ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 383 ใครคือคนที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้าน?
ตอนที่ 383 ใครคือคนที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้าน?
“อืม” หลี่จื้อพยักหน้า
“คุณเห็นไหมคะว่าฉันเอาอะไรกลับมาด้วย” เหอเชี่ยนยิ้มและเปิดถุงที่หล่อนถือกลับมา
หลี่จื้อเพิ่งเห็นว่ามันคือเชอร์รี่เช่นกัน ซึ่งพ่อตาของเขาต้องเป็นคนซื้อมาและไม่ได้ตระหนี่ เกรงว่าถุงนี้น น่าจะมีน้ำหนัก 3 ถึง 4 ชั่ง
“คุณกินดูสิ อร่อยมากเลยล่ะ” หลี่จื้อพูด
เหอเชี่ยนพยักหน้า “คุณย่าก็ชอบกินเหมือนกันค่ะ บอกว่าช่วยบำรุงร่างกาย แต่ฉันกินแล้วก็รู้สึกดีจริง ๆ คุณเ เองก็กินเยอะ ๆ นะคะ อย่าเอาแต่เก็บไว้ให้ฉันกิน ฉันกินคนเดียวไม่หมดหรอกค่ะ”
“กินไม่ไหวเหมือนกันครับ” หลี่จื้อพูด
อาหารเย็นของสามีและภรรยานั้นเรียบง่าย ทว่าอุดมสมบูรณ์
มีปลาที่เก็บไว้ในตู้เย็นและไข่ผัดมันฝรั่ง แม้จะมีเพียง 2 จานแต่ก็เพียงพอสําหรับคู่รักทั้งสอง
เหอเชี่ยนไม่ใช่คนเลือกกิน ส่วนหลี่จื้อก็มีฝีมือทำอาหารดี
เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่จื้อได้ออกไปซื้อกระดูกหมูเพื่อนำมาเคี่ยวกับถั่วเหลือง
ปกติแล้วต้องตุ๋นน้ำแกงทุกวัน โดยเฉพาะในมื้อเช้า หลี่จื้อให้ความสําคัญกับมันมาก เนื่องจากไม่ได้กินอะไรมาหลา ายชั่วโมงในตอนกลางคืน แน่นอนว่าต้องกินของที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
ดังนั้น เหอเชี่ยนจึงได้กินปลาและเนื้อทุกวัน เช่นเดียวกับน้ำแกงและผลไม้
ถึงหลี่จื้อจะไม่มีความประทับใจที่ดีต่อจี้อวิ๋นอวิ๋น แต่ต้องบอกว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นมีความสามารถในการกินอย่างมากข ขณะที่ตั้งครรภ์ กินอะไรก็หมดไม่มีเหลือ
ดังนั้นต่อให้หลังจากที่หยวนหยวนคลอดแล้วไม่ได้ดื่มนมของหล่อนแม้แต่หยดเดียว ร่างกายของเธอกลับแข็งแรงมาก ยกเว ว้นแค่รู้สึกเกร็งบ้างตอนที่แม่ของเขาอุ้ม แต่ไม่เคยเป็นหวัดหรืออะไรทำนองนั้นเลย
หลี่จื้อเป็นครูและชอบอ่านหนังสือ ในตอนนั้นเขามีความสุขมากเมื่อหยวนหยวนคลอดออกมา ดังนั้นเขาจึงอ่านหนังสือม มากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้
โดยพื้นฐานแล้วเรื่องโภชนาการก็เป็นสิ่งสำคัญ
“รอถึงวันหยุดฤดูร้อนแล้วคุณก็ค่อยพักงานไปก่อน โดนละอองชอล์กมากเกินไปไม่ดีต่อตัวคุณนะครับ” หลี่จื้อพูด
“อืม ฉันเชื่อฟังคุณค่ะ” เหอเชี่ยนพยักหน้า
หลี่จื้อไม่พูดอะไรอีก หลังจากรับประทานอาหารเช้าแสนอร่อย หลี่จื้อก็ไปล้างจาน จากนั้นเหอเชี่ยนก็ออกไปเดินเ เล่นกับเขา
โรงงานหลายแห่งหยุดงานในวันอาทิตย์ ทุกที่จึงคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เดิมทีหลี่จื้ออยากพาเหอเชี่ยนไปดูหนังที่เม มืองเจียงสุ่ย แต่เหอเชี่ยนปฏิเสธ มันดูยุ่งยากเกินไป ไหนจะต้องนั่งรถไปกลับอีก เหนื่อยอีกไม่รู้ตั้งเท่าไร?
