ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 323 ต่อให้ลูกสาวแบบนี้มาร่วมฉลองปีใหม่
ตอนที่ 323 ต่อให้ลูกสาวแบบนี้มาร่วมฉลองปีใหม่
สำหรับเรื่องที่คุณแม่จี้แอบนัดพบกับจี้อวิ๋นอวิ๋นนั้น ซูตานหงไม่ได้รู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรก
แต่บริเวณนั้นคือหน้าหมู่บ้าน มีคนผ่านไปผ่านมาตลอด ไม่ได้ทำงานอยู่กับที่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว กระดาษย่อมไม่อาจปิดกั้นเปลวไฟ แล้วจะปิดบังเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน?
ก่อนที่จี้เจี้ยนอวิ๋นจะกลับมาหลังไปซื้อร้านที่ปักกิ่ง ซูตานหงก็ได้ยินเรื่องนี้แล้ว
เป็นป้าหยางที่มาบอกเรื่องนี้ นางเองได้ยินเรื่องนี้มาจากชาวบ้านคนอื่นเช่นกัน ถึงได้มาเล่าให้ซูตานหงฟัง
คุณแม่ซูอยู่ตรงนั้นด้วย นางมุ่ยหน้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น “แม่สามีแกต้องเด็ดขาดกับเรื่องนี้หน่อย จะให้อภัยหล่อนง่าย ๆ ได้ยังไง? ถ้าเป็นลูกสาวฉัน ฉันจะหักขาหล่อนให้ ต่อไปอย่าหวังจะได้มานับญาติกันอีกเลย!”
หล่อนคบชู้ไม่ใช่เหรอ? หล่อนมีสามีที่แต่งงานด้วยอย่างหลี่จื้อทั้งคน เขาทั้งมีชามข้าวเหล็กอยู่ในมือ ทั้งซื่อสัตย์แสนดี แต่เจ้าหล่อนกลับออกไปทำเรื่องงามหน้าแบบนั้น ลูกสาวแบบนี้ เลี้ยงไว้เสียข้าวสุกจริง ๆ
“ตานหง แม่สามีเธอโกรธจนเข้าโรงพยาบาลเลยไม่ใช่เหรอ?” ป้าหยางบอก
นางรู้สึกเช่นกันว่าเรื่องนี้ไม่อาจให้อภัยได้ง่าย ด้วยทำให้ชื่อเสียงตระกูลจี้เสื่อมเสียไป 10 ลี้ 8 หมู่บ้าน
ทั้งกระทบถึงจี้เจี้ยนอวิ๋นผู้เก่งกาจ เขาสั่งสมชื่อเสียงมาทั้งชีวิต ไม่ควรก่อเรื่องฉาวโฉ่ขึ้น ไม่เช่นนั้นเมื่อใดที่คุณพ่อกับคุณแม่จี้ออกไปข้างนอก พวกเขาก็จะถูกชี้หน้านินทาเอาได้!
ใครเป็นต้นเหตุเรื่องนี้กันล่ะ? ไม่ใช่จี้อวิ๋นอวิ๋นหรอกหรือ?
หากยอมยกโทษให้แบบนี้จะหมายความว่าอย่างไรกันเล่า ซึ่งก็หมายความว่าคุณแม่จี้ไม่คิดว่าเรื่องของลูกสาวเป็นเรื่องใหญ่โตนัก นี่ไม่เป็นการทำให้ตัวนางเองเสื่อมเสียเกียรติหรอกหรือ?
ป้าหยางจึงมาบอกเรื่องนี้ ต่อให้นางไม่มาเล่าให้ฟัง ไม่นานนักซูตานหงก็คงรู้เรื่องนี้อยู่ดี ไม่มีทางปิดบังไปได้
ซูตานหงไม่มีความเห็นใดหลังจากได้ยินเรื่องนี้ ด้วยเธอคิดว่ามันไม่ได้ข้องเกี่ยวกับตนแต่อย่างใด แม้แม่สามีจะโกรธลูกสาวเสียจนเข้าโรงพยาบาล แต่ตัวต้นเหตุกลับไม่คิดแม้แต่จะทำน้ำแกงส่งมาที่โรงพยาบาลก็ตาม
การกลับมาของจี้อวิ๋นอวิ๋นครั้งนี้ ซูตานหงรู้ว่าหล่อนเปลี่ยนไปมาก และเป็นคนทันสมัยขึ้น รู้จักแต่งเนื้อแต่งตัว หากแต่ในสายตาของคนอื่น มันกลับยิ่งดูน่ารำคาญใจมากกว่าแต่ก่อน
มันทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนพวกเขาเป็นพวกไกลปืนเที่ยง ราวกับหล่อนยกตนเป็นเทพี มองเหล่ามนุษย์บนพื้นโลกด้วยความสมเพช
เมื่อป้าหยางกลับไป คุณแม่ซูจึงพูดถึงเรื่องนี้กับลูกสาว “แกคิดยังไงกับแม่สามีบ้าง? มองผิวเผินหล่อนก็ยังดูดี ๆ อยู่เลย ทำไมถึงกล้าแอบออกไปเจอลูกสาวกันนะ?”
