ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 15 บทที่ 497 นั่นคือความรู้สึกที่เจ้าของร่างเดิมมีต่อบิดา
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 15 บทที่ 497 นั่นคือความรู้สึกที่เจ้าของร่างเดิมมีต่อบิดา
บทที่ 497 นั่นคือความรู้สึกที่เจ้าของร่างเดิมมีต่อบิดา
เซี่ยจู่ฟาไม่เคยร่ำเรียน คิดไม่ตก จึงไม่คิดต่อ เพียงหาที่นั่งเพื่อนั่งลงโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด ที่เขานั่งคือเก้าอี้ของเซียวยวี่ เมื่อร่างหนักสองร้อยจินนั่งลง เนื้อส่วนเกินก็ล้นออกมาจากร่องของเก้าอี้
เซี่ยยวี่หลัวขมวดคิ้วมุ่น เซียวยวี่เป็นคนรักสะอาด นางเองก็ถือว่าเป็นคนรักสะอาดเช่นกัน ปกติเก้าอี้ตัวนั้น มีเพียงนางและเซียวยวี่ที่นั่ง แม้แต่เด็กสองคนยังไม่เคยแตะต้อง
ดูท่า ต้องไปซื้อเก้าอี้ตัวใหม่เสียแล้ว ส่วนตัวนี้ก็สับให้แหลกแล้วเผาต่างฟืน
“บิดามารดาเจ้ามาแล้ว เจ้ายังไม่รีบยกน้ำชามาอีก! ” เซี่ยจู่ฟากล่าวด้วยท่าทางหยิ่งผยอง “ข้าจะบอกให้ ข้าไม่ได้ยอมง่ายๆ เช่นมารดาของเจ้า หากไม่ใช่น้ำชา ข้าจะสาดใส่หน้าเจ้าซะ! ”
เซี่ยยวี่หลัวหันตัวเดินไป ชงน้ำชาสองถ้วยจากห้องครัว
หลู่เจินยิ้มอย่างได้ใจ นางว่าแล้วอย่างไร ขอเพียงเซี่ยจู่ฟามา ราชสีห์น้อยที่กำลังเกรี้ยวกราด ก็แปรเปลี่ยนเป็นสุนัขเชื่องตัวหนึ่งทันที!
เซี่ยยวี่หลัวยกน้ำชาถ้วยหนึ่งไปวางไว้ตรงหน้าเซี่ยจู่ฟา น้ำชาที่เหลืออีกถ้วยหนึ่ง หลู่เจินกำลังจะเอื้อมมือไปรับ แต่ที่ไหนได้ เซี่ยยวี่หลัวกลับเททิ้งต่อหน้านาง
“เซี่ยยวี่หลัว เจ้าทำอะไร? ” หลู่เจินโมโหจนตบโต๊ะพลางลุกพรวดขึ้น
เซี่ยจู่ฟาก็แสดงสีหน้าบึ้งตึงเช่นกัน “ข้าให้เจ้ารินน้ำชาให้มารดาของเจ้า นี่เจ้ารินอย่างไรกัน? ”
เซี่ยยวี่หลัวเก็บถ้วยน้ำชาเปล่ากลับคืน “ท่านให้ข้ารินน้ำชาให้มารดาของข้าไม่ใช่หรือ? มารดาของข้าอยู่บนสวรรค์ ข้าก็รินให้นางดื่มไม่ใช่หรือ? ”
เซี่ยจู่ฟาสีหน้าถมึงทึง ส่วนหลู่เจินก็แสดงสีหน้าอึมครึม
นางไม่ใช่มารดาผู้ให้กำเนิดของเซี่ยยวี่หลัว มารดาผู้ให้กำเนิดนาง ขึ้นสวรรค์ไปแล้ว! ทว่า ถึงแม้นางจะไม่ใช่มารดาผู้ให้กำเนิดเซี่ยยวี่หลัว แต่ก็เป็นแม่เลี้ยงของนาง!
ไม่ว่าจะเป็นแม่แท้ๆ หรือแม่เลี้ยง ก็มีคำว่าแม่ไม่ใช่หรือ?
