ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 306 ย้ายถิ่นฐาน
ตอนที่ 306 ย้ายถิ่นฐาน
“ 50 หยวนต่อเดือนเลยเหรอ?” ต้าจวินตาโต
“ทำไม นายว่ามันน้อยไปเหรอ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย
“ไม่ใช่ เยอะไปต่างหาก!” ต้าจวินรีบส่ายหน้า “ฉันรู้ว่านายเป็นคนยังไงนะเจี้ยนอวิ๋น แต่นายไม่จำเป็นต้องมาช่วยฉันแบบนี้ บ้านนายเองก็ยังต้องเลี้ยงลูกอีกตั้งสามคน”
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มออกมา “ฉันไม่ได้ให้อะไรนายเป็นพิเศษเลย คนงานของฉันทุกคนได้เงินเดือน 50 หยวนกันหมด นับดูแล้วก็มีคนงานประมาณ 20 กว่าคนได้”
“คนงาน 20 กว่าคน?” ต้าจวินตาค้างไปแล้ว
“ใช่แล้ว เงินเดือนก็ได้เท่านั้น เดือนหนึ่งรายจ่ายอยู่ 1,000 กว่าหยวน” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า “นายสนใจจะไปไหม?”
“นายจะไม่ลำบากเกินไปเหรอ?” ต้าจวินเอ่ยถาม
“ไม่หรอก ต่อให้ขานายใช้การไม่ได้ไปข้างหนึ่ง นายก็ยังสามารถฆ่าปลาแล่เนื้อได้ไม่ใช่หรือไง? ไปขายเนื้อปลาเนื้อหมูให้ฉันก็พอ ส่วนคุณป้าก็ช่วยขายของอื่น ๆ ไป คิดเงินเดือนของทั้งสองคนรวมเป็น 80 หยวน ส่วนเรื่องสินค้าที่จะขาย ฉันจะให้คนมาส่งของให้ นายไม่ต้องมารับเอง” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
ต้าจวินไม่มีอะไรจะพูดต่อ
“เรื่องการเรียนของลูก ๆ นายไม่ต้องเป็นห่วง ในเมืองมีโรงเรียนประถมกับมัธยมต้นอยู่ มัธยมปลายก็มีนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พูดจบก็เอื้อมไปตบไหล่เขา “รีบ ๆ ตัดสินใจเข้าเถอะ ฉันหาเวลาว่างมาที่นี่โดยเฉพาะเลยนะ ตอนนี้ที่บ้านกำลังยุ่ง ๆ อยู่ มาที่นี่ครั้งนี้ก็ใช้เวลา 8 ถึง 9 วันแล้ว”
“งั้นฉันขอคุยกับแม่ก่อน” ต้าจวินเอ่ย
“ได้” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า
ต้าจวินจึงบอกเรื่องนี้กับผู้เป็นแม่ พอคุณแม่ต้าได้ฟัง นางก็ทำใจไม่ได้ที่จะไปจากที่นี่ เนื่องจากที่นี่เป็นบ้านเกิดของนาง
แต่นางเองก็รู้ดีว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีกว่าหากจะตามไปอยู่กับลูกชาย ขืนอยู่ต่อที่นี่ก็พานนึกถึงเรื่องที่ภรรยาของลูกชายหอบเอาเงินหนีไป ชื่อเสียงป่นปี้จนกระทั่งหลาน ๆ ไม่กล้าเงยหน้ามองใคร
“ไปบอกกับเจี้ยนอวิ๋นเถอะ ไปที่นั่นอาจจะลำบาก แต่ก็ดีกว่าอยู่ที่นี่” แม่ของต้าจวินถอนหายใจออกมา
“ลำบากอะไรกันครับ? พอไปถึงที่นั่นคุณป้าก็จะรู้เอง ลูกน้องของผมได้เงินเดือนจนมีบ้านเป็นของตัวเองกันหมดแล้วล่ะครับ!” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยอย่างยิ้ม ๆ
แม่ของต้าจวิ๋นยิ้มรับ “ป้าไม่อยากได้อะไรแล้วล่ะ ขอแค่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอ”
