ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 299 ปีนี้มีรายได้มากเท่าไร?
ตอนที่ 299 ปีนี้มีรายได้มากเท่าไร?
ลุงจี้มีชีวิตที่สุขสบายดี
ไม่ต่างกับพ่อของหลี่ไหลตี้ พ่อตาของซูอันปังเลยสักนิด?
พ่อของหลี่ไหลตี้และซูจิ้นจวินส่งอาหารไปให้เขาเสมอ เขาจึงมีอาหารกินเหลือเฟือทุกมื้อ ซูอันปังแวะมาหาพ่อตา และคุยกับภรรยาในขณะที่เดินทางกลับ
“คุณไม่ต้องกังวลเรื่องพ่อหรอก ผมไม่ได้เจอพ่อมานาน แต่เขาดูมีน้ำมีนวลขึ้นมาก” ซูอันปังบอก
เขาเคยเป็นชายชราร่างผอม ตอนนี้กลับมีรูปร่างท้วมขึ้นมาก แม้จะทำงานหัวหมุนทั้งวัน แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดถึงได้ผิวขาวขึ้น
แน่นอนว่าถึงยังคล้ำอยู่ แต่ก็นับว่าดูดีกว่าแต่ก่อนมาก
มันผ่านมานานเท่าไรแล้วล่ะ เขาไม่ได้เจอชายสูงวัยเพียงครึ่งเดือน เนื่องจากช่วงนี้งานยุ่ง แต่ตอนนี้ชำแหละหมูเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงพอมีเวลาว่างบ้าง
เมื่อก่อนนอกจากจะต้องจับปลา ยังต้องให้อาหารหมู งานยุ่งตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ไม่มีเวลาว่างแต่อย่างใด
แต่พวกเขาก็ไม่คิดโวยวาย เพราะตลอดทั้งปีจะมีเพียงช่วงนี้ที่งานหนักที่สุด และปีนี้ยังได้เงินเดือนถึง 50 หยวนอีกด้วย
เงินเดือน 50 หยวน นับว่าเป็นเงินเดือนที่สูงมาก ดังนั้นต่อให้ปีนี้งานจะหนัก พวกเขาก็ไม่คิดบ่นแม้แต่น้อย
เมื่อคนงานมีความสุข พวกเขาย่อมตั้งใจทำงาน จี้เจี้ยนอวิ๋นผู้เป็นเถ้าแก่ย่อมสามารถสร้างรายได้เป็นจำนวนมาก
อันที่จริงเขามีหน้าที่เพียงดูแลแนวทางในภาพรวมเท่านั้น ส่วนเรื่องการหารายได้ คนงานในสังกัดของเขาเป็นผู้ช่วยเขาหาเงิน
ดังนั้นในวันปีใหม่ที่จะถึงนี้ จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงทุ่มหมดหน้าตัก
นอกจากของขวัญปีใหม่เหมือนอย่างเคย ได้แก่ เนื้อหมู ไข่ไก่ พุทราแห้ง และน้ำตาลทรายแดง ที่มอบให้พวกเขาไปตะกร้าใหญ่ ในส่วนของลุงจี้ พ่อของหลี่ไหลตี้ ลุงสวี่ที่อ่างเก็บน้ำ และพ่อแม่ของซุนต้าซาน รวมถึงคนอื่น ๆ ที่พวกเขาต่างทำงานให้จี้เจี้ยนอวิ๋น จนพวกเขาเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่
จี้เจี้ยนอวิ๋นได้ซื้อเสื้อโค้ทกันหนาวใหม่ให้พวกเขาคนละตัว
เสื้อโค้ทกันหนาวเป็นแบบทันสมัยซึ่งซื้อมาจากเมืองมหาวิทยาลัย ไม่ต้องพูดถึงการทำให้ร่างกายอบอุ่น ยังดูสวยแปลกตาอีกด้วย
ทุกคนต่างมีความสุข ลุงสวี่ผู้ทำหน้าที่เฝ้ายามที่อ่างเก็บน้ำถึงกับมีสีหน้ายินดีเมื่อได้รับมัน เขายิ้มและเอ่ย “มันราคาแพงขนาดไหนกันล่ะเนี่ย?”
