ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 327 พ่อให้เงินแม่ไปแล้วไม่ใช่เหรอ?
ตอนที่ 327 พ่อให้เงินแม่ไปแล้วไม่ใช่เหรอ?
ปีนี้เก็บเกี่ยวผลิตผลบนภูเขาจากเป่ยซานได้ค่อนข้างมาก แต่สำหรับหมู่บ้านเล็ก ๆ อย่างเป่ยซานแล้ว ทุกคนต่างบอกว่าปริมาณเท่านี้ไม่นับว่ามาก เนื่องจากพวกเขานำไปขายได้ลำบาก และยังได้ราคาไม่สูง ทุกคนจึงเลือกทำงานในไร่ ไม่ได้ขึ้นเขาไปเก็บผลผลิตอย่างจริงจังนัก หากพวกเขาลงมือจริงจังคงมีมากกว่านี้
ก่อนหน้าเป็นเช่นนั้น แต่ในเวลาต่อมาไม่ต้องรอให้จี้หงจวินบอก พวกเขาก็ขึ้นไปเก็บกันแล้ว
ปีนี้ครอบครัวในเป่ยซานจึงมีพืชผลจำนวนมาก ลำพังเพียงขายเห็ดป่าต่าง ๆจากภูเขาก็ทำรายได้ถึง 40 ถึง 50 หยวนแล้ว นับเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับชาวบ้านเป่ยซาน
ครั้งนี้พวกเขาขายผลผลิตได้ รวมเป็นรายได้เกือบ 100 หยวน
ในหมู่บ้านอย่างเป่ยซาน รายได้เท่านี้ถือว่าสูงทีเดียว
เมื่อก่อนกว่าจะเก็บเงิน 30 ถึง 40 หยวนได้ต้องใช้เวลานับปี และนั่นเรียกได้ว่าเป็นเงินจำนวนมากแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงชาวบ้านเป่ยซานเลย จี้เจี้ยนอวิ๋นได้ถือโอกาสที่ตอนนี้อากาศไม่หนาวเย็นมากนักและงานที่สวนใกล้เสร็จสิ้นแล้ว มาช่วยแบ่งเบาภาระคนอื่นอย่างทันท่วงที
จี้เจี้ยนอวิ๋นพาจี้ต้าหย่งกับจี้หงจวินไปด้วย บางครั้งเขาจะไปสลับกับจี้เจี้ยนเหอ เรียกได้ว่าเขาออกไปเก็บของป่าบนภูเขาแทบทุกวัน
ไม่น่าเชื่อว่าในปักกิ่งนั้นของป่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ขายดียิ่งกว่าธัญพืชเสียอีก
ส่วนเงินกำไรของทางร้าน หลินต้าเว่ยก็ลงบัญชีไว้อย่างละเอียดชัดเจน ก่อนใส่พัสดุส่งไปทางรถไฟ โดยรวบรวมส่งไปให้จี้เจี้ยนอวิ๋น
ตอนนี้ยังไม่ทันสมัยมากนัก แม้มีการโอนเงินผ่านธนาคารอย่างที่เหล่าจางใช้รับเงินบำนาญ แต่ยังต้องอาศัยเพื่อนเก่าแก่ของเขาช่วยเก็บไว้ให้ และบันทึกไว้ในสมุดบัญชี
เมื่อมีช่วงเวลาว่างจึงไปรับกลับมา
ตอนนี้เขาไม่ได้ขัดสนเงินทอง เขามีเงินในกระเป๋ามากพอที่จะใช้ไปได้ทั้งชีวิตบั้นปลาย
อย่างไรก็ตามชีวิตผู้คนในสมัยนี้ค่อนข้างสะดวกสบาย และทุกครั้งที่บัญชีถูกส่งกลับมา จำนวนเงินและยอดที่บันทึกไว้ก็ตรงกันเสมอ
แม้การส่งสินค้าไปปักกิ่งจะยากลำบากไปเสียหน่อย แต่ผลประกอบการโดยรวมนั้นถือว่าคุ้มค่า
เดือนนี้ได้กำไรเกือบ 600 หยวน หลักหักต้นทุนและค่าแรงแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ยังทำเงินได้มาก
จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้ดูแลร้านค้าทั้งสองเป็นหลัก ตอนนี้หลินต้าเว่ยกับภรรยาเป็นผู้ดูแลร้าน ในขณะที่อีกร้านหนึ่งกำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงซ่อมแซม ยังไม่ได้เปิดกิจการ