“ยังไงหล่อนก็เป็นลูกในไส้ท่านนะคะ คุณแม่คงทำใจยากน่ะค่ะ เป็นเรื่องธรรมดา” ซูตานหงว่าเสียงเรียบ
ก่อนที่จี้อวิ๋นอวิ๋นจะกลับมาหา แม่สามีของเธอคงคิดเรื่องนี้มาแล้ว เกรงว่าคงเป็นนางเองที่รู้สึกผิด และคงนึกถึงช่วงเวลาที่อุ้มท้องลูกสาวมา แม้นางรู้ว่าตนไม่พอใจ แต่กลับไม่คิดจะใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้นมากนัก
หากสุดท้ายแล้วนางก็เป็นแม่สามีของเธอ นางเคยช่วยเธอดูแลสวนด้วย ดังนั้นคงมีเรื่องบางอย่างที่ซูตานหงยังไม่รู้
มันยังช่วยให้เจี้ยนอวิ๋นไม่ต้องตกอยู่ในฐานะที่เป็นคนกลาง ถึงอย่างไรมันก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องเสียอารมณ์
“ต่อให้ลูกสาวแบบนี้มาร่วมฉลองปีใหม่ ฉันยังจะไม่เต็มใจเลย!” คุณแม่ซูเอ่ยอย่างหัวเสีย
“ถ้าฉันเป็นอย่างนั้น…”
“ถ้าแกเป็นอย่างนั้น ฉันจะหักขาแก แล้วโยนลงแม่น้ำเป็นอาหารปลาซะ!” คุณแม่ซูแทรกขึ้นทันที พร้อมจ้องเขม็ง
ซูตานหงยิ้มแหยก่อนบอก “แม่คะ ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันยังรักชีวิตตัวเองอยู่ รักสุด ๆ เลยค่ะ!”
“ยังดีที่รู้จักรักชีวิตตัวเอง!” คุณแม่ซูกล่าวเสียงขึ้นจมูก
ส่วนจี้อวิ๋นอวิ๋นจะคุยกับคุณแม่จี้ด้วยเรื่องใดนั้น ซูตานหงไม่รู้แม้แต่น้อย และกำชับแม่ของตนไม่ให้ไปพูดที่ไหน
เวลาพ้นผ่านไป จี้เจี้ยนอวิ๋นไปปักกิ่งได้ครึ่งเดือนแล้ว
จนกระทั่งวันที่จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาจากปักกิ่ง
ท่ามกลางวันที่อากาศร้อนระอุ จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่สามารถอาบน้ำบนรถไฟได้ เขาจึงกลับมาพร้อมกลิ่นตัวโชยอวล
“เหม็น!”
แม้แต่เสียงเสียงยังย่นจมูกใส่ และรังเกียจผู้เป็นพ่อ
ไม่ต้องพูดถึงฉีฉี เขาทำเพียงวิ่งหนีไป หยวนหยวนวิ่งไปหาคุณลุงสามพร้อมผ้าขนหนูในมือ คล้ายส่งสัญญาณให้เขาไปอาบน้ำ ชำระร่างกายให้หอมสะอาด
จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่มีทางเลือก สิ่งแรกที่เขาทำหลังกลับถึงบ้าน คือแบกน้ำเย็น 2 ถังใหญ่เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าและฟอกสบู่ชำระร่างกาย จากนั้นก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันตา
ระหว่างที่เขาอาบน้ำ ซูตานหงรีบไปทำบะหมี่ให้เขา เป็นบะหมี่ชามใหญ่ใส่ไข่และเนื้อล้วน จี้เจี้ยนอวิ๋นตาลุกวาว รู้สึกหิวโหยไม่น้อย
ฉีฉี เสียงเสียง กับหยวนหยวนกินด้วยกันไปแล้วก่อนหน้านี้ พวกเขาต่างถูกใจกันใหญ่
หลังจากกินเสร็จ จี้เจี้ยนอวิ๋นหยิบถุงใบใหญ่ที่ซื้อกลับมา และให้ของขวัญกับพวกเขา
ฉีฉีได้ดาบของเล่น เสียงเสียงได้ลูกบอล ส่วนหยวนหยวนได้ตุ๊กตา ทั้ง 3 คนได้ของฝากแล้วก็ดูร่าเริงกันมาก
โดยเฉพาะหยวนหยวน เธอมองตุ๊กตาในมือด้วยสายตาเป็นประกาย มันเป็นตุ๊กตาที่น่ารักที่สุดเท่าที่เธอมีมา เรียกได้ว่าตัวเก่าเทียบไม่ติด แต่เธอยังเก็บเอาไว้เล่น มันจะได้มีเพื่อน
เหมือนอย่างเธอ การมีพี่ชายน้องชายมันดีมากเลยไม่ใช่เหรอ?