แค่เดินเล่นก็ดีแล้ว
ชีวิตหลังแต่งงานของหลี่จื้อมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด อารมณ์ทั้งหมดเปลี่ยนไปมาก อีกทั้งยังมีเนื้อมีหนังมากขึ้น น จึงดูอ่อนโยนและสง่างามมาก
หลังจากนั้นเขาจึงมาหาหยวนหยวนและแวะมาพบหน้าคุณแม่จี้ แม้คุณแม่จี้จะไม่แสดงสีหน้าที่ดีต่อหลี่จื้อ แต่ก็ปฏิเ เสธไม่ได้เลยว่าในตอนนั้นลูกสาวของนางเสียใจมาก หล่อนแทบจะเป็นจะตายเพราะหลี่จื้อ
ดูจาก 2 ปีที่ผ่านมา หลี่จื้อก็ยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นเรื่อย ๆ ต่อให้อวิ๋นอวิ๋นกระทำเรื่องผิดพลาดแต่หล่อนยังเป็น นคนดีอยู่ อย่างไรเสียหล่อนก็ยังคงเป็นแม่ของหยวนหยวน หากอยู่ด้วยกันก็ถือได้ว่าเป็นการรวมตัวกันใหม่ และคงเป ป็นเรื่องดีกว่านี้สำหรับหยวนหยวน
ทว่าเขากลับดื้อรั้น ไม่คิดเหลียวหลัง กลับไปตกหลุมรักลูกสาวจอมยั่วยวนของผู้อำนวยการเหอ คงเป็นเพราะเห็นแก่เงิ นของคนครอบครัวนั้นแน่ ๆ เขาคิดผิดเสียแล้วล่ะ!
ตระกูลเหอยังมีลูกชาย และทางนั้นคงไม่มอบทรัพย์สินให้ลูกสาวมากนัก ต้องเหลือให้ลูกชายอย่างแน่นอน เขาจะไม่ได ด้รับอะไรเลยด้วยซ้ำ!
แน่นอนว่าคุณแม่จี้ย่อมมีความคิดจิตใจที่มืดมนเช่นนี้
หากหลี่จื้อรับปากกับนางว่าจะคืนดีกับอวิ๋นอวิ๋น อวิ๋นอวิ๋นก็จะไม่ไปสร้างปัญหาให้ลูกสาวของผู้อำนวยการเหอ แล ละร้านค้าของหล่อนก็คงจะไม่ถูกทุบ จนทำให้หล่อนไม่สามารถอยู่ในอำเภอได้ และทำได้เพียงหนีไปที่เมืองเจียงสุ่ย
หากอวิ๋นอวิ๋นไม่ไปที่เมืองเจียงสุ่ย ก็จะไม่ต้องไปพัวพันกับพี่ใหญ่ของลี่ลี่
เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับหลี่จื้อไม่ใช่เหรอ?
พูดถึงเรื่องนี้ คุณแม่จี้ก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนนี้อวิ๋นอวิ๋นเลิกกับพี่ใหญ่ของลี่ลี่แล้ว แค่นี้ก็ ดีแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต และจะไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก
อย่างไรก็ตาม หลี่จื้อยังคงได้รับสีหน้าเย็นชาจากคุณแม่จี้ แต่เขาไม่เก็บเอามาใส่ใจ หลังจากมาเยี่ยมหยวนหยวนแล้ว วก็กลับไป
ปีนี้ในเมืองเริ่มตัดถนนแล้ว มันเริ่มมีการสร้างในฤดูใบไม้ผลิ และได้รับการปรับปรุงมาจนถึงทุกวันนี้ เพียงแต่ไม่ ได้ตัดเข้าสู่หมู่บ้านเท่านั้น แต่เห็นได้ชัดว่าถนนใหญ่ในเมืองมีประโยชน์มากและยังกว้างขวางอีกด้วย
จี้เจี้ยนอวิ๋นเห็นว่าในหมู่บ้านยังไม่มีการปรับปรุงถนน เขาจึงไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน
“ตอนนี้กำลังวางผังเส้นทางหลักอยู่ ถ้าจะตัดเข้าหมู่บ้านของพวกเรา เกรงว่าจะต้องใช้เวลาอีก 2 ถึง 3 ปี” ผู้ใหญ่บ้ านกล่าว
“ถนนในหมู่บ้านใช้ได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่น่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกครั้งที่มีฝนตก มันก็จะมีแต ต่หลุมบ่อ ทำให้รถของเขาเดินทางได้อย่างยากลำบาก