“แน่นอนอยู่แล้วครับ ถ้าทำไม่ได้ผมจะพาต้าจวินไปทำไม?” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ “เอาเอกสารพวกทะเบียนบ้านและอะไรอย่างอื่นไปให้ครบนะครับ ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ได้กลับมาอีก ถ้าได้ซื้อบ้านที่นั่น ก็ตั้งรกรากกันใหม่ไปเลย”
คิดไม่ถึงว่าเขาจะคิดไปไกลขนาดนั้น แต่ต้าจวินกลับตกลงเห็นด้วย เขาเองก็ไม่อยากกลับมาที่นี่แล้วเหมือนกัน
แม่ของต้าจวินไม่สนใจเรื่องอะไรแล้ว ภรรยาของลูกชายก็เป็นนางที่เลือกให้ ที่จริงต้าจวินไม่ได้อยากแต่งด้วย แต่เมื่อแม่เลือกให้แล้วเขาก็ต้องยอมแต่งด้วย
หลังจากนั้นไม่เพียงแต่หล่อนจะขี้เกียจในกิจบ้านงานเรือน แต่ยังทำตัวไม่ดีอีกด้วย
“เงินนี่นายเก็บไปเถอะ อีกหน่อยก็ต้องให้เป็นเงินเดือนแล้ว” ต้าจวินนำเงิน 500 หยวนคืนให้กับจี้เจี้ยนอวิ๋น
จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย “พอเลย เก็บเอาไว้ใช้เถอะ คืนนี้นายต้องดูแลฉันด้วย ส่วนเงินนี่ก็เก็บไว้ใช้ พอตั้งตัวได้ก็ค่อยเอามาคืน ถึงตอนนั้นฉันจะรับหรือไม่รับมันก็อีกเรื่อง”
พอพูดถึงตรงนี้ ต้าจวินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก มันจะดูหน้าซื่อใจคดถ้าคิดจะปฏิเสธอีก
ตอนนี้ดึกมากแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงตั้งใจจะพักที่นี่ พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับ เขาไปรับเซียวจวิ้นลูกชายของต้าจวินกลับจากโรงเรียน และทำเรื่องลาออกด้วย
ต้าจวินมีแซ่ว่าเซียว ลูกชายของเขาชื่อว่าจวิ้น ชื่อเต็มของเด็กชายจึงเป็นเซียวจวิ้น
เมื่อเห็นว่าพ่อของตนเองมา เซียวจวิ้นก็วิ่งมาหาทันที เขาเป็นเด็กที่อ่อนน้อมว่าง่าย ไม่แข็งกระด้างเลย
“นี่คือคุณอาของลูกนะ” ต้าจวินแนะนำ
“สวัสดีครับคุณอา!” เซียวจวิ้นมองจี้เจี้ยนอวิ๋นแล้วเอ่ยออกมาเสียงดัง
จี้เจี้ยนอวิ๋นรับคำ ตลอดทางกลับบ้าน ต้าจวินใช้เงินซื้อของในหมู่บ้าน เขาซื้อแม่ไก่มาหนึ่งตัวและไข่อีกเจ็ดแปดฟอง ก่อนจะถือมันกลับไปที่บ้าน
“คืนนี้เรากินไก่กันด้วยเหรอครับ?” แววตาของเซียวจวิ้นเป็นประกาย
“ไม่มีมารยาท” ต้าจวินเอ่ยดุเบา ๆ แต่ก็ไม่จริงจังอะไรมากมาย บ้านหลังนี้ยากจนเป็นอย่างมาก ไม่มีอะไรที่พอจะต้อนรับขับสู้จี้เจี้ยนอวิ๋นได้เลย ไก่ตัวนี้ก็เป็นเงินของจี้เจี้ยนอวิ๋นซื้อมา
“ไม่เป็นไรหรอก” จี้เจี้ยนอวิ๋นโบกมือ
ต้าจวินถือไก่กลับมาบ้าน แม่ของต้าจวินก็ไม่ได้เอ่ยอะไรและต้มน้ำร้อนเพื่อฆ่าไก่ จี้เจี้ยนอวิ๋นโม้กับต้าจวินว่าเขาเจริญก้าวหน้าไปได้มากขนาดไหน โดยมีเซียวจวิ้นที่ปีนี้เรียนอยู่ประถม 5 แล้วตั้งใจฟังอย่างสนุกสนาน
“ถ้าไปที่นั่น จะได้กินเนื้อทุกวันไหมครับ?” เซียวจวิ้นมีรูปร่างผอมบาง ดูแล้วเหมือนลูกลิงไม่น้อย
“เนื้อชั่งหนึ่งจะราคาเท่าไหร่กันเชียว? อยากกินก็สามารถกินได้ทุกวันอยู่แล้ว” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย
“คุณอาตัวสูงใหญ่ขนาดนี้ เพราะว่ากินเนื้อใช่ไหมครับ?” เซียวจวิ้นถาม
“ใช่สิ ไม่กินเนื้อจะโตได้ยังไง ถ้าเกิดมีคนมาทำร้าย ก็จะสู้เขาไม่ได้เอานะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
“ที่โรงเรียนผมสู้ใครไม่ได้เลย กำลังของผมเทียบกับใครไม่ได้เลย” เซียวจวิ้นเอ่ย
“ไปสู้กับใครมาตอนไหน?” ต้าจวินที่เพิ่งได้รู้เรื่องนี้ก็มองลูกชายของตนหน้านิ่ง
“พวกนั้นว่าผม ผมก็เลยต้องสู้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ” เซียวจวิ้นตอบ
“เด็กโตขนาดนี้ใครจะไม่เคยมีเรื่องบ้าง?” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดในสิ่งที่คิดออกมา
ต้าจวินเองก็ไม่พูดอะไรต่อ เขาเองก็เข้าใจดี รู้ดีเลยว่าเรื่องที่เด็ก ๆ พวกนั้นพูดถึงคงเป็นเรื่องของภรรยาเขา
ไก่หนึ่งตัวถูกแบ่งไปต้มครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งเอาไปย่าง ทั้งหอมทั้งโอชารสจนแทบทนไม่ไหว
เป็นเรื่องหาได้ยากมากที่จี้เจี้ยนอวิ๋นผู้เคยกินอาหารที่ภรรยาทำเท่านั้นจะรู้สึกอย่างนี้ อย่างไรก็ตามในระหว่างเดินทางเขาไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย เขาจึงจัดการสวาปามข้าวเข้าไปสามชาม บวกกับไก่ผัดพริกหยวก ช่างหอมหวนยวนใจนัก
วันต่อมา จี้เจี้ยนอวิ๋นก็พาพวกเขาออกเดินทาง นอกจากอาบน้ำแต่งตัวแล้ว ของอย่างอื่นก็ไม่ได้พกเอาไป เนื่องจากจี้เจี้ยนอวิ๋นพูดไปเมื่อก่อนหน้านี้แล้วว่าให้ไปก่อร่างสร้างตัวใหม่ทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องเอาของไปเยอะแยะมากมาย เพราะขนย้ายลำบาก
ขณะที่จี้เจี้ยนอวิ๋นไปรับสหายของเขา ทางด้านซูตานหงก็เข้าเมืองเช่นกัน เธอให้เหล่าฉินจัดการเรื่องร้านใหม่ให้เสียหน่อย
ถึงเหล่าฉินจะไม่รู้จักต้าจวิน แต่ก็เป็นคนเหมือนกัน หลังจากรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น เขาก็ทนไม่ได้และรับงานนี้มาทำ
เขาช่วยหาหน้าร้านให้อยู่แห่งหนึ่ง เรื่องเงินซูตานหงเป็นคนคุยเอง และได้ซื้อไปในราคา 4,000 หยวน
ตำแหน่งร้านนั้นดีใช้ได้ แม้จะมีราคาสูงขนาดนี้ แต่มันก็สมเหตุสมผล เพราะสถานการณ์ในช่วงนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน
หลังจากเสร็จสิ้นการเจรจา ร้านนี้ก็กลายเป็นชื่อของซูตานหง
เธอจัดการเรื่องร้านขายของเสร็จแล้ว เรื่องอื่น ๆ คงต้องยกให้จี้เจี้ยนอวิ๋นจัดการต่อ
หลายวันต่อมา จี้เจี้ยนอวิ๋นก็พาครอบครัวของต้าจวินมากินข้าวที่บ้าน ซูตานหงเข้าครัวลงมือทำกับข้าวเอง ต้าจวินรู้สึกเกรงใจ เพราะว่าเขากินมากเหลือเกิน เขากินข้าวไปสี่ชาม ช่วยไม่ได้ที่กับข้าวฝีมือน้องสะใภ้มันอร่อยเสียขนาดนั้น
หมูสามชั้นน้ำแดง หมูผัดพริกหยวก ปลาอีกสองตัว มะเขือเทศผัดไข่ และแกงจืดบวบ
มันดูดีมาก ๆ และที่สำคัญรสชาติก็ยอดเยี่ยมจริง ๆ!