ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] - ตอนที่ 399 ราคาบ้านพุ่งแรง
ตอนที่ 399 ราคาบ้านพุ่งแรง
ด้วยเงินจำนวนมากขนาดนั้น ในฐานะภรรยาของเขา หยางต้าหยาจะไม่รับผิดชอบด้านการเงินได้อย่างไร?
อย่างที่รู้กันอยู่ว่า หากผู้เป็นภรรยาสามารถรักษาความมั่งคั่งของครอบครัวไว้ได้ ย่อมเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าครอบครัวสุขสบาย
ตอนนี้บ้านของซูตานหงมีภรรยาเป็นผู้ดูแล บ้านของสะใภ้รองซูก็มีภรรยาคอยจัดการเช่นกัน ตอนแรกหยางต้าหยาไม่คิดจะเอาเงินของจี้กวงซง แต่พอฟังสองสาวพูดเข้า หล่อนเองจึงเริ่มห หวั่นไหว
ดังนั้นเมื่อกลับบ้านไปเยี่ยมลูกชาย หยางต้าหยาจึงเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาในคืนที่สองสามีภรรยาจัดการเรื่องราวเสร็จสิ้น
“ทำไมถึงคิดจะเก็บเงินให้ผมล่ะครับ? ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าไม่อยากเก็บไม่ใช่เหรอ” จี้กวงซงขมวดคิ้ว
“เรื่องก่อนหน้าก็คือเรื่องก่อนหน้า เรื่องตอนนี้ก็คือเรื่องตอนนี้ คุณจะให้หรือไม่ให้คะ” หยางต้าหยาถาม
“ได้สิครับ จะไม่ให้ได้ยังไง? เพียงแต่ว่านาน ๆ คุณจะกลับมาสักที ผมน่ะน่าสงสารมากเลยนะ” จี้กวงซงเอ่ย
หยางต้าหยาตีเขาไปทีหนึ่ง ทำเอาเขาพูดไม่ออก
วันต่อมา หยางต้าหยาจึงรับเงินมาและทำสมุดบัญชีเงินฝากแยกต่างหาก หล่อนแยกเงินเก็บของหล่อนเอาไว้ ไม่นำไปรวมกับของจี้กวงซง และแยกของจี้กวงซงออกมาอีกส่วนหนึ่ง
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจี้กวงซ่งมีเงินเยอะมากทีเดียว เขาเก็บเงินพวกนั้นเอาไว้ ไม่ได้ใช้สักเท่าไร หล่อนจึงนำมาฝากธนาคารไว้ทั้งหมดในคราวเดียว นับเป็นเงินจำนวนมาก
อย่างน้อยก็เพียงพอที่จะซื้อร้านค้าในเมืองได้สักแห่ง
หยางต้าหยาพอใจเป็นอย่างมาก และพูดเรื่องนี้กับสะใภ้รองซู สะใภ้รองซูก็เอ่ยขึ้น “จิ้นตั๋งเขาเคยบอกว่าจะซื้อบ้านในเมืองมหาวิทยาลัยเอาไว้ให้สือโถว ได้ข่าวว่าในอนาคตมันจะ ะมีราคาสูงมาก”
“แน่นอนค่ะว่ามันจะต้องราคาสูง พี่สะใภ้ดูสิคะ ตอนนี้ใคร ๆ ต่างก็แย่งกันซื้อ” หยางต้าหยาเอ่ย
หยางต้าหยาไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เหมือนเมื่อสองสามปีก่อนแล้ว หล่อนทำธุรกิจในเมืองและทำงานมาหลายปี จนได้เห็นการพัฒนาในเมืองเป็นอย่างดี
เมืองนี้เคยเป็นเมืองที่ล้าหลัง แต่ตอนนี้ล่ะ? เนื่องจากมีโรงงานมาตั้งมากมาย ทำให้ที่นี่มีผู้คนพลุกพล่าน โดยเฉพาะเวลาเดินทางไปกลับจากที่ทำงาน ก็มีผู้คนสัญจรมากมาย ทั้งชายห หนุ่มและหญิงสาว
เมื่อคนเยอะ การค้าขายจึงดีตามไปด้วย เมื่อการค้าดี ราคาบ้านจึงสูงตามไปด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ต้นปี 1990 ราคาบ้านได้พุ่งสูงมาก สำหรับบ้านปัจจุบันของพวกเขาในเมืองก็มีราคา 4,000 ถึง 5,000 หยวนเข้าไปแล้ว
เมื่อก่อนนี้มันเป็นไปไม่ได้เลย เหมือนได้ยินมาว่าเมื่อ 10 ปีก่อนมีคนซื้อบ้านในเมืองเจียงสุ่ยในราคาเพียง 2,000 ถึง 3,000 หยวนเท่านั้น ตอนนี้เมืองของพวกเขาได้พัฒนามาถึงระดับน นี้แล้ว
นี่แค่ตอนนี้เท่านั้น ถ้าเป็นหลังจากนั้นล่ะ? มันจะมีการพัฒนามากขึ้น ราคาบ้านต้องสูงขึ้นไปอีกแน่ ๆ
“ตอนที่จิ้นตั๋งบอก ฉันก็คิดว่าหลังจากนี้ถ้าคิดจะซื้อคงจะยังพอมีเงินอยู่ แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่รู้ว่าตลาดมันขยายไปขนาดไหนแล้ว” สะใภ้รองซูเอ่ย