เรียกได้ว่าเขาเพิ่งเริ่มทำได้ไม่นาน ยังไม่รู้ว่าสิ่งใดขายดีบ้าง ทั้งคู่จึงยังต้องปรับตัว
จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงทำเพียงปิดร้านหนึ่ง และปล่อยให้ทั้งคู่บริหารร้านเดียวอย่างเต็มที่
ไม่นานนักเวลาก็ล่วงเลยเข้าเดือนพฤศจิกายน ตอนนี้อากาศเริ่มหนาวเย็นลงแล้ว ซึ่งวันนี้เป็นวันจ่ายค่าแรงของจี้เจี้ยนอวิ๋น นอกจากนี้ทั้งจี้ต้าหย่ง จี้หงจวิน และจี้เจี้ยนเหอ ซึ่งออกไปรับซื้อผลผลิต ยังได้รับขิง 1 ชั่ง และน้ำตาลทรายแดง 2 ชั่งกลับไป
เป็นของขวัญพิเศษ ไม่มีใครได้รับนอกจากพวกเขา
อย่างไรก็ตาม จี้เจี้ยนอวิ๋นมอบให้อย่างเปิดเผย และไม่มีใครคิดโวยวาย
ไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนั้นแน่นอน เนื่องจากจี้ต้าหย่งและคนอื่น ๆ ต่างออกไปแต่เช้าตรู่และกลับมาดึกดื่น แม้พวกเขาไม่ต้องทำงานที่ไร่ แต่ก็ต้องผจญลมหนาวที่ทำให้หน้าแห้งแดงระเรื่อยามที่ออกไปข้างนอก
นั่นเป็นเหตุให้เป็นหวัดได้ง่ายมาก จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่จะได้รับขิงชั่งหนึ่งและน้ำตาลทรายแดงสองชั่งเป็นของขวัญพิเศษ
จี้เจี้ยนเหอนำเงินเดือนและของที่ได้รับกลับบ้าน ซูเจวียนมองและถามขึ้น “ทำไมถึงได้ขิงกับน้ำตาลทรายแดงมาด้วยล่ะคะ?”
“เจี้ยนอวิ๋นให้เฉพาะคนที่ไปรับซื้อของป่าน่ะ” จี้เจี้ยนเหอยื่นเงินเดือนให้เธอและบอก “ไปต้มน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงให้ผมที”
“ได้ค่ะ” ซูเจวียนพลันขานรับ พลางรับเงินมา
หล่อนทำน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงมาให้เขา ตอนนี้สามีของหล่อนเป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นธรรมดาที่หล่อนต้องดูแลเขาให้ดี
หลังนำน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงไปให้ หล่อนก็เริ่มนับเงิน ซึ่งนับเป็นจำนวนไม่น้อย
หล่อนแบ่งไว้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน และเก็บส่วนที่เหลือไว้
2 ปีที่ผ่านมา หลายคนในหมู่บ้านพากันสร้างบ้าน หล่อนเองก็นึกโลภและอยากสร้างบ้านเช่นกัน
เมื่อมีบ้านหลังใหม่แล้ว หล่อนจะได้ย้ายออกไป ไม่ต้องอยู่ร่วมชายคากับนังแก่นี่อีก!
ตอนนี้จึงเป็นช่วงที่ต้องเก็บหอมรอบริบ
“ปีหน้าคุณจะได้ขึ้นเงินเดือนอีกหรือเปล่าคะ?” ซูเจวียนเอ่ยถาม
“เงินเดือนตอนนี้ก็สูงพอแล้วนะ” จี้เจี้ยนเหอตอบ
เขายังมีสติคิดได้จึงบอกเช่นนั้น เนื่องจากเขาออกไปรับซื้อของป่าบนเขา ผู้คนที่นั่นยากจนกันมาก ทั้งปีมีรายได้ไม่ถึง 10 หรือ 20 หยวนด้วยซ้ำ
พวกเขาได้เงินเดือนสูงเพียงนี้ เทียบกับชาวบ้านบนเขาแล้ว แม้พวกเขาที่อยู่ที่นี่จะไม่ร่ำรวยนัก แต่นับว่าดีกว่าลิบลับ
“เดือนหนึ่งคุณเก็บได้สักเท่าไหร่กัน? คุณชอบกินเนื้อมากนี่นา!” ซูเจวียนขึ้นเสียง
เงินเดือนของเขาสูงก็จริง แต่ครอบครัวของคนอื่นต่างเก็บออมเอาไว้ ผิดกับครอบครัวหล่อนที่มีเหลือไม่มาก
เนื่องจากปกติต้องซื้อข้าวซื้อบะหมี่ บางครั้งหล่อนจะนำมาจากทางบ้านแม่บ้าง แต่ไม่ได้นำมามากนัก ส่วนใหญ่แล้วจึงต้องหาซื้อ
ทั้งยังมีค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่าย และต้องกินเนื้อทุกวัน ทั้งหมดล้วนต้องใช้เงินทั้งนั้น
“ถ้าคุณเก็บไม่ได้ก็ช่างเถอะ” จี้เจี้ยนเหอไม่ได้สนใจ
“คุณไม่อยากสร้างบ้านบ้างเหรอคะ? ครั้งก่อนฉันพาลูกกลับไปบ้านแม่ แม่บอกว่าซูจิ้นจวินกับซูจินตั๋งเริ่มสร้างบ้านใหม่ตั้งแต่ช่วงปีใหม่แล้วนะ!” ซูเจวียนบอก
“ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเราเลยนี่ ในหมู่บ้านตระกูลซูก็มีคนเริ่มสร้างบ้านมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ? พวกเขาไม่ใช่คนแรกสักหน่อย” จี้เจี้ยนเหอเอ่ย และถอนหายใจหลังว่าจบ มองไปทางลูกสาวที่ยังเล็กและกล่าวขึ้น “เดี๋ยวนี้ลูกสาวบ้านอื่นออกไปทำงานโรงงานกันหมดแล้ว ลูกสาวบ้านเรายังเด็กอยู่เลย”
เขาเองก็นึกโลภเช่นกัน ลูกสาวครอบครัวอื่นต่างหาเงินเข้าบ้านได้เป็นจำนวนมากทุกเดือน หากเขามีลูกมากกว่านี้หน่อย พวกหล่อนก็พอจะไปทำงานในโรงงานได้ ส่วนตัวเขาก็จะได้ไม่ต้องทำงาน
เหตุใดจึงต้องลงเอยเช่นนี้ ทำไมจี้เจี้ยนอวิ๋นถึงได้เรียกตัวเขา และเขาเองก็ไม่กล้าปฏิเสธ
ถ้าทำแบบนั้นเล่า? จี้เจี้ยนอวิ๋นคงไล่ตะเพิดเขาและหาคนมาแทนได้อย่างแน่นอน
เขาจะไปหางานที่เงินเดือนสูงขนาดนี้ได้ที่ไหนอีก?
หากไม่มีเงินเดือนก้อนนี้ เขาจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อเนื้อ? จะกินเนื้อทุกมื้อได้อย่างไรกัน?
เรียกได้ว่าจี้เจี้ยนเหอทั้งรักและเกลียดงานนี้
เขาชอบที่มันได้เงินเดือนสูง แต่ก็เหนื่อยล้าจนเกลียดมันเช่นกัน
เช้าตรู่วันต่อมา จี้เจี้ยนเหอกำลังจะออกไปซื้อเนื้อหมูเช่นเคย ในจังหวะที่เปิดประตูนั้นเอง เขาก็พบหน้าแม่ของตน
เมื่อป้าหลี่พบหน้าลูกคนรอง สีหน้าของนางก็บูดบึ้ง
ลูกชายไม่เอาไหนคนนี้ถูกนางเลี้ยงจนเคยตัวตั้งแต่ยังเล็ก และเขาไม่เห็นนางเป็นแม่อีกเลยตั้งแต่แต่งงานกับนังแพศยาซูเจวียนไป
เขาไม่ได้เจียดเงินเดือนมาให้นางแม้สักนิด เมื่อวานนี้ได้ยินว่าเจี้ยนอวิ๋นให้ขิงมาชั่งหนึ่งกับน้ำตาลทรายแดงอีก 2 ชั่งกับเขา แต่เขากลับไม่ได้เอาไปให้นางแต่อย่างใด!
“แม่ กำลังจะออกไปซื้อเนื้อหมูเช้านี้เหรอครับ?” จี้เจี้ยนเหอรู้ว่าแม่คงไม่อยากพบหน้าเขานัก แต่เขายังเอ่ยทักทาย
“ถ้าฉันไม่ไปซื้อเอง จะรอลูกเนรคุณอย่างแกไปซื้อมาให้ฉันหรือไง!” ป้าหลี่ตะคอก
“พ่อให้เงินกับแม่แล้วไม่ใช่เหรอ? น่าจะพอแล้วนี่ครับ ใช่ว่าแม่จะไม่มีเงินเสียหน่อยนี่” จี้เจี้ยนเหอบอก