“งั้นเธอก็ไปคุยพวกเขาแล้วให้เงินนิดหน่อย ขอให้พวกเขาขนทรายและหินมาเติมให้ แค่ส่วนเล็กๆ เอง ไม่ต้องใช้เงิน นมากหรอก” ผู้ใหญ่บ้านพูด
จี้เจี้ยนอวิ๋นขับรถไปหาทีมก่อสร้างด้วยตัวเอง เมื่อเห็นว่าเขาขับรถบรรทุกมา พวกเขาก็รู้ว่านี่คงจะเป็นครัวเรือ อน 10,000 หยวนในหมู่บ้าน ไม่ธรรมดาเลย
พอได้ยินเขาถามว่าไปซ่อมถนนที่หมู่บ้านหรือยัง จึงตอบไปว่าตอนนี้ยังไม่ได้ทำ ไม่รู้ว่าในอนาคตจะได้ทำไหม
เมื่อเห็นว่าเขาต้องการทรายและหิน พร้อมกับให้เงิน หัวหน้าคนงานจึงสั่งให้คนนํามันมาและจัดการส่วนนี้
จี้เจี้ยนอวิ๋นมาดูแล้วบอกว่าพอใจมาก ให้เงิน 20 หยวนแล้วได้ผลลัพธ์เช่นนี้ นับว่าคุ้มค่าแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้ฝนตกหนักก็ไม่หวั่น
ในความเป็นจริงหากสร้างถนนขึ้นมา เงินทองของจี้เจี้ยนอวิ๋นก็สามารถสร้างได้ แต่เขาแค่อยากให้ซ่อมถนน จนถึงตอนน นี้เขาจึงยังไม่มีความตั้งใจเช่นนั้น
ที่บ้านมีทั้งเด็กและคนแก่ หากขาดเงินจะทำอย่างไร ส่วนถนนก็เกือบจะเสร็จแล้ว
นอกจากนี้ เขาไม่ได้ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้าน ยังมีผู้ใหญ่บ้านและน้องชายของเขาที่เป็นเศรษฐี แต่ตอนนี้พวกเขาบางค คนขาดกำลังอยู่บ้าง ทำไมน่ะเหรอ? เนื่องจากข้างนอกมีเตาเผาอิฐและหินมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงถูกผู้คนเปรียบเทียบ
ปีที่แล้วไม่อาจฝืนทนต่อไปได้ จึงไปซื้อรถแทรกเตอร์มาขนอิฐ แต่ก็ไม่สามารถตามความก้าวหน้าของผู้อื่นได้
ทว่าในสายตาของคนนอก ครอบครัวของเขาน่าจะมีรายได้มากกว่าจี้เจี้ยนอวิ๋น เนื่องจากจี้เจี้ยนอวิ๋นต้องจ่ายค่าแรงเป็ นเงินจำนวนมากในทุกเดือน แต่เขามีคนงานแค่กี่คน? เมื่อคํานวณแล้วเหลือแค่ 7 ถึง 8คน เงินเดือนก็ยังต่ำกว่าจี้ เจี้ยนอวิ๋นอยู่เลย
นอกจากนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นยังมีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู ลูกหลายคนกำลังรออาหาร เมื่อพวกเขาทำได้เพียงแค่กินและเล่ น ยังทำงานไม่ได้ ทั้งหมดล้วนเป็นค่าใช้จ่ายไม่ใช่เหรอ?
ดังนั้นแม้ว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นจะมีรายได้แซงหน้าเตาเผาอิฐของน้องชายผู้ใหญ่บ้าน ทว่าความมั่งคั่งของเขาก็ไม่ถูกเปิดเผ ผยออกมา ทุกคนคิดว่าเขาดูมีเกียรติ แต่ในความเป็นจริงเขาไม่ได้มีเงินมากนัก
เพราะจี้เจี้ยนอวิ๋นไม่เคยโอ้อวด เสื้อผ้าบนตัวก็ไม่ค่อยได้เปลี่ยนบ่อยนัก และยังประหยัดมาก
เมื่อมองไปที่ผู้ใหญ่บ้านและน้องชายของเขา ซึ่งสวมสร้อยทองขนาดใหญ่ที่คอ และสวมแหวนวงใหญ่ที่มือ ทั้งยังมีนา าฬิกานำเข้าราคา 300 หยวน แถมได้ยินว่ากระเป๋าของเถ้าแก่มีค่าหลายร้อยหยวนเพราะทำมาจากหนังจระเข้อีกต่างหาก!
ใครมีเงินมากกว่ากันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ?
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อยู่อย่างไม่อวดรวยน่ะดีแล้วค่ะพี้จี้ เพราะถ้าอวดแล้วล้มขึ้นมาทีจะมีแต่คนคอยซ้ำเติม
ไหหม่า(海馬)