เมื่อเซี่ยจู่ฟาเห็นว่าหลู่เจินถูกเซี่ยยวี่หลัวเหยียดหยามเช่นนี้ จึงสาดน้ำชาใส่ทันที “นางลูกเณรคุณ! ”
เซี่ยยวี่หลัวยืนอยู่ตรงหน้าเซี่ยจู่ฟา เมื่อเห็นว่าน้ำชาที่ร้อนจนเดือดถูกสาดมา นางจึงเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย น้ำชาเหล่านั้นจึงสาดเข้าใส่หลู่เจิน ยังดีที่น้ำชาไม่ได้สาดโดนใบหน้า แค่สาดโดนร่างกายเท่านั้น เวลานี้หลู่เจินสวมใส่เพียงเสื้อผ้าผืนบาง นางจึงส่งเสียงร้องโหยหวนทันที
เซี่ยยวี่หลัวยืนอยู่ข้างๆ อย่างเรียบสงบ ไม่มองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ อย่างไรเสียนางก็ไม่ได้เป็นคนสาด!
เซี่ยจู่ฟาโมโหจนเหวี่ยงถ้วยชาลงพื้น ชี้จมูกเซี่ยยวี่หลัวพร้อมก่นด่าทันที “นางลูกทรพี ใครใช้ให้เจ้าหลบ! ”
เซี่ยยวี่หลัวทำสีหน้าน่าสงสาร “ข้าคงปล่อยให้น้ำชาสาดใส่กายข้าทั้งอย่างนั้นไม่ได้กระมัง! ”
“เช่นนั้นเจ้าจึงปล่อยให้น้ำชาสาดใส่ท่านแม่หรือ? เซี่ยยวี่หลัว เหตุใดเจ้าถึงโหดร้ายนัก! ” เมื่อเซี่ยเมี่ยวเห็นมารดาของตนถูกลวกจนแสยะปากกัดฟัน จึงพูดจาโจมตีเซี่ยยวี่หลัวทันที
เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยขึ้น “เจ้าเองก็อยู่ใกล้ เหตุใดเจ้าถึงไม่รับแทนเล่า? ” เซี่ยเมี่ยวยืนอยู่ข้างกายหลู่เจิน ตามหลักแล้ว หากนางรับแทนจะดูเหมาะสมกว่า!
“ข้า… ข้าเห็นว่าเจ้าก็อยู่ไม่ใช่หรืออย่างไร? ใครจะรู้ว่าเจ้าจะขี้ขลาดตาขาวถึงเพียงนั้น! ” เซี่ยเมี่ยวโยนความผิดให้เซี่ยยวี่หลัวอย่างชั่วร้าย
หลู่เจินก็กล่าวตำหนิเช่นกัน “มีเด็กที่ไหนทำอย่างเจ้าบ้าง? รับน้ำชาแทนข้า ไม่ทำให้เจ้าถูกลวกจนตายเสียหน่อย! หรือต้องให้ข้าเป็นฝ่ายรับน้ำชาแทนเจ้า! ”
นางถูกลวกบริเวณต้นขา ปวดจนกัดฟันแสยะปาก
เซี่ยยวี่หลัวกะพริบตาปริบๆ หันมองเซี่ยเมี่ยว “เมี่ยวเมี่ยวก็อยู่ข้างๆ ข้าเพียงแค่หลบน้ำชา ไม่ได้ให้ท่านมารับแทนข้าเสียหน่อย”
เซี่ยเมี่ยวยืนอยู่ข้างหลังหลู่เจิน เมื่อครู่นี้ตอนที่น้ำชาถูกสาดมา เซี่ยเมี่ยวก็ตกใจจนหลบอยู่ด้านหลังหลู่เจิน
หลู่เจินหันกลับไปมอง ก็เห็นเห็นเซี่ยเมี่ยวยืนอยู่ข้างหลังตัวเองจริงๆ
คนอื่นสามารถด่าได้ แต่บุตรสาวของตัวเองจะโดนด่าไม่ได้เด็ดขาด หลู่เจินกล่าวเสียงแข็ง “เมี่ยวเมี่ยวอายุยังน้อย นางกลัวก็ถือเป็นปกติ! ”
ดูท่า ครั้งก่อนที่หลู่เจินและเซี่ยเมี่ยวมาสนทนาด้วยความระมัดระวัง จะล้วนแต่เป็นการเสแสร้งแกล้งทำ
นี่ถึงจะเป็นท่าทีที่สองคนนี้ปฏิบัติต่อเซี่ยยวี่หลัวในยามปกติกระมัง!