“พี่สะใภ้ไปบอกพี่จิ้นตั๋งให้ไปถามน้าตานหงดูไหมคะ?” หยางต้าหยาบอก
“เธออยากจะซื้อเหรอ?” สะใภ้รองซูหัวเราะ
“ฉันเห็นเงินแค่ครึ่งเดียวของกวงซงก็รู้เลยว่าคงใช้ไม่หมด วางเก็บเอาไว้มันก็อยู่แบบนั้น ซื้อบ้านเก็บเอาไว้ให้ลูกชายไม่ดีกว่าเหรอคะ?” หยางต้าหยาพูด
ถึงจะมีลูกชายอยู่แค่คนเดียว แต่แน่นอนว่าหล่อนหวังให้เขาได้อยู่อย่างสุขสบาย
ถ้ามีบ้านอยู่ในเมืองมหาวิทยาลัย อีกหน่อยลูกชายหล่อนคงใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นได้ไม่ใช่หรือ?
สะใภ้รองซูรู้สึกสนใจเช่นกัน อยากจะซื้อให้สือโถวสักที่ เมื่อซูจิ้นตั๋งไปรับของมาขายจึงบอกให้แวะไปถามจี้เจี้ยนอวิ๋นดูสักหน่อย
หลังจากที่ได้ฟัง เขาถึงกับงุนงง
“ราคาบ้านในเมืองมหาวิทยาลัยสูงลิ่วทีเดียว มีห้อง 80 ตารางเมตรห้องหนึ่งอยู่ในชุมชนเดียวกับเหอเจี่ยกับครอบครัว พวกเขามาเยี่ยมเมื่อปีใหม่ปีนี้นี่เอง แล้วทั้งคู่ก็บอกว่ามี คนจะขายบ้าน โดยทางนั้นตั้งราคาไว้ 10,000 หยวน” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย
“ห้อง 80 ตารางเมตร 10,000 หยวน?” ซูจิ้นตั๋งอ้าปากค้าง “เมื่อไม่กี่ปีก่อนมันราคาแค่ไม่กี่พันหยวนเองไม่ใช่เหรอ?”
จี้เจี้ยนอวิ๋นหัวเราะ “พี่รองพูดถึงเมื่อหลายปีก่อนน่ะครับ ตอนนี้ราคาขึ้นเร็วมาก ราคาหินและอิฐยังขึ้น แล้วราคาบ้านจะไม่ขึ้นได้ยังไง?”
อย่างน้อยราคาบ้านในเมืองมหาวิทยาลัยยังขึ้นช้า ไม่เหมือนกับที่ปักกิ่งที่ขึ้นราคาอย่างโหดมหันต์
ห้อง 80 ตารางเมตรของที่นั่น ราคาอยู่ที่ราว 15,000 หยวนได้
นอกจากร้านค้าสองแห่งที่นั่น จี้เจี้ยนอวิ๋นยังขอให้พ่อบุญธรรมของเขานำเอกสารมาเพื่อซื้อห้องชุดให้เขา 2 ถึง 3 ห้อง เพราะเขาไม่ได้ขาดเงินเลย ยิ่งต้องใช้เงินมากเท่าใดยิ่งหมา ายความว่าเงินมีมูลค่าน้อยลง โจวเว่ยที่เขาเคยช่วยชีวิตเอาไว้ได้บอกเขาตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้วว่าเดี๋ยวจะมีเส้นทางรถไฟผ่าน และบอกเขาว่าถ้าเขามีเงินให้ซื้อเอาไว้บ้าง จะไ ได้สามารถเก็บไว้ยามแก่เฒ่าได้
เมื่อโจวเว่ยบอกว่าเขาต้องการรับลูกชายของเขาเป็นลูกบุญธรรม จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่เคยคิดจริงจังกับเรื่องนี้ ตอนนี้โจวเว่ยไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้และเขาก็เช่นกัน มันเป็นสิ่งที่ เป็นไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อพูดถึงการซื้อบ้าน จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ได้ให้เงินจำนวนหนึ่งกับหลินต้าเว่ยและภรรยาของเขายืมไปเพื่อซื้อบ้านในปีนี้
ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะทำได้ในสถานที่เช่นปักกิ่ง หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากจี้เจี้ยนอวิ๋น พวกเขาคงไม่สามารถซื้อบ้านได้เลย
ถึงกระนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ยังไม่ได้ให้เงินเต็มจำนวน เพียงช่วยพวกเขาจ่ายเงินต้นเท่านั้น พวกเขาต้องจ่ายเงินที่เหลือเองทุกเดือน และเงินที่ยืมมาส่วนหนึ่งจะถูกหักออกจากเงิน นเดือนของพวกเขา
ท้ายที่สุดพวกเขาจะสามารถลงหลักปักฐานในปักกิ่งกับลูก ๆ ของพวกเขาได้
สองสามีภรรยารู้สึกขอบคุณจี้เจี้ยนอวิ๋นที่มอบงานที่มั่นคงให้แก่พวกเขา เดือนหนึ่งได้เงินมากมาย พวกเขาจะไปหามาจากที่ไหนได้อีก?
