ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 356 คนเราย่อมมีความสุขยามที่ใจเป็นสุข
ตอนที่ 356 คนเราย่อมมีความสุขยามที่ใจเป็นสุข
ไข่นี้มีคุณค่าทางโภชนาการจริง ๆ โดยเฉพาะกับผู้อำนวยการเหอ
ตอนนี้แม่เฒ่าเหอชอบกินไข่ของบ้านเขาเป็นพิเศษ และยังกินมันทุกวัน
นอกจากไข่ไก่แล้ว แม่เฒ่าเหอยังเป็นลูกค้าที่ซื่อสัตย์ต่อทุกผลิตภัณฑ์ที่มาจากครอบครัวของจี้เจี้ยนอวิ๋น
ทำไมน่ะเหรอ?
เพราะว่าพวกมันช่วยบำรุงร่างกายน่ะสิ
ไม่ว่าจะเป็นน้ำผึ้งหรือของอย่างอื่น ขอเพียงมาจากบ้านของจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ถือว่ายอดเยี่ยมมาก
แม้ว่าผู้อำนวยการเหอและคุณนายเหอจะรู้ว่าสินค้าจากบ้านจี้เจี้ยนอวิ๋นนั้นเป็นของดี แต่ก็ไม่ได้กล่าวเกินจริงเหมือนอย่างแม่เฒ่าเหอ ที่นางแทบจะยกย่องสินค้าของบ้านจี้เจี้ยนอวิ๋นจนลอยขึ้นฟ้าแล้ว
แต่หญิงชรามีความสุข นางพูดอะไรก็เป็นเช่นนั้น ครั้งนี้แม่เฒ่าเหอยังบอกอีกว่าชอบกินสตรอว์เบอร์รี่มาก
แตงโมและเชอร์รี่ที่ผลิตในภายหลังก็ชอบกินเช่นกัน นางต้องได้กินทุกวัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้ากินมากเกินไป เนื่องจากกลัวเป็นร้อนใน
แม้ว่าของเหล่านี้จะเป็นของดี แต่ถ้ากินมากเกินไปก็ก่อให้เกิดร้อนในได้
แต่อย่าว่าหญิงชราเลย แม้จะรู้สึกระแวงอยู่บ้าง ทว่าปัญหาสุขภาพเรื้อรังของนางก็หายไปไม่น้อย และตัวคนก็ยังดูมีชีวิตชีวาขึ้นด้วย
โดยเฉพาะเนื้อแกะเมื่อปีที่แล้ว หญิงชราชอบกินเป็นพิเศษ บอกว่ากินแล้วร่างกายอบอุ่น พอถึงฤดูหนาวจึงไม่รู้สึกหนาวแล้ว
จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้เชือดแกะมานานแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเนื้อแกะให้กิน อีกอย่างตอนนี้อากาศค่อนข้างร้อน ไม่ค่อยเหมาะกับการกินเนื้อแกะนัก
ผู้อำนวยการเหอมาสอบถามด้วยตัวเอง จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงบอกว่าจะเชือดแกะอย่างเร็วที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยเฉพาะในเทศกาลฉงหยาง* เพราะเวลานั้นเหมาะต่อการกินเนื้อแกะบํารุงร่างกายและเชือดแกะตัวอ้วน ๆ
* เทศกาลฉงหยาง หรือเทศกาลเก้าคู่ ตรงกับวันที่ 9 เดือน 9 ตามปฏิทินจีน และยังเป็นวันผู้สูงอายุของจีนอีกด้วย
“น้ำผึ้งของปีนี้ ผมเอามาให้แม่เฒ่า คุณเอากลับไปเถอะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นให้น้ำผึ้งกับเขา 2 ขวดแล้วพูด
ผู้อำนวยการก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ของเขาเช่นกัน การให้น้ำผึ้ง 2 ขวดจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“รายได้ปีนี้เป็นยังไงบ้าง?” ผู้อำนวยการเหอถามอย่างไม่เกรงใจ
“ไม่เลวเลยครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด “เทศกาลไหว้พระจันทร์ปีนี้ ต้องการไข่เป็ด ไข่ไก่ไหมครับ?”
