร้าวหลงเหลือที่ไหนกัน
บุรุษผู้หนึ่งรูปลักษณ์หล่อเหลาก็ทำให้คนนึกชื่นชมแล้ว เมื่อเห็นสตรีข้างกายเขา ทุกคนต่างก็กล่าวชมอย่างอดไม่ได้
ไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน ไม่ได้อยู่ร่วมกันจริงๆ!
สตรีผู้นี้ เรียกว่างามล่มเมืองก็ถือว่าไม่เกินจริงแม้แต่น้อย!