“เห็นว่าลุงนึกเสียดายเงินจะซื้อ ผมเลยซื้อให้แทนครับ ในเมื่อซื้อมาแล้วก็ต้องใส่ด้วยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
“เธอเป็นคนซื้อมา จะให้ฉันมาเกรงใจอะไรเล่า?” ลุงสวี่บอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เมื่อครั้งที่เขาเริ่มมาทำงานนี้ เขายังไม่รู้จักจี้เจี้ยนอวิ๋นดีนัก แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นคนเช่นนี้ เขาเองก็อดรู้สึกดีด้วยไม่ได้
เขารู้ว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นคนเช่นไร ชายหนุ่มไม่เคยขี้เหนียวกับลูกน้องในความดูแลของตัวเองเลย
ปีนี้เขาได้เงินเดือนรวมเกือบ 600 หยวน ยังไม่นับรวมกับของขวัญวันปีใหม่
เขาส่งเงินให้ครอบครัวเป็นจำนวนมาก ฐานะของครอบครัวจึงสุขสบายขึ้น
ปีนี้เขามีเงินอยู่บ้าง จึงวางแผนจะให้ลูกชายสองพี่น้องไปตั้งตัวหลังวันปีใหม่ โดยให้คนละ 200 หยวนเพื่อไปตั้งรกราก ก่อนปล่อยให้พวกเขากับภรรยาพึ่งพาตัวเองต่อ
เขาคิดจะเรียกภรรยามา ทั้งสองจะได้ย้ายมาอยู่ที่อ่างเก็บน้ำ ที่นี่มีทั้งอาหารและที่พัก เมื่อถึงคราวที่ต้องกลับไปช่วงปีใหม่ มันคงช่วยให้เขาไม่ต้องเดินทางไปกลับ?
พูดถึงเรื่องนี้ เขาก็กล่าวขึ้น
“ถ้าคุณน้าเต็มใจจะมาอยู่ที่นี่ คงจะดีมากเลยครับ ลุงบอกคุณน้าว่าไม่ต้องเอาอะไรมา ถึงเวลานั้นผมจะเป็นคนเอามาให้เอง และก็จะให้เงินเดือนคุณน้าด้วย” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
เขาเองก็ต้องการผู้ช่วยเพิ่มเช่นกัน ที่อ่างเก็บน้ำมีเพียงซูอันปังและลุงสวี่ ทั้งสองคอยดูแลแพะ หมู และเป็ด ซึ่งมีเรื่องต้องทำมากมายทีเดียว เนื่องจากปีหน้าเขาวางแผนจะเลี้ยงหมู 5 ตัวเช่นเดิม
ปีนี้ผลผลิตที่สวนมีไม่ค่อยมากนัก แต่ตามการคาดการณ์ของจี้เจี้ยนอวิ๋นแล้ว ปีหน้าต้องผลิดอกออกผลงอกงามอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นคงงานยุ่ง จึงต้องหาคนงานมาช่วยเพิ่ม
ในเมื่อลุงสวี่ต้องการให้ภรรยามาอยู่ด้วย แบบนั้นก็ดีแล้ว เขาจะได้มีกำลังคนเพิ่มมากขึ้น
ตอนนี้โรงงานหลายแห่งถึงช่วงวันหยุด และจะเปิดทำการในปีหน้า ตอนนี้พวกเขาจึงงานไม่ยุ่งนัก
เหลือเพียงแกะที่ต้องจัดการ เขาชำแหละแกะด้วยตนเอง เหลือเพียงตัวเล็กไว้ ส่วนตัวใหญ่นั้นถูกนำไปชำแหละ
เมื่อแกะถูกชำแหละ พวกมันจะถูกนำไปแช่แข็ง ก่อนจะส่งไปที่ร้านค้าในเมืองมหาวิทยาลัยโดยเร็วที่สุด พวกมันจึงยังสดใหม่ และลูกค้าประจำอย่างลุงเกาก็หมายตาพวกมันไว้ เมื่อของมาถึงก็ถูกสับเป็นหลายชิ้น!
ทว่าลูกค้าบางคนคิดว่ายังไม่เพียงพอ เนื้อแกะแค่ชิ้นเดียวไม่เพียงพอสำหรับพวกเขาหรอก พวกต้องการถึงครึ่งตัว ถึงจะรู้สึกพึงพอใจได้
หากได้กินแล้ว ต่อให้เป็นคนเฒ่าคนแก่ที่ได้เงินบำนาญในเมืองใหญ่ก็ยังเทียบไม่ได้
จี้ต้าหย่งรับหน้าที่หั่นเนื้อ นอกจากเขาแล้ว ซูจูเหมา สวี่เหอซาน และจี้เจี้ยนเยี่ยยังต้องมาช่วยหลังส่งของเสร็จเรียบร้อย
ลูกค้าต่างแวะเวียนกันมา ชวนให้บรรยากาศครึกครื้น
อย่างไรก็ตาม ซุนต้าซานกับเหอเจี่ยได้ลงรายการสินค้าไว้อย่างละเอียด เพราะพวกเขาต้องเทียบบัญชี สองสามีภรรยาจำเป็นต้องเทียบบัญชีให้ตรง อย่าให้ขาดหรือเกิน เพราะคงจะขายหน้าต่อจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่น้อย
พวกเขาจึงมีหน้าที่ดูแลด้านการเงิน และคนที่มาช่วยงานก็ไม่ได้เข้ามาแทรกแซงในส่วนนี้ แม้แต่พี่ชายของจี้เจี้ยนอวิ๋นอย่างจี้เจี้ยนเยี่ยยังต้องระวังให้ดี
เนื้อหมูขายได้ 20 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่เนื้อแกะขายไป 25 เปอร์เซ็นต์ ทั้งเนื้อหมูและเนื้อแกะถูกขายพร้อมกัน ต่อให้เป็นเนื้อเหมือนกัน แต่ไม่ได้นำมาปะปนกัน
พวกเขางานยุ่งกันตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่ และดูท่าจะเป็นเช่นนั้นจนกว่าจะถึงวันหยุดยาว
จี้เจี้ยนอวิ๋นจ่ายเงินเดือนให้จี้ต้าหย่ง 50 หยวน จี้ต้าหย่งพึงพอใจไม่น้อย ถึงอย่างไรเขาก็ได้รับเงินเต็มเดือน ทั้งที่ทำงานน้อยกว่า 27 วัน
เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาถึงบ้าน เขาก็เริ่มสรุปบัญชีประจำปี
ซูตานหงพาเหรินเหริน ฉีฉี และเสียงเสียงกลับลงมาจากสวน จึงได้เห็นเขาอยู่คนเดียวในบ้าน
“ไปสิลูก คลานไปหาพ่อเขา” ซูตานหงปล่อยเสียงเสียงลงบนพรม ตอนนี้ทั้งบ้านถูกปูพรมไว้ทั่ว เสียงเสียงจึงคลานไปกอดขาพ่อได้
ส่วนซูตานหงนั้นไปเตรียมมื้อเย็นในครัว
จี้เจี้ยนอวิ๋นก้มลงมอง เขาเห็นลูกชายกอดขาอยู่จึงหัวเราะออกมา ก่อนอุ้มลูกชายตัวน้อยขึ้นมานั่งบนตัก
“แอ้” เสียงเสียงยื่นมือออกไป หมายจะคว้าสมุด
“เหรินเหริน เทน้ำใส่ขวดมาให้น้องหน่อย” จี้เจี้ยนอวิ๋นสั่ง
เหรินเหรินไปเทน้ำอุ่นลงในขวด และลองดื่มเองก่อน เพื่อทดสอบว่าน้ำไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป เมื่อรู้สึกว่าอุณหภูมิอุ่นพอดี จึงส่งให้น้องชายถือและดื่มเอง
“พาน้องไปเล่นสิ” จี้เจี้ยนอวิ๋นส่งเสียงเสียงให้เขา
หากแต่เสียงเสียงไม่ยอม จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยให้เขานั่งต่อไป โชคดีที่เด็กน้อยไม่งอแงอีก และดื่มน้ำในขวดไปเงียบ ๆ
จี้เจี้ยนอวิ๋นทำบัญชีต่อ เขาเกิดความพึงพอใจหลังคิดคำนวณเสร็จสิ้น ทุกอย่างถูกลงรายการไว้ในสมุดบัญชี
แต่ก่อนที่จะดีใจเกินไปนัก เขาก็รับรู้ได้ถึงความอุ่นชื้นบนหน้าขา
จี้เจี้ยนอวิ๋นนิ่งไปครู่หนึ่ง มองหน้าเด็กน้อยที่นั่งบนตักอย่างช่วยไม่ได้
เสียงเสียงจ้องหน้าพ่อกลับ เห็นได้ชัดว่าตนปัสสาวะรดกางเกงของพ่อ แต่กลับไม่สนใจ ยังคงถือขวดนมดูดน้ำต่อไป
จี้เจี้ยนอวิ๋นวางน้ำไว้ข้างตัว แล้วพาเขาไปปัสสาวะ ครั้นทำธุระจนเสร็จแล้วจึงเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ และปล่อยให้เขาไปก่อกวนพี่ชายทั้งสอง ก่อนจะไปเปลี่ยนกางเกงตัวใหม่
เขาโยนกางเกงขายาวลงในเครื่องซักผ้า ก่อนจะมาหาภรรยา
“หลังหักต้นทุนกับค่าแรงแล้ว ปีนี้ได้กำไรทั้งหมดเท่าไหร่เหรอคะ?” เห็นเขาเป็นแบบนี้ ซูตานหงเองก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการบอกอะไรเช่นกัน แต่เธอมักคอยสนับสนุนเขามาตลอด จึงถามขึ้นพร้อมรอยยิ้ม