ยิ่งกว่านั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นยังรักษาสัญญาด้วย เขาบอกในตอนแรกว่าถ้าพวกเขาซื้อบ้าน เขาจะให้ยืมเงินฉุกเฉิน เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่เชื่อ จึงไม่กล้าคาดหวังมากเกินไป
มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตที่จะจ่ายเงินหลายพันหยวนเพื่อช่วยให้พวกเขาจ่ายเงินน้อยลง
ถึงพวกเขาจะซื้อบ้านหลังเล็กที่มีขนาดเพียง 80 ตารางเมตร แต่สองสามีภรรยากับลูกสาวอีกหนึ่งคนก็มีชีวิตที่มั่นคงแล้ว และเริ่มคิดที่จะตั้งรกรากที่ปักกิ่ง
ได้ยินมาว่าหลินต้าเว่ยจะกลับบ้านช่วงวันหยุดปีใหม่ในปีนี้ ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก เขาจะย้ายถิ่นที่อยู่ถาวรโดยย้ายทะเบียนบ้านไปปักกิ่ง เพื่อจากนี้ไปเขาจะได้กลายเป็นคนปักกิ่ง
เมื่อก่อนทั้งคู่ต่างได้แต่ใฝ่ฝันเช่นนั้นว่าจะเป็นคนปักกิ่ง พวกเขาประสบกับความยากลำบากอย่างมากเมื่อมาถึงที่นี่ในครั้งแรก แต่หลังจากพบกับเหล่าจาง ชีวิตความเป็นอยู่หลังจากนั นจึงยิ่งดีขึ้น
ในวันนี้พวกเขามีบ้าน มีลูก มีการงานมั่นคง นี่ถือว่าเป็นความพอใจที่สุดแล้ว
เพียงแค่แต่ละเดือนต้องผ่อนบ้านเป็นจำนวนมาก รวมทั้งค่าเล่าเรียนในโรงเรียนอนุบาลและประถมของลูกในภายภาคหน้า ซึ่งค่าครองชีพของที่นี่สูงมาก โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา
พักเรื่องอนาคตที่สดใสของหลินต้าเว่ยและภรรยาของเขาไว้ก่อน กลับมาที่เรื่องของซูจิ้นตั๋ง
หลังจากสอบถามราคาบ้านกับจี้เจี้ยนอวิ๋น เขาก็บอกกับภรรยาเมื่อกลับไปถึงบ้าน
สะใภ้รองซูตกตะลึง “เมื่อไม่กี่ปีก่อนราคาแค่ไม่กี่พัน ตอนนี้ขึ้นไปถึง 10,000 แล้วเหรอ?”
ย้อนกลับไปในตอนนั้น หล่อนสามารถหาเงินได้สองสามพันหยวนเพื่อซื้อบ้าน แม้ว่าพวกเขาจะหาเงินมาไม่ได้ เจี้ยนอวิ๋นยังสามารถให้ยืมเงินได้นิดหน่อย
แต่ตราบใดที่มีเงินพอซื้ออยู่ ยังจะต้องกลัวว่าไม่มีบ้านให้ซื้ออีกเหรอ?
ด้วยเหตุนี้หล่อนจึงชะล่าใจไป เพียงล่าช้าไปไม่กี่ปี ตอนนี้ราคาบ้านกลับขึ้นมาเป็น 10,000 หยวนแล้ว ราคาขึ้นขนาดนี้นับว่าไม่โหดไปหน่อยหรือ?
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
บางอย่างช้าไปนิดเดียวราคาขึ้นมาเยอะมากจนซื้อไม่ไหวจริง ๆ ค่ะ จะซื้อกันไหวไหมคะเนี่ย ตั้ง 10,000 หยวนในสมัยนั้น
ไหหม่า(海馬)