เป็นเหมือนกันทั้งครอบครัว!
“ใช่สิ ขอเพียงมีมารดาอยู่ ต่อให้อายุเจ็ดสิบแปดสิบก็ยังเป็นเด็ก กระทำความผิดก็ยังมีบิดามารดาคอยช่วย! ” เซี่ยยวี่หลัวเองก็กล่าวด้วยท่าทางน่าสงสาร “หากมารดาของข้าอยู่ที่นี่ นางก็คงรับน้ำชาแทนข้าเช่นเดียวกับที่ท่านรับน้ำชาแทนเมี่ยวเมี่ยว นางจะทนให้ข้ารับน้ำชาแทนนางได้อย่างไร! ”
หลู่เจินสีหน้าดูบึงตึงเป็นอย่างมาก
“หากมารดาของข้าไม่ตายจากไป นางต้องปกป้องลูกสาวอย่างดีแน่! ” เซี่ยยวี่หลัวสะอื้นไห้ ดูเศร้าโศกเสียใจยิ่งนัก
เซี่ยยวี่หลัวกำลังว่านางสนใจแต่บุตรสาวแท้ๆ ของตัวเอง ไม่เห็นลูกเลี้ยงอย่างนางอยู่ในสายตา!
หลู่เจินโมโหจนกล่าวอะไรไม่ออก
เดิมทีนางก็ไม่เคยเห็นเซี่ยยวี่หลัวอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
แต่เมื่อวาจานี้ถูกเซี่ยยวี่หลัวกล่าวออกมาเอง หลู่เจินก็เป็นคนรักศักดิ์ศรี จึงไม่อยากสืบสาวเอาความเรื่องเมื่อครู่นี้อีก
เซี่ยจู่ฟาได้ฟังวาจาของเซี่ยยวี่หลัว สีหน้าก็ดูไม่ดีเลย
หวนคิดถึงในอดีต เขาและฟ่านซื่อก็เป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียว เคยใช้ชีวิตประหนึ่งคู่รักเทพเซียน
แต่ใครใช้ให้ฟ่านซื่อเป็นไก่ที่ออกไข่ไม่ได้เล่า ต่อให้สามีภรรยามีความสัมพันธ์ที่ดีเพียงใด ก็คงปล่อยให้ตระกูลเซี่ยขาดทายาทสืบสกุลเพราะนางไม่ได้กระมัง!