หลังเร่งให้เด็ก ๆ ออกไปเล่น จี้เจี้ยนอวิ๋นก็พาภรรยากลับเข้าห้องนอน
เนื่องจากเด็ก ๆ ออกไปข้างนอกหมดแล้ว แม้แต่เสียงเสียง เขายังให้ฉีฉีเข็นรถเข็นพาออกไป พวกเขาเอาพู่กันและหมึกไปให้คุณปู่คุณย่า โดยมีต้าเฮยติดตามไปด้วย จึงไม่ต้องเป็นกังวล
อีกทั้งสวนยังอยู่ไม่ห่างออกไป
เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นเข้ามาในห้อง เขาเฝ้าคลอเคลียกับภรรยา ในวันอากาศร้อนเช่นนี้ ซูตานหงยิ่งทำให้เขาเหงื่อออกโทรมกาย
หากแต่ต้องบอกว่ามันชวนให้กระปรี้กระเปร่าเหลือเกิน
ความสามารถด้านนี้ของเจี้ยนอวิ๋นทำให้เธอพึงพอใจได้เสมอ
จี้เจี้ยนอวิ๋นเรียกร้องเพียงครั้งเดียว ไม่มากนัก หลังเสร็จกิจเขาก็นำของขวัญที่ซื้อมาฝากให้เธอ เป็นกำไลข้อมือหยกคุณภาพเยี่ยม ต่างหูทองประดับหยกเขียวจักรพรรดิ อีก 1 ชิ้นคือสร้อยทองคำเส้นบาง
ซูตานหงชอบสร้อยเส้นนี้ ด้วยมีขนาดไม่ใหญ่เกินไป และมาพร้อมจี้พระพุทธรูปที่ทำจากหยก ดูดีทีเดียว
“คุณใช้เงินซื้อของพวกนี้ทั้งที่ไปซื้อร้านเหรอคะ?” แม้ซูตานหงจะชอบ แต่เธอยังอดถามไม่ได้
ทุกครั้งที่เขาไปปักกิ่ง เขามักซื้อเครื่องประดับทองและหยกมาฝากเธอเสมอ เธอมีเก็บไว้ในตู้จำนวนมาก หากเขายังซื้อมาเรื่อย ๆ เช่นนี้ ภายในตู้คงไม่มีพื้นที่เพียงพอต่อการเก็บแน่
“ไม่แพงมากนักหรอกครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
ซูตานหงรู้ดีว่ามันมีราคาแพงแน่นอน เนื่องจากมีทั้งกำไลหยก ต่างหูทองประดับหยก และสร้อยคอทองคำ ไม่ว่าจะเป็นหยกอ่อนหรือหยกจักรพรรดิล้วนมีคุณภาพดี พวกมันย่อมมีราคาไม่ใช่น้อย
แต่ในเมื่อสามีของเธอยินดีจ่ายให้เธอ แน่นอนว่าเธอก็ยินดีสวมมันเพื่อเขา
เธอต้องการสวมสร้อยเส้นนี้เพราะทั้งดูดีและไม่สะดุดตานัก แม้จะมีมูลค่ามาก แต่ด้วยชื่อเสียงของครอบครัวเธอในหมู่บ้านนี้ มันก็เป็นเพียงสร้อยเส้นเล็ก ๆ ที่ไม่โดดเด่นนัก
“คุณแม่ไปไหนล่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นถามขึ้น
เขากลับมาถึงบ้านตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่เห็นแม่ยาย