“เอาสิ นายเตรียมมาให้ฉันเยอะ ๆ เหมือนปีที่แล้วเลยนะ” ผู้อำนวยการเหอพยักหน้า
ปีที่แล้วเขาสั่งไข่เค็มและไข่เป็ดไปไม่น้อย ซึ่งพวกมันมีกลิ่นหอมมาก บรรดาคนงานของเขาต่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นมาก
ที่สําคัญที่สุดก็คือการยกย่องเถ้าแก่อย่างเขาว่ามีมโนธรรม เป็นเถ้าแก่ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมอย่างที่เถ้าแก่โรงงานอื่น ๆ ไม่มี
มีเพียงโรงงานของเขาเท่านั้นที่มีสวัสดิการดังกล่าว
“ใช่แล้ว ขอจองไว้สำหรับสิ้นปีด้วย” ผู้อำนวยการเหอพูด
โรงงานของเขาให้ของขวัญปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ และอีกครั้งสำหรับเทศกาลปีใหม่ นับเป็นเรื่องน่ายินดีปรีดาอย่างหนึ่ง
จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบรับเขา
ผู้อำนวยการเหอซื้อสตรอว์เบอร์รี่และแตงโมกลับไปไม่น้อย มีบางส่วนส่งไปที่โรงงาน แม้จะมีคนมาก แต่ทุกคนก็ได้กินกันคนละ 1 ชิ้น นับว่าช่วยบำรุงหัวใจและปอดให้ชุ่มชื่นได้ไม่เลวในวันที่อากาศร้อนเช่นนี้
ผู้อำนวยการเหอรู้สึกว่าไม่มีเจ้านายคนไหนใจกว้างมากกว่าเขาแล้ว
ผลจากการทำเช่นนี้ก็เป็นที่ชัดเจนเช่นกัน อย่างเช่นโรงงานอื่นมักจะมีคนเปลี่ยนงานอยู่บ่อย ๆ แต่โรงงานของเขาโดยทั่วไปแล้วในหนึ่งเดือนมานี้ไม่มีคนเปลี่ยนงานแม้แต่ 2 ถึง 3 คนเลย พวกเขาทั้งหมดล้วนไม่เต็มใจที่จะออกจากงาน
เป็นที่ควรรู้ว่าต่อให้มีโรงงานมากมาย แต่เจ้านายอย่างเขาก็มีไม่มากนัก
ผู้อำนวยการเหออารมณ์ดีมาก แม่เฒ่าเหอกลับอารมณ์ดียิ่งกว่า ตอนนี้นางขับถ่ายวันละครั้ง จึงอารมณ์ดีอยู่เป็นนิจ และเจริญอาหารเป็นอย่างมาก
หลังรับประทานอย่างต่อเนื่อง ผิวพรรณนางก็ดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
แม่เฒ่าเหอเองก็มีพี่สาวน้องสาวหลายคน เมื่อทุกคนได้เห็นสภาพของนาง พวกนางต่างก็พูดกันเป็นพันครั้งว่าคงไม่เชื่อหากไม่เห็นกับตาตัวเอง
ดังนั้นนอกจากจี้เจี้ยนอวิ๋นจะมีกลุ่มลูกค้าสูงวัยอยู่ในเมืองมหาวิทยาลัยแล้ว พอมาถึงเมืองนี้และได้รับการโฆษณาจากแม่เฒ่าเหอ จึงมีกลุ่มครอบครัวคนรวยอีกไม่น้อยในเมืองนี้เป็นลูกค้าของเขา
ทันทีที่มาถึง พวกเขาก็ซื้อของในจำนวนมหาศาลและใช้เงินราวน้ำหลาก หากเงินเพียงแค่ 100 หยวนทำให้คนแก่ที่บ้านมีความสุข เงินก้อนนี้ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว
ดังนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นจึงปักหลักอยู่ที่นี่ ปีนี้คึกคักขึ้นไม่น้อย เพราะมีผู้คนสัญจรไปมาไม่ขาด และด้วยเหตุนี้เองเศรษฐกิจของหมู่บ้านจึงได้รับการกระตุ้นโดยตรง คนอื่น ๆ ก็พลอยได้ขายถั่ว งา หรืออะไรทํานองนั้นไปด้วย
แต่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ไม่นับว่าบ่อยนัก ทว่าโดยรวมแล้วนี่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่ดีของการพัฒนา
หลังจากนี้เขาคงพัฒนาต่อไปได้อีก หรือไม่ก็เป็นไปได้ว่าหมู่บ้านของพวกเขาจะต้องได้รับความนิยมอย่างแน่นอน เนื่องจากมีสวนผลไม้ของเขาตั้งอยู่ด้วย
ภูเขาทั้ง 4 ลูกเต็มไปด้วยต้นไม้ผลสีเขียวขจี รวมถึงวัวและแกะ
ช่วงนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นว่างงานและไม่มีอะไรทำ จึงนึกครึ้มใจอยากทำอะไรบางอย่างอีกครั้ง
เขาวางแผนที่จะเลี้ยงม้า!