ความรักฉันสามีภรรยาไม่อาจทัดทานการไม่มีบุตรได้ ภายหลังเซี่ยจู่ฟาได้รู้ว่าฟ่านซื่อไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ ความรักระหว่างทั้งสองคนจึงจืดจางลง
เขามักจะไม่กลับบ้าน เที่ยวเสเพลอยู่ข้างนอก ส่วนฟ่านซื่อกลับบ้านเดิม เดือนที่สองก็ตั้งครรภ์ เซี่ยจู่ฟารู้ข่าวก็ยินดียิ่งนัก คิดอยากกลับไปรับนาง แต่ท่านพ่อตาบอกว่าครรภ์ของนางไม่มั่นคง เขาต้องคอยเฝ้าดูอยู่ตลอด รับกลับไปไม่ได้ ดังนั้นระหว่างการอุ้มท้องสิบเดือนของฟ่านซื่อ นางจึงอาศัยอยู่ที่บ้านเดิมตลอด
จวบจนตอนหลังฟ่านซื่อคลอดบุตรสาว ฟ่านซื่อกลับมาแล้ว แต่บอกว่าบุตรสาวร่างกายไม่แข็งแรง ต้องเลี้ยงดูที่บ้านเดิม เลี้ยงดูอยู่นานถึงสองปีกว่า จึงรับนางกลับมา ผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน ฟ่านซื่อก็ล้มป่วยจนสิ้นใจ
ตายเสียก็ดี เซี่ยจู่ฟาเที่ยวเล่นข้างนอกอย่างไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งอื่นใดอีก ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของเขาและเซี่ยยวี่หลัวจืดจางเบาบางมาตั้งแต่เล็ก เขาจึงไม่เคยนึกถึงเซี่ยยวี่หลัวเลย จากนั้นนางจึงถูกคนตระกูลฟ่านรับกลับไปอีก เซี่ยจู่ฟาใช้ชีวิตอิสระอย่างมีความสุข แต่งภรรยาใหม่และมีบุตร ทั้งบุตรชายบุตรสาว อยู่กันอย่างมีความสุข ลืมเซี่ยยวี่หลัวไปจนสิ้น
ผ่านไปอีกสองถึงสามปี เซี่ยจู่ฟารับเซี่ยยวี่หลัวกลับมา เลี้ยงดูอยู่ช่วงหนึ่ง ก็ส่งกลับไปที่ตระกูลฟ่านอีก เป็นเช่นนี้วนเวียนไปมา จวบจนเซี่ยยวี่หลัวอายุสิบสามถึงสิบสี่ปี เติบใหญ่เป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงาม เซี่ยจู่ฟาจึงไม่ได้ส่งนางกลับไปอีก
บุตรสาวที่มีรูปโฉมงดงามถึงเพียงนี้ ต่อไปต้องได้แต่งเข้าตระกูลที่มีอำนาจบารมีเป็นแน่ พวกเขาจะได้ไต่เต้าขึ้นสูงไปด้วย!
เรียกได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกของเซี่ยจู่ฟาและเซี่ยยวี่หลัว จืดจางเบาบางราวกับกระดาษแผ่นหนึ่ง เพียงแทงเบาๆ ก็สามารถแทงจนทะลุได้
เซี่ยยวี่หลวเติบโตภายใต้การดูแลจากทั้งสองตระกูล ด้านหนึ่งความสัมพันธ์จืดจางประหนึ่งน้ำเปล่า อีกด้านหนึ่งความสัมพันธ์เข้มข้นดุจน้ำหมึกที่ไม่อาจสลายหายไปได้ ความรักจากทั้งสองครอบครัวที่มีต่อนาง ทำให้เซี่ยยวี่หลัวเดียวดายเป็นบางครั้งอบอุ่นเป็นบางครา บวกกับเซี่ยเมี่ยวและเซี่ยคุน เด็กทั้งสองคนที่แสนซุกซน มักจะกลั่นแกล้งนาง ทำให้เซี่ยยวี่หลัวมีอุปนิสัยแปรปรวนไม่แน่นอน
ถึงแม้เซี่ยจู่ฟาจะไม่เคยคิดห่วงใยเซี่ยยวี่หลัว แต่ก็ทนไม่ได้ที่เซี่ยยวี่หลัวตำหนิเขา เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ข้าให้เจ้ากินให้เจ้าดื่ม เลี้ยงดูเจ้าจนเติบใหญ่ เจ้ายังจะมากความ หากเจ้าอยู่กับมารดาอายุสั้นของเจ้า เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อก็คงเรียกว่าปาฏิหาริย์แล้ว! ”
เมื่อเผชิญกับคำพูดเหน็บแนมของเซี่ยจู่ฟา หัวใจของเซี่ยยวี่หลัวรู้สึกบีบคั้น
นั่นเป็นความรู้สึกเจ็บปวด
เซี่ยยวี่หลัวเห็นเซี่ยจู่ฟาเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่เคยพบกัน นางจะเกิดความรู้สึกปวดใจได้อย่างไร?
นั่นไม่ใช่ความรู้สึกของเซี่ยยวี่หลัว แต่เป็นความรู้สึกของเจ้าของร่างเดิม