ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 303 หน้าไม่อาย
ตอนที่ 303 หน้าไม่อาย
ด้วยความสามารถในการหลอกล่อน้องชายซึ่งซูตานหงยังตามไม่ค่อยทันนัก เขาก็ได้เงินนั้นมาอย่างง่ายดาย
ฉีฉีรับเงินมาด้วยท่าทางเริงร่า เขานำเงินปึกนั้นมายื่นให้กับผู้เป็นแม่ “เงินทั้งหมดนี้เป็นของน้องชายนะครับ ผมคิดว่าเขายังเด็กอยู่ ยังใช้เงินไม่เป็น จึงต้องเก็บเอาไว้ก่อน แม่นับเก็บไว้ให้เขานะครับ เงินนี้เป็นจำนวนไม่น้อยเลย”
ซูตานหงนึกไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ เธออึ้งไปครู่หนึ่งแล้วก็เอ่ยชม “ลูกทำได้ดีมาก แม่ภูมิใจมากเลย วันนี้แม่อนุญาตให้ลูกหยิบลูกอมกระต่ายขาวไปแบ่งกับเพื่อน ๆ ได้เต็มที่เลยนะจ๊ะ”
“จริงเหรอครับ?” ฉีฉีมีดวงตาเป็นประกาย
“จริงสิ ไปหยิบได้เลย แม่เชื่อใจลูก” ซูตานหงบอก
ฉีฉีเดินไปหยิบลูกอม เขาหยิบมา 5 เม็ด ก่อนออกไปเล่นข้างนอก
ด้วยลูกอม 5 เม็ดนี้ เพื่อน ๆ ของเขาจึงมีความสุขมาก ยิ่งทำให้บรรยากาศของปีนี้หวานชื่นมากขึ้น
ซูตานหงเล่าเรื่องนี้ให้จี้เจี้ยนอวิ๋นฟัง จี้เจี้ยนอวิ๋นยกยิ้ม “เขามาถามผมแล้วครับ แล้วผมก็กำชับให้เขาเก็บเงินเอาไว้”
“คุณไม่บอกฉันก่อนนี่คะ วันนี้ฉันเกือบดุเขาไปแล้วเชียว” ซูตานหงเอ่ยอย่างแง่งอน
โชคดีที่เธอเป็นพวกเจรจาก่อนใช้กำลังภายหลัง จึงกลับลำได้ทันการ ไม่เช่นนั้นคงได้ทำร้ายจิตใจลูกชายตนไปแล้ว
“ฉีฉีไม่ได้จิตใจอ่อนไหวอย่างที่คุณคิดหรอกครับ แค่บอกเขาว่าคุณคิดอะไร เขาก็เข้าใจได้”
แม้ลูกชายคนรองจะดื้อซนไปบ้าง แต่เขาไม่ใช่คนงี่เง่า กลับเฉลียวฉลาดตั้งแต่ยังเด็ก เขาเข้าใจทุกอย่างที่ควรจะเป็น หากเขาไม่รู้ เพียงแค่อธิบายให้ฟัง เขาย่อมเข้าใจได้อย่างไม่ยากเย็น
ฉีฉีกลับมาในเวลาเย็นย่ำหลังจากออกไปเล่นในวันนี้ เขามีท่าทางกังวลเล็กน้อยเมื่อกลับมาถึงบ้าน ด้วยกลัวว่าแม่จะเอ็ดเขา แต่ซูตานหงกลับทำเพียงเตือน “ครั้งหน้ากลับมาให้เร็วกว่านี้นะลูก”
“ครั้งหน้าผมจะรีบกลับบ้านครับ!” ฉีฉีพลันรับคำ
“ดี ไปล้างมือแล้วเตรียมตัวกินข้าวได้แล้ว” ซูตานหงบอก
อาจเป็นเพราะวันนี้เขาไม่โดนเอ็ด ฉีฉีจึงคิดว่าแม่ใจดีเป็นพิเศษ ถึงได้ทำตัวออดอ้อนคลอเคลียข้างเธอไม่ห่างหลังจากกินข้าวเสร็จ ยากนักที่จะเห็นเขานั่งนิ่งได้นานขนาดนี้
หลายวันหลังปีใหม่ที่ผ่านมา ซูตานหงก็อนุญาตให้สามพี่น้องนอนด้วยได้ หลังจากวันที่ 5 พวกเขาต้องกลับไปนอนที่ห้องตนเอง มีเพียงเสียงเสียงที่อยู่ได้เพราะอายุยังน้อย
ปีนี้จี้อวิ๋นอวิ๋นไม่ได้โผล่มารบกวนให้เธอเสียอารมณ์เลย ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่สบายใจเช่นนี้ หากแต่ซูตานหงกลับคิดว่าแม่สามีน่าจะรู้สึกผิดหวังไม่น้อย
แม้ลูกสาวคนนี้จะทำให้นางเอือมระอามาตลอด แต่นางก็เป็นคนคลอดหล่อนออกมาเอง ความรู้สึกจึงเทียบกันไม่ได้
เมื่อคิดว่าหล่อนคงอยู่เพียงลำพังในช่วงปีใหม่ มีหรือที่นางจะไม่คิดเศร้าใจ?
ซูตานหงจึงคิดว่า ลึกลงไปแล้วคุณแม่จี้คงอดเสียใจไม่ได้
ผู้อื่นอาจไม่รับรู้ แต่คนที่ร่วมเรียงเคียงหมอนอย่างคุณพ่อจี้ เขาย่อมรู้ดี
คุณแม่จี้ได้ถามเขาในช่วงเย็น “คุณคิดว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นกับหลี่จื้อพอจะยังเป็นไปได้…”
“คุณเห็นแก่ตัวเกินไปแล้ว อย่าทำร้ายผู้ชายดี ๆ อย่างหลี่จื้ออีกเลย” คุณพ่อจี้ว่าเสียงเรียบ
เขารู้นิสัยภรรยาตนเองดี แม้จะโกรธเสียจนคิดตัดความสัมพันธ์ แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับใจอ่อนลง
“หยวนหยวนไม่มีแม่ ถ้าต่อไปหลี่จื้อแต่งงานใหม่ แม่เลี้ยงคงจะแย่กว่าแม่จริง ๆ นะคะ” คุณแม่จี้เอ่ยเสียงแผ่ว
นางไม่กล้าพูดเรื่องนี้มากนัก
“มีแม่อย่างหล่อนก็เหมือนไม่มี ถ้าภรรยาผมเป็นแบบนั้น ผมคงไม่ขอกลับไปคืนดีอีก ต่อให้มาคุกเข่าต่อหน้าก็ตาม!” คุณพ่อจี้ขึ้นเสียงเย็นชา
ผิดกับคุณแม่จี้ คุณพ่อจี้มีความเด็ดเดี่ยวกว่ามาก เขาไม่ยอมรับลูกสาวคนนี้อีกต่อไป หากหล่อนทำเรื่องเช่นนั้นลงไปแล้ว ก็ย่อมทำให้บรรพบุรุษตระกูลจี้เสียเกียรติ หมดสิ้นซึ่งเหตุผลที่จะให้อภัยหล่อนได้อีก!
“ฉันแค่พูดเฉย ๆ น่ะค่ะ คุณไม่เห็นต้องโมโหเป็นฟืนเป็นไฟเลย” คุณแม่จี้เอ่ย
“คุณพูดแบบนี้ต่อหน้าผมยังไม่เป็นไร แต่ถ้าหลี่จื้อมาพร้อมกับหยวนหยวนแล้วอย่าได้พูดออกมาเชียว เงียบเอาไว้ซะ!” คุณพ่อจี้กำชับ
เขาไม่สนใจลูกสาวอีกแล้ว แต่ยังรักหลานสาวของตนอยู่ อย่าให้ถึงขั้นที่หลี่จื้อไม่พาหยวนหยวนมาหาเลย
“ฉันรู้ค่ะ แต่ตอนนี้เป็นช่วงปีใหม่ หล่อนอยู่ตัวคนเดียวไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง” คุณแม่จี้บอก
“มันเป็นเรื่องของหล่อน ไม่ต้องไปกังวลเรื่องนั้นหรอก เอาล่ะ พรุ่งนี้คุณต้องออกไปเก็บไข่แต่เช้า เหรินเหรินต้องเข้าเรียนชั้นประถมช่วงวันหยุดฤดูร้อนนี้แล้ว ผมเองก็งานยุ่งมาก ไม่มีเวลาช่วยคุณเก็บไข่แน่” คุณพ่อจี้เอ่ย
เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าหญิงสูงวัยคนนี้จะคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยในขณะที่ว่างงาน จนกระทั่งคิดไปถึงเรื่องลูกสาวเนรคุณกับหลี่จื้อ จนเขาที่ได้ยินแล้วยังอดหน้าร้อนผ่าวกับความหน้าไม่อายไม่ได้!
ปีนี้จี้อวิ๋นอวิ๋นต้องอยู่เพียงลำพังอย่างแท้จริง หล่อนไม่สามารถกลับไปที่บ้านแม่ได้ บ้านของแม่สามีก็เช่นกัน จึงทำได้เพียงอยู่ตัวคนเดียวในเมือง
เดิมทีหล่อนตั้งใจกลับไปหาหลี่จื้อ หากแต่ไม่อาจลืมเรื่องที่โดนสาดปัสสาวะใส่ได้
หล่อนจึงไม่ได้ไป ค่อยไปหาตอนที่เขากลับไปสอนหนังสือในเมืองแล้วกัน!
ช่วงปีใหม่นี้ จี้อวิ๋นอวิ๋นจึงดำเนินกิจการเช่นเดิม ร้านค้าของหล่อนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า สร้างรายได้ก้อนโตในช่วงปีใหม่นี้
ผ่านพ้นวันนี้ไป ก็จะเข้าช่วงเทศกาลโคมไฟในวันที่ 15 เดือน 1
ตอนนี้โรงเรียนในเมืองเปิดเรียนกันแล้ว หลี่จื้อจึงจำต้องปล่อยลูกสาวให้แม่ของเขาดูแล และกลับมาสอนหนังสือ
เมื่อขี่จักรยานกลับมา เขาจึงได้เห็นจี้อวิ๋นอวิ๋นรอตนอยู่ ทันใดนั้นเอง สีหน้าหลี่จื้อก็บูดบึ้งขึ้นในทันที
เห็นเขาเป็นเช่นนี้ จี้อวิ๋นอวิ๋นก็เม้มปากและบอก “หลี่จื้อ ฉันขอโทษสำหรับเรื่องที่ผ่านมา ฉันรู้ตัวว่าฉันทำผิดไปแล้ว คุณช่วยเลิก…”
“หุบปาก!” หล่อนต้องการให้เขาเลิกกังวลเรื่องหล่อนกับชายอื่น หากแต่ไม่ทันจะได้พูดจบ กลับถูกหลี่จื้อตัดบทขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดเสียก่อน
“จี้อวิ๋นอวิ๋น ผมจะบอกคุณให้นะ เรื่องระหว่างผมกับคุณมันจบไปแล้ว ไม่มีทางต่อกันติด ดังนั้นอย่ามารบกวนผมอีก ทุกคนในโรงเรียนนี้ต่างรู้วีรกรรมของคุณกันหมดแล้ว อย่าทำให้ตัวเองขายหน้าเลย!” หลี่จื้อว่าจบก็เข็นจักรยานเข้าไปในโรงเรียน
เขาไม่สนใจจี้อวิ๋นอวิ๋นแม้แต่น้อย การที่จี้อวิ๋นอวิ๋นมาตามหาเขาถึงที่โรงเรียนมันทำให้เขานึกไม่ถึงจริง ๆ หล่อนช่างหน้าไม่อายเหลือเกิน!
จี้อวิ๋นอวิ๋นทั้งรักทั้งเกลียด และเพราะยังเหลือเยื่อใยอยู่ หล่อนจึงสับสนและไม่อาจพูดสิ่งใดออกมาได้ ชายคนนี้ในตอนนี้ยังดูน่าพึ่งพา และยังนิสัยดีเหมือนก่อนไม่เคยเปลี่ยน
แต่เมื่อมองผ่านข้อดีของเขาไป หล่อนกลับนึกโมโหขึ้นมา
เมื่อก่อนหล่อนแค่หลงผิดไปเพราะถูกโจวจื่อล่อลวง ตอนนี้หล่อนคิดได้แล้ว เขาจะโกรธเกลียดหล่อนเพราะเคยคบชายอื่นอย่างนั้นหรือ?
ต่อไปในภายภาคหน้า นักเรียนในวัยเล่าเรียนเหล่านี้ต่างเคยขึ้นเตียงกับรุ่นพี่กับเพื่อนชายกันทั้งนั้น เมื่อออกมาเผชิญโลกกว้าง พวกเธอยังมีอนาคตสดใส มีโอกาสแต่งงาน และมีบ้านและรถเป็นของตัวเอง
พวกเธอทำแบบนี้กันทั้งนั้น กับจี้อวิ๋นอวิ๋นที่รู้ว่าตนเองทำผิดล่ะ เหตุใดเขาถึงไม่พอใจหล่อนถึงขนาดนี้กัน?
“เพราะฉันไม่มีเงินเลยดูถูกฉันอย่างนั้นเหรอ? หลี่จื้อ รอก่อนเถอะ ฉันจะกลับมาหาคุณพร้อมรถหรูให้ดู!” จี้อวิ๋นอวิ๋นกัดฟันกรอด
ว่าจบหล่อนก็ก้าวส้นสูงทันสมัยเดินฉับออกไป หล่อนตั้งใจจะหาเงินให้ได้มากขึ้น เมื่อมีเงินแล้ว หล่อนจะกลับมาหาหลี่จื้ออีกครั้ง!