“ทําไมถึงจะเลี้ยงม้าอีกคะ? ถ้าเกิดเลี้ยงม้าแล้ว ถึงตอนนั้นเสียงเสียงและคนอื่น ๆ อยากขี่ขึ้นมาจะทํายังไง?” ซูตานหงพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“เขาอยากขี่ก็ปล่อยให้ขี่ไปเถอะครับ เรามีที่ดินมากมายขนาดนี้ เลี้ยงไว้สัก 2 ตัวก็ไม่เลวเหมือนกัน” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้ม
“เรามีรถอยู่นะคะ” ซูตานหงพูด
“ภรรยาครับ ผมขอเลี้ยงมันสักตัวเถอะ เราซื้อลูกม้า 1 ตัวกลับมาเลี้ยง ถึงตอนนั้นก็ให้คนในครอบครัวเราดูแล เสียงเสียงกับคนอื่นจะได้มีเพื่อนเล่นเพิ่มขึ้นอีก 1 ตัว ตอนนี้เขาดูแลวัว 2 ตัวนั้นเป็นอย่างดีเลย ผมเห็นเขาอาบน้ำให้พวกมันด้วย” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
เขาอายุมากขนาดนี้แล้วยังมาออดอ้อนเธอได้อีก ดูจากแววตาก็รู้แล้วว่ากระตือรือร้นอย่างยิ่ง
ซูตานหงไม่สามารถปฏิเสธได้ เธอจึงพูดขึ้น “แล้วคุณวางแผนที่จะเลี้ยงกี่ตัวคะ? ตั้งใจจะเลี้ยงมันเพื่อความเพลิดเพลินแค่นั้นเหรอ?”
“เลี้ยงเพื่อการทำงานด้วยครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด
ซูตานหงถูกเขาหว่านล้อมด้วยคำพูดคลุมเครือ เขาไม่ได้ตอบว่าจะเลี้ยงกี่ตัวก็ปล่อยให้เขาเลี้ยงแล้ว
ดังนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไปหาต้าจวิน
ต้าจวินเคยเป็นทหารเกณฑ์ในค่ายมาก่อน ซึ่งในค่ายนั้นเลี้ยงม้าอยู่ไม่น้อย เขาจึงรู้ว่าการมาหาต้าจวินเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
ช่วงนี้ต้าจวินกำลังมีความสุขกับเรื่องมงคล เนื่องจากเฉินซวงซวงตั้งครรภ์ได้เดือนกว่าแล้ว
อันที่จริงหลังจากที่ได้แต่งงานแล้ว ต้าจวินก็มีสีหน้าท่าทางดูดีขึ้นไปอีกขั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการแต่งงานที่ดี ไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจอย่างใหญ่หลวงต่อจิตใจของฝ่ายหญิงเท่านั้น แต่ยังส่งผลไม่น้อยสำหรับฝ่ายชายด้วย
แน่นอนว่าเฉินซวงซวงก็มีความสุขมาก เช่นเดียวกับตระกูลเฉิน เนื่องจากตระกูลเซียวรับปากว่าเด็กคนนี้จะเป็นของตระกูลเฉิน ตระกูลเฉินจึงถือได้ว่ามีทายาทสืบทอดแล้ว
ดังนั้นทุกคนจึงมีความสุข
จี้เจี้ยนอวิ๋นมาถึงบ้านของเขา ครั้นได้ยินว่าอีกฝ่ายอยากเลี้ยงม้า ต้าจวินก็หัวเราะ “บนภูเขาจะเลี้ยงม้าได้เหรอ? ฉันคิดว่าพื้นที่บนภูเขามีไม่มากพอหรอก”
ต้าจวินไม่ได้มาที่อำเภอนับตั้งแต่มาถึงที่นี่ ปีนี้เขาแต่งงานจึงไม่ได้ไปเยี่ยม แต่ปีที่แล้วเขามาเยี่ยมอยู่ จึงได้เห็นว่ามีผลไม้อยู่เต็มสวน
“ฉันวางแผนว่าจะทำสัญญาเช่าภูเขาอีก 2 ถูก ถึงตอนนั้นจะมีพื้นที่มากขึ้น” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
ความจริงภูเขา 4 ลูกนั้นก็ไม่นับว่าน้อยแล้ว แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นยังรู้สึกว่ามันไม่เพียงพอ เนื่องจากพื้นที่ของพวกเขาค่อนข้างแห้งแล้ง
ภูเขาหลายลูกล้วนโล่งเตียน คนอื่น ๆ ล้วนทำสวนผลไม้กันไม่ได้ แถมสภาพดินบนภูเขาก็ไม่เหมาะต่อการปลูกพืช
หากพวกเขาปลูกไม้ผลในบริเวณนี้ ก็ถือว่าสอดคล้องกับเป้าหมายของเขาพอดี แต่เป้าหมายนี้ไม่ง่ายนักที่จะบรรลุผลสำเร็จ
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เอาเลยค่ะพี่จี้ อยากทำอะไรทำเลย มีเงินเสียอย่าง ม้าพันธุ์ดี ๆ เดี๋ยวนี้ราคาหลักหมื่นจนถึงหลักแสนขึ้นไปทั้งนั้น ถ้าม้าอาหรับก็หลักล้านน่ะค่ะ
ไหหม